บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 952
บทที่ 952 ความรัก
“ขอบพระคุณท่านนะเจ้าคะ ที่รักษาความลับมานานเช่นนี้”
กู้อ้าวเวยยื่นจดหมายและกระบอกไม้ไผ่นั้นกลับไปให้เขาด้วยรอยยิ้ม แล้วพูด “ตอนนั้นท่านขายมันให้กับกู้เฉิงนั้น เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุจริงหรือเจ้าคะ”
“ก็ย่อมไม่ใช่ ไม่เช่นนั้นวันนี้ข้าก็คงไม่เรียกเจ้ามาแล้วล่ะ”
เขาอายุมากแล้ว จึงไม่ได้สนใจเรื่องในอดีตอะไรมากนัก ในเมื่อกู้อ้าวเวยบอกว่าเรื่องนี้ไม่โทษเขา เขาจึงพูดความจริง ตามด้วยหยิบโฉนดที่ดินของจวนเก่ามาจากชั้นวางแล้วยื่นให้นาง แล้วพูดต่อ “ในอดีตกู้เฉิงโดนไล่ออกจากที่นี่ หลังจากที่จวนใหญ่โตนี้โดนสั่งปิด ข้าจึงจ่ายไปหลายพันตำลึงเพื่อซื้อกลับมา ในตอนที่ทำความสะอาดนั้น เจอของไม่น้อย”
“ท่านนำตนเองมาเสี่ยงเกินไปเจ้าค่ะ” ไม่ว่ายังไงคนตรงหน้านั้นเป็นเพื่อนของท่านตา หากตกอยู่ในอันตราย นางคงรู้สึกผิดจนตาย
“หากเพื่อนของแม่เจ้าไม่เกิดเรื่องขึ้น ข้าเองก็คงไม่มายุ่งเรื่องพวกนี้หรอก ข้ารู้สึกผิดมาครึ่งชีวิต ตอนนี้ฟังเจ้าพูดเช่นนี้ข้าถึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง” เขายิ้มอ่อนๆ แล้วพูดเสียงต่ำ “ใต้จวนนี้ยังมีทางลับ แต่ข้าไม่ได้ส่งคนลงไป เจ้าสามารถลงไปดูได้ นี่คือกุญแจ”
ระหว่างที่พูดนั้น เขาก็ยื่นกุญแจให้นาง
“อย่าลืมช่วยข้าถามไถ่ท่านตาของเจ้าด้วย บอกว่าชีวิตนี้ข้าพึงพอใจแล้ว แต่ตระกูลหยุนนั้นยังคงติดค้างข้า หากในอนาคตหลานชายของข้าเจอเคราะห์ พวกเจ้าจะไม่ช่วยไม่ได้นะ” เขายิ้มเล็กน้อย แล้วถือไม้เท้าเดินออกไปเลย
กู้อ้าวเวยเดินตามเขาไปด้วยความระวัง แล้วถือกุญแจไว้เป็นพวง “ขอบพระคุณทานนะเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ ยังไงข้าก็จะรีบค่าตอบแทน” หลังจากที่เขาพูดจบ ก็พูดเพิ่มอีกประโยคในตอนที่กำลังเดินไปด้านหน้า “เจ้ากับแม่ของเจ้านั้น คล้ายยายของเจ้ามาก”
อึ้งอยู่ที่เดิม กู้อ้าวเวยมองรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเขาไม่ชัด แต่สามารถฟังออกว่าเขามีความสุขเล็กน้อย ในใจมีความรู้สึกซับซ้อน แต่พอมาถึงปาก กลับพูดแค่ว่า “นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้ยินเรื่องของท่านยาย”
“ชิงหยางยังคงเห็นแก่ตัวเหมือนเดิม” เขาขยี้ศีรษะแล้วหัวเราะเล็กน้อย จากนั้นจึงพูด “หากมีโอกาส ไปถามดูว่าศพของท่านยายเจ้าอยู่ที่ใด เอาดอกไม้ไปไหว้นางแทนข้าด้วยแล้วกัน”
“ท่านมีคำพูดอะไรจะฝากถึงท่านยายของข้าหรือไม่เจ้าคะ?”
“บอกว่า ไม่มีนาง ชีวิตของข้าก็มีความสุขดี ฮูหยินเป็นคนอ่อนโยน ไม่แพ้เขาเลย” เขายิ้ม แล้วผลักนางเบาๆ “ตอนนี้ ก็เป็นเวลาของหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้าแล้วล่ะ”
เดินไปด้านหน้าเล็กน้อย กู้อ้าวเวยเบิกตาโต รู้สึกคัดจมูก แล้วไม่สบายตัว กอดกุญแจแล้วเดินไปหาจางเหยียงซาน
หลังจากที่กลับแล้ว นางจำคำพูดของผู้สูงอายุไว้อย่างดี
ราวกับว่าความรักของเขาและท่านตาในอดีตนั้นก็เคยเร่าร้อน ทุกคำพูดล้วนพูดถึงเรื่องในอดีต แล้วจำเรื่องในอดีตจนฝังใจ แต่กลับปล่อยวางได้นานแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงความทรงจำที่หมักไว้ราวกับสุราชั้นยอด
แต่ว่าผู้สูงอายุท่านนี้ คงจะเก็บท่านยายไว้ในความทรงจำตลอดไปสินะ
จางเหยียงซานเห็นนางคิดเรื่องราวอย่างจริงจัง จึงอดไม่ได้ที่จะถาม “ตั้งแต่ที่จากกันเมื่อครู่นี้ เจ้าก็เริ่มตัวแปลกๆ”
กู้อ้าวเวยเล่าเรื่องของผู้สูงอายุและเรื่องท่านตาท่านยายของตนเองไปหนึ่งรอบ แล้วถามกลับ “หากข้าชอบใครสักคนจริงๆ ข้าจะไม่แต่งงานทั้งชีวิต”
“เป็นไปได้อย่างไร?” จางเหยียงซานมองนาง “คนที่ผู้ส่งอายุแต่งงานด้วยคงเป็นหญิงสาวที่รักเขา ครึ่งชีวิตแรกเขาชอบท่านยายของเจ้า มอบทั้งหัวใจให้นาง แต่ไม่แน่ ครึ่งชีวิตที่เหลือเขาไว้ทำดีกับฮูหยินของเขา ไม่เช่นนั้นเจ้าดูเด็กพวกนั้นสิ เห็นเงินทองมากมายเช่นนั้นแต่กลับไม่แย่งกัน รักกันดีเช่นนี้ ต้องมาจากการที่พวกเขาสองสามีภรรยารักกันดีแน่นอน”
กู้อ้าวเวยพยักหน้าด้วยความเข้าใจ เหมือนคิดอะไรบางอย่างได้แล้วพึมพำตนเอง “ถ้าเป็นเช่นนี้ หากข้าไม่ได้พบกับซ่านจินจื๋อ งั้นชาตินี้ข้าคงไม่แต่งงานแล้วสินะ”
“องค์ชายหกชื่นชอบเจ้า เจ้ายังพยายามตอบรับเขาเลย พอรู้ตัวอีกทีเจ้าก็กลายเป็นชายาองค์ชายหก” จางเหยียงซานหัวเราะ แต่กลับคิดไม่ถึงว่ากู้อ้าวเวยจะค่อนข้างเคร่งกับเรื่องนี้ และยังไม่รู้สึกถึงแววตาที่อยู่ไกลพ้น จึงพูดต่อ “เจ้าลงเอยกับอ๋องจิ้ง ก็เป็นเพราะว่าตอนที่พวกเจ้าอยู่ด้วยกันนั้นเวลาเหมาะพอดี ไม่ใช่เพราะความรัก”
กู้อ้าวเวยพยักหน้าต่อ มือที่จับแขนของจางเหยียงซานจับแน่นมากขึ้น “เวลาเหมาะนั้นสำคัญจริง”
จางเหยียงซานเห็นนางเป็นพี่สาวของตนเอง ตอนนี้จึงตบที่ไหล่ของนางแล้วพูด “อย่างเช่นกุ่ยเม่ยเมิ่งซู่ อย่างเช่นองค์ชายหก องค์ชายสาม ไม่แน่หากเจ้าพบคนพวกนี้ก่อน วันนี้ก็อาจจะไม่มีอ๋องจิ้งแล้ว”
“ข้าไม่อยู่เพียงวันเดียว ก็โดนคนมาแย่งของแล้ว” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากมุมที่ไม่มีผู้คน
จางเหยียงซานมองผู้ชายที่ใส่เสื้อคลุมยาวสีนุช แล้วยืนค้างอยู่ที่เดิม
เขาพูดอะไรไปเนี่ย!
ส่วนกู้อ้าวเวยนั้นหันไปมอง เห็นซ่านจินจื๋อเดินมาทางตนด้วยความเร็ว เลยปล่อยแขนของจางเหยียงซานแล้วเดินเข้าไปหา โดนเขากอดกะทันหันโดยที่ตั้งตัวไม่อยู่ กุญแจที่อยู่ในอ้อมนั้นกั้นกลางระหว่างพวกเขาทั้งสอง ทั้งสองจึงแอบรู้สึกแย่เล็กน้อย
กู้อ้าวเวยผลักเขาออก แล้วไม่พอใจ “เจ็บจะตายแล้ว เจ้าพุ่งมาทำไมหรือ?”
ซ่านจินจื๋อจึงเห็นภายใต้เสื้อคลุมสีดำนั้นมีกุญแจห้อยอยู่พวงใหญ่
ค่อยๆ วางกุญแจไว้ในมือด้วยความระมัดระวัง กู้อ้าวเวยเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังอย่างละเอียด พูดแม้กระทั่งเรื่องที่หยูนซีเจอกับหยุนหว่าน ซ่านจินจื๋อรับกุญแจพวงหนักๆ นั้นมา แล้วถามนาง “ถ้าเจ้าไม่เจอข้าก่อน เจ้าจะแต่งงานกับคนอื่นจริงหรือ”
“โลกนี้มีถ้าที่ไหน? ถ้าผู้สูงอายุคนนั้นมองกระบอกไม้ไผ่ให้ท่านแม่ตั้งแต่แรก เกรงว่าวันนี้ทั้งข้าและท่านแม่คงโดนกักไว้ที่หมู่ตึก คอยคิดค้นสูตรยาไม่เจ็บไม่ตายนี้ทุกวี่ทุกวัน” กู้อ้าวเวยมองเขา “เวลานั้นสำคัญมาก ในเมื่อเจอกับเจ้าแล้ว เจ้าก็คือคนที่ใช่ของข้า”
ซ่านจินจื๋อยิ้มที่มุมปาก ความรู้สึกแย่ที่ได้ยินเรื่องพวกนี้นั้นหายสาบสูญไปเลย
ในขณะที่จางเหยียงซานที่อยู่ด้านหลังโล่งอกนั้น จึงคิดได้ว่ากู้อ้าวเวยไม่ได้บอกเรื่องที่สำคัญให้ตนเอง แต่พอคิดดูดีๆ จึงเดินเข้าไปแล้วถาม “เจ้าซื้อจวนเก่านั้นตั้งใจใช่หรือไม่”
“ไม่หรอก ข้าแค่ไม่อยากเห็นจวนเก่านั้นกลายเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าต่างก็พูดว่ากู้เฉิงทำเรื่องเลวไว้เยอะ แต่ในความทรงจำของข้านั้น เขาดีกับข้าทุกอย่าง ข้าสามารถฆ่าเขาได้ แต่กลับไม่สามารถฆ่าเวลาสิบปีที่ผ่านมานี้ได้หรอก” กู้อ้าวเวยมองบนเล็กน้อย แสงสว่างในแววตาคู่สีเทาของนางจึงค่อยๆ มืดลง
และมีเพียงเวลานี้ ซ่านจินจื๋อจึงอดไม่ได้ที่จะคิด
บางทีการที่นางได้รับยาไม่เจ็บไม่ตาย และลบความทรงจำพวกนั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ไม่แน่