บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 948
บทที่ 948 ฝาแฝด
เจ้าตัวปลอมไม่พูดอะไรอีก เหมือนจะไม่คิดที่จะคายความจริงอะไรออกมาอีก
สุดท้ายก็เปิดปากพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉยว่า“ท่านอ๋อง เจ้าควรจะไปถามคนที่รู้เรื่องนี้นะ”
หลังจากนั้นเฉิงซานกับเหล่าข้ารับใช้จะเคล้นอย่างไร นางก็นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะมองไปนอกหน้าต่าง แม้แต่ความสดใสในดวงตาที่เหลือเพียงน้อยนิดก็หายไปอย่างไร้เงา
“ไม่ต้องเคล้นถามต่อไปแล้วล่ะ รอหลังจากเรื่องทุกอย่างจบแล้ว ค่อยส่งนางกลับไป”ซ่านจินจื๋อพูดจบ มุมปากของนางก็ยกยิ้มขึ้นมา แล้วมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เพียงแต่จับไปที่แก้วอันว่างเปล่า มองไปที่นอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย
เรื่องนี้ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน ตกลงมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ถ้าหากมันเป็นแผนการที่หยุนหว่านกับหยูนซีวางแผนไว้ นั่นอาจจะยิ่งเหมือนกับผลสืบเนื่องที่เสด็จพ่อของเขาเหลือทิ้งไว้ แต่ซ่านต้วนโฉงจะทำเพราะเรื่องของความเป็นอมตะ และปิดบังเรื่องนี้เอาไว้?
มีหลายเรื่องมากที่ยังไม่อาจรู้ได้
รอจนทุกอย่างจบลงแล้ว ตงฟางซวนเอ๋อกับเจ้าคนตัวปลอมต่างถูกขังไว้ในห้องของตัวเอง จี้ซูถูกย้ายไปนอนพักอยู่ภายในห้อง หมอหนุ่มพูดกับสาวใช้ที่ร้องไห้ไม่หยุดว่า“ฮูหยินอายุยังเยาว์นัก สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ก็ถือว่าเป็นโชคดีแล้ว”
หลังจากสาวใช้ที่ได้ยินหมอพูดจบก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีก บนศีรษะของจี้ซูถูกพันเต็มไปด้วยผ้าพันแผล นอนอยู่บนเตียงอันอ่อนนุ่มอย่างไม่ขยับ ข้างๆเตียงยังสามารถมองเห็นเลือดเป็นดวงๆแต้มอยู่บนผ้าพันแผล
“ท่านอ๋อง”เฉิงซานหันหน้ากลับมาทำความเคารพ บนใบหน้ามีความสงสารเห็นใจ
“ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว อยู่ที่นี่คอยรักษาเนื้อรักษาตัวหลายวันหน่อย”
ซ่านจินจื๋อเดินไปที่ข้างหน้าเตียงของจี้ซู สาวใช้รีบปาดน้ำตาขยับให้ แล้วได้ยินซ่านจินจื๋อพูดขึ้นมาว่า“เด็กคนนี้ถึงจะไม่ใช่ลูกของข้า แต่ก็ถือเป็นชีวิตหนึ่ง”
สาวใช้ร่างกายแข็งทื่อ หันกลับไปมองยังสายตาเย็นชาของซ่านจินจื๋อ แผ่นหลังเย็นวาบไปหมด
ไม่ได้เห็นรังสีอำมหิตบนตัวของอ๋องจิ้งมานานแล้ว สาวใช้กับองครักษ์ที่อยู่ภายในห้องต่างรู้สึกถึงแรงกดดันที่ค้ำคออยู่ แม้แต่การหายใจยังถือว่าเป็นเรื่องที่ฟุ่มเฟือย ศีรษะชาไปหมด แม้แต่ขมับยังมีเหงื่อผุดขึ้นมา แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าเงยหน้าจ้องมองสายตาของเขา
สาวใช้รีบโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงดังตึ้ง ห้ากระแทกเข้ากับพื้นเสียงดัง“นี่เป็นแผนการของใต้เท้าจี้ คุณหนูไม่ได้ยินยอม……”
“ดูท่าแล้วคนของเมืองเทียนเหยียนจะจำไม่ได้ว่าคำว่าอ๋องจิ้งสองคำนี้จะหมายความว่าอะไร”ซ่านจินจื๋อเคล้นเสียงหัวเราะผ่านออกมาจากโพรงจมูก เขาค่อยๆยืนขึ้นมาแล้วมองดูสาวใช้ที่นั่งอยู่กับพื้นบนศีรษะมีรอยเลือดไหลลงมา จึงพูดขึ้นมาว่า“แม่ของจี้ซูถูกรังแก แน่นอนว่าข้าต้องปกป้องแน่ แต่จี้ซูไม่รักษาความเป็นหญิง เหลือไว้บนโลกใบนี้ก็รังแต่จะทำให้ใต้เท้าจี้ขายหน้า เจ้าคงจะเข้าใจดีใช่ไหม?”
สาวใช้เงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา“ทุกอย่างไม่ได้เป็นความตั้งใจของคุณหนูนะเจ้าค่ะ!”
“ถ้าหากนางกตัญญูจริงๆ ก็ให้สละชีวิตนี้เหลือไว้ให้แม่ของนางเถอะ”ซ่านจินจื๋อมองไปที่คนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างเลือดเย็น หลังจากนั้นก็ทำให้สาวใช้เบาเสียงลง“แต่ตระกูลเสื่อมเสียก็ไม่ควรสาวไส้ให้กากิน เรื่องนี้ข้าจะปิดเป็นความลับไว้ ยังจะช่วยลูกของจี้ซูแก้แค้นด้วย ไปถามหาความยุติธรรมกับตระกูลตงฟาง ดีไหม?”
สายตาคู่เย็นชาคู่นั้นยังมีรอยยิ้มชั่วร้ายอยู่ในนั้นด้วย
สาวใช้นั่งอยู่กับที่อย่างเหม่อลอย จนกระทั่งรอให้ซ่านจินจื๋อเดินออกไปจากห้องแล้ว นางถึงได้จิกเล็บไปกับมือแน่น กัดฟันกรอดมองไปที่จี้ซูที่นอนอยู่บนเตียง หลังจากนั้นดวงตาก็แดงก่ำ เอ่ยปากพูดกับเฉิงซานไปว่า“ข้าจะไปบอกกับใต้เท้าจี้ ว่าคุณหนูจี้ซูถูกคุณหนูใหญ่ตงฟางฆ่าตายแล้ว”
เฉิงซานมองดูสาวใช้ความเปลี่ยนแปลงของสาวใช้ด้วยความดูถูก แต่ก็ยังคงพยักหน้าอย่างตั้งใจ“ชีวิตของคุณหนูจี้มอบให้ข้าเป็นคนจัดการเถอะ ตอนนี้เจ้ารีบลงบันไดไปซะ ข้าจะไปสั่งให้คนเตรียมม้าให้เจ้า จำที่พูดไว้นะ”
“ข้าทำแน่”สาวใช้รีบปาดคราบเลือดบนหน้าผากแล้วลุกขึ้นยืน เดินหน้าออกไป
สายตาไม่ได้ชายมองคนที่อยู่บนเตียงเลยแม้แต่น้อย
ซ่านจินจื๋อยืนมองสาวใช้เดินจากไปกับม้าและข้ารับใช้ของเขา มือที่วางอยู่บนหน้าต่างกลับกำแน่นขึ้นอย่างไม่รู้สึกตัว
เรื่องพวกนี้เหมือนจะเกิดขึ้นในเมืองเทียนเหยียนทุกวัน การหักหลังและการเชื่อใจเป็นแค่เรื่องชั่วพริบตา ตั้งแต่เด็กจนโตมองดูมันมายี่สิบกว่าแล้ว มาวันนี้กลับรู้สึกว่าตัวเองผิดพลาดทุกอย่าง เขาเชื่อใจซ่านเชียนหยวนและข้ารับใช้เหล่านั้น ยิ่งเชื่อใจกู้อ้าวเวยที่มีโอกาสก็เล่นสนุกเป็นครั้งคราว สำหรับเรื่องสำคัญ พวกเขาต่างต้องปิดปากเงียบ แล้วช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ตอนนี้เองเฉิงซานค่อยๆเดินมาหยุดยืนข้างหลังของเขา“จี้ซูกับแม่ของนาง ข้าน้อยได้ให้คนส่งพวกเขาไปอาศัยที่ไกลจากที่นี่แล้วขอรับ”
“ยังคงเป็นเจ้าที่รู้ใจข้า”ซ่านจินจื๋อยกยิ้มมุมปากขึ้นมา
“เพราะว่าท่านทำอะไรได้ดีขึ้น เก็บชีวิตคนไว้ไม่ใช่วิสัยของท่าเลย มาวันนี้ท่านทำเพื่อคุณหนูหรือขอรับ?”
“ทั้งชีวิตของข้า ไม่ควรทำเพื่อสตรีคนหนึ่ง เพียงแต่นางบอกกับหัวใจข้าอย่างหนึ่งว่าหัวใจมนุษย์เมื่อเทียบกับผีร้ายและเทพเจ้าแล้ว ที่ต่ำจะเป็นผีร้าย ด้านบนจะเป็น เทพเจ้า”ซ่านจินจื๋อหันกลับไปตบบ่าของเฉิงซานเบาๆ“ปล่อยตงฟางซวนเอ๋อไปเถอะ ขอเพียงแค่นางนำอะไรที่คุ้มค่าแก่การแลกเปลี่ยนชีวิตออกมาก็พอแล้ว”
“ขอรับ”เฉิงซานพยักหน้าแล้วเดินจากไป
เหลือซ่านจินจื๋อไว้ในห้องเพียงคนเดียว พอนึกคิดอย่างถี่ถ้วนสิ่งที่เจ้าตัวปลอมพูด
ถ้าหากหลิงเอ๋อร์กับกู้อ้าวเวยคนหนึ่งถูกเลี้ยงดูปลูกฝังให้เป็นตัวแทน ทั้งอย่างนั้นตอนถูกส่งมาอยู่ข้างหายของเขาหลิงเอ๋อร์คนนั้นตกลงเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม อีกทั้งหยุนหว่านไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย แล้วถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหยุนหว่างและหยูนซีอย่างไร?
คิดอะไรไม่ออก เขาจึงสามารถทำได้เพียงแค่เขียนจดหมายด้วยตัวเองส่งไปยังเอ่อตาน หวังว่าจะได้รับรู้อะไรจากหยุนหว่านบ้าง
แต่ทางหลวงอีกด้านหนึ่งภายในรถม้า
กู้อ้าวเวยที่มีคำถามในใจเหมือนกัน นางมองไปที่เด็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ แล้วชี้กลับที่ตัวเอง“เจ้าเคยพบเจอข้าอย่างงั้นหรอ?”
“เคยเห็นสิ หลายปีก่อนเจ้ายังเคยมาหมู่บ้านประมงของพวกเราหนึ่งครั้ง ยังช่วยท่านลุงข้างๆไปด้วย”เด็กน้อยมองไปที่นางอย่างไม่เข้าใจ จับไปที่ใบหน้าของนางดูอย่างละเอียด แล้วขมวดคิ้ว“แต่ทำไมดวงตาของเจ้าถึงเป็นสีเทาหม่นล่ะ?”
กู้อ้าวเวยรีบนึกถึงหลิงเอ๋อร์เป็นเจ้าคนตัวปลอมเป็นคนแรก นางจึปาก“นางเคยไปในตอนนั้นแล้วหลังจากนั้นยังทำอะไรล่ะ?”
“นางบอกว่าในมือของผู้ใหญ่บ้านมีตำราเล่มหนึ่ง เป็นของของราชวงศ์ แต่ผู้ใหญ่บ้านน่ะขี้ลืมมาก กว่าจะหาให้นางเจอก็หลายวัน”เด็กน้อยพูดต่อจากนาง แล้วจับนางของนางมองดูอย่างละเอียด“มีแค่ดวงตาที่ไม่เหมือนกัน เจ้ายังเคยอุ้มข้าแหน่ะ”
ถึงว่าล่ะตั้งแต่ถูกช่วยออกมาก็เอาแต่ตัวติดกับกู้อ้าวเวย
“เป็นฝาแฝดกันใช่ไหม?”เด็กชายเงยหน้าขึ้นมาจากกองผ้าสัมภาระ แล้วขยี้ไปที่ปลายจมูก พูดขึ้นมาว่า“ครั้งก่อนข้าพอเจอผู้หญิงที่มีลักษณะเหมือนกันสองคน เพียงแต่หนึ่งในนั้นตาบอดไม่พอยังสติไม่ดีอีก แต่อีกคนหนึ่งหน้าตาเหมือนกับนางไม่มีพิษจูงมือนางอยู่”
“พวกนางกำลังทำอะไร?”โม่ซานพิงไปที่มุมของรถม้า แล้วอดที่จะถามขึ้นไม่ได้
เด็กชายเกาศีรษะของตัวเอง แล้วส่ายหน้า“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คนที่มีสติเหมือนจะกำลังดื่มยา แล้วยังพูดว่าทนอะไรไม่ไหวแล้วสักอย่าง……”
ฝาแฝดอย่างนั้นหรอ?
กู้อ้าวเวยที่ได้ฟังแล้วถึงกับมึนงงไปหมด
ก่อนหน้านั้นมีตัวปลอมที่หน้าตาเหมือนกันกับนางอย่างกับแกะโผล่มาหนึ่งคน มาวันนี้ยังมีหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนกันอีกสองคนปรากฏตัวขึ้น จะเป็นฝาแฝดจริงๆน่ะหรอ?