บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 959
บทที่ 959 การต่อรองที่ไร้ผล
คนบ้า
ในตอนที่กู้อ้าวเวยส่งซ่านเซิ่งหานไป ในสมองมีเพียงแต่สองคำนี้
ในขณะซ่านจินจื๋อกลับมาด้วยความเร่งรีบ แม้กระทั่งเงาของซ่านเซิ่งหานก็ไม่พบ มีเพียงแต่กู้อ้าวเวยกำลังยืนอ่านหนังสือโบราณในห้องหนังสือ อยากจะสืบหาเรื่องราวภัยพิบัติไฟจากฟ้าในตอนนั้น แต่ว่าหนังสือที่อยู่ในมือกลับบรรยายไม่เหมือนกัน ทุกคนต่างก็มีการพูดเป็นของตนเอง ยากที่จะแยกได้ว่าสิ่งใดจริงสิ่งใดเท็จ
กุ่ยเม่ยได้นำเรื่องที่ทั้งสองพูดคุยกันพูดออกมาทั้งหมด
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้ว “เพราะเหตุใดตอนนั้นเขาถึงให้เจ้าเข้าไป”
“เพราะว่าความรู้สึกที่เฟิงเยว่ให้ข้าอันตรายมาก นางไม่เพียงแต่สำรวจข้า ยิ่งไปกว่านั้นคือ….เป็นความรู้สึกราวกับว่ากำลังมองเหยื่ออยู่” กู้อ้าวเวยตอบซ่านจินจื๋อ พร้อมนำหนังสือที่อยู่ในมือเก็บเข้าที่ “กับเรื่องภัยพิบัติไฟจากฟ้า เจ้าเห็นว่าอย่างไร?”
“เทียบกับสิ่งนี้ เสด็จแม่ไม่รู้เรื่องของหลินเอ่อร์ทั้งสองเลย เรื่องของเวลานั้นก็ยังเทียบกันไม่ได้” ซ่านจินจื๋อได้พูดคำพูดที่พูดอยู่ที่ห้องพักของไทฮาวทุกคำอีกครั้ง
หลังจากที่พูดแล้ว ทั้งสองสบตากัน ต่างก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาเพียงแค่ยาไม่เจ็บไม่ตาย
“ยู่จือและพี่สาวของยู่จือมีเบาะแสหรือยัง?” กู้อ้าวเวยรีบพูดถาม
เฉิงซานส่ายศีรษะเบาๆ อยู่ข้างหลัง กุ่ยเม่ยก็ยังคงไม่เข้าใจ “นี่เกิดอะไรขึ้น?”
ทั้งสองสบตากันอีกครั้ง ซ่านจินจื๋อเดินจากไป แล้วพูดกับกู้อ้าวเวยว่า “ข้าส่งคนไปหาหนังสือที่มีความเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติไฟจากฟ้า แล้วก็เรื่องราวของบรรพบุรุษตระกูลหยุนและตระกูลยู่”
กู้อ้าวเวยนวดหน้าผากด้วยความหมดหนทาง “ซ่านต้วนโฉงในตอนนั้น อาจจะเหมือนกับซ่านเซิ่งหานในวันนี้ก็เป็นได้”
“อะไรนะ?” กุ่ยเม่ยก็ยังคงไม่เข้าใจ
“ตระกูลหยุนไม่เจ็บไม่ตาย ตระกูลยู่แสดงด้านการโหราศาสตร์ ภัยพิบัติไฟจากฟ้าทำร้ายคนเกือบครึ่ง คนที่เหลือรอดนั้นต่างก็เป็นฮ้องเต้ มีเพียงแต่แคว้นชางหลาน เจีนงเยี่ยน เอ่อตาน สามแคว้นที่ค่อยๆ เก่งกาจขึ้นทุกวัน ถ้าหากตามหลักที่แถวตลาดพูดกันแล้ว สามแคว้นนี้คือสถานที่ที่มีผู้คนอยู่รอดจากตอนนั้นมากที่สุด และตอนนั้นที่ชางหลานเริ่มเก่งกาจ ก็สามารถถือว่าเป็นผลพลอยจากฮ่องเต้รุ่นแรกและบรรพบุรุษตระกูลหยุน มีการขยายขอบเขต การเชื่อมโยงระหว่างนี้ ไม่ธรรมดา” กู้อ้าวเวยคาดเดาอยู่ที่ลับ รู้สึกว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายเช่นนี้
“นี่เป็นถึงภัยพิบัติไฟจากฟ้านั่นก็คือ” เหตุสุดวิสัย
“ถ้าหากมีคนคิดว่า ใช้ยาไม่เจ็บไม่ตายแล้วจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอด งั้นเมื่อใดที่ภัยพิบัติไฟจากฟ้านี้จะจบลงจะมีปัญหา? พอถึงเวลานั้นค่อยใช้ยานี้ต่อ มีชีวิตอยู่ท่ามกลางภัยพิบัติ บวกกับประสบการณ์นับร้อยปี พอที่จะครอบครองทั้งโลกจริงๆ นี่ไม่ใช่เรื่องยาก” กู้อ้าวเวยนั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆ ด้วยความหดหู่
“แต่ว่าไม่เจ็บไม่ตายต่างก็ไม่ใช่ความจริง เรื่องพวกนี้ไม่สามารถเป็นไปได้อยู่แล้ว” กุ่ยเม่ยรีบเดินไปข้างหน้า “ขอแค่พวกเขารู้ว่าไม่เจ็บไม่ตายคือเรื่องปลอม แน่นอนว่าจะ…..”
“ปัญหาก็คือพวกเขาจะไม่เชื่อ” เสียงของฉีหรัวดังผ่านมาจากนอกประตู นางเดินเข้ามาพร้อมชุดกระโปรงยาวสีเขียว แววตาเปล่งประกาย “ปัญหานี้ไม่ใช่การที่ภัยพิบัติไฟจากฟ้าจะจบลง แต่เป็นการเกิดขึ้นอยู่บนตัวคน”
“ยกตัวอย่าง” กู้อ้าวเวยลุกขึ้น วางมือเรียบอยู่บนศีรษะ พูดว่า “เช่นในวันนี้ ฮ่องเต้ต้องการใบสั่งยาของไม่เจ็บไม่ตายในระดับความสูงของข้านี้ พอถึงเวลาข้าต้องให้ใบสั่งยาที่ถูกต้องกับเขา ให้ตัวเขารู้ด้วยตนเองว่าผิด งั้นเรื่องนี้ก็จัดการได้แล้ว”
หลังจากนั้น นางก็วางมือไปยังระดับความสูงที่ไหล่ของกุ่ยเม่ย เงยศีรษะขึ้นมองเขา “แต่ว่าตอนนี้ สิ่งที่เขาอยากได้คือสิ่งของที่อยู่ในระดับความสูงนี้ นั่นก็คือใบสั่งของการที่เสียชีวิตแล้วสามารถฟื้นชีพได้ หรือสิ่งของที่สามารถต่อชีวิตของคนเสียชีวิตได้ ข้าก็ยากที่จะให้เขาแล้ว”
“สุดท้าย….” กู้อ้าวเวยเขย่งเท้า แล้ววางมืออยู่บนศีรษะของเขา
“สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ คือไม่เจ็บไม่ตายและสามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้ แต่ว่าสิ่งที่ข้าสามารถให้เขาได้จริงๆ ถึงเพียงแค่ระดับความสูงตรงไหล่ของข้า วันนี้หากข้านำใบสั่งยาออกมาอีก แล้วเขาไม่เชื่ออีกล่ะ?” กู้อ้าวเวยเอียงศีรษะแล้ววางมือลง มองดูดวงตาของกุ่ยเม่ย “ถ้าหากเขาไม่เชื่อว่าใบสั่งยาที่อยู่ในมือของข้าเป็นความจริง ก็จะฆ่าคนแล้วนำมาทดลองยาต่อ จนกระทั่งบรรลุเป้าหมาย แล้วในมือของเราก็ไม่มีข้อต่อรองแล้ว”
กุ่ยเม่ยจึงจะเข้าใจ
ปัญหาอยู่ที่ว่าซ่านต้วนโฉงไม่มีทางเชื่อใบสั่งยาของนางแน่ๆ และหลังจากที่พูดถึงเรื่องภัยพิบัติไฟจากฟ้าและการครอบครองทั้งโลกแล้ว ก็มีความเกี่ยวข้องกับความโลภ ถึงแม้วันนี้จะเชื่อฟังซ่านเซิ่งหานว่าให้จากไป ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางหยุดเรื่องที่จะฆ่าคนเพื่อมาทำการทดลองยา
และถ้าหากเชื่อว่าภัยพิบัติไฟจากฟ้าและการตายที่สามารถฟื้นชีพได้ พวกเขาก็จะทำการกระทำที่บ้าคลั่งแน่นอน
“ภายในเรื่องนี้จะมีผู้เสียสละมากมายเพียงไหน…..” กุ่ยเม่ยอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำ
“ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาเรื่องการเสียสละชีวิต ถึงขั้นจุดนี้ก็สามารถทำได้ งั้นเพราะเหตุใดซ่านต้วนโฉงถึงพยายามให้ซ่านจินจื๋อมาสืบทอดราชบัลลังก์ขนาดนี้ ในนี้ต้องมีเหตุผลอื่นแน่นอน” กู้อ้าวเวยปวดหัวจนนวดไปที่หน้าผาก
สำหรับพวกเขาแล้ว นี่อาจจะเป็นปัญหาด้านการเสียสละชีวิตไปกี่คน
แต่ในสายตาของนาง ตระกูลซ่านราชวงศ์ในวันนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปตั้งนานแล้ว ดั่งการสนับสนุนลัทธิต่างๆ แต่แผนการที่แท้จริงคือได้รับทุกอย่างทั้งหมดในโลกนี้ และเชื่อว่าทุกอย่างที่ทำหลังจากนี้จะค่อยๆ บ้าคลั่งขึ้น ถึงแม้ว่าภายนอกจะเป็นฮ้องเต้ที่มีพระปรีชาสามารถ แต่ว่าจำนวนชีวิตคนเท่านี้ที่สะสมในแต่ละวัน ก็เหมือนกับแผนการไม่เจ็บไม่ตายของฮ้องเต้ที่โหดเหี้ยมในตอนนั้น
หากพอถึงเวลาชางหลานยุ่งวุ่นวาย ข้างๆ ก็มีเอ่อตานและเย่นเจียงคอยจับจ้อง งั้นไม่ใช่เรื่องที่แต่ละวันนี้จะมีคนตายแล้ว แต่เป็นเรื่องที่ทั้งแผ่นดินใหญ่จะมีการเปลี่ยนครั้งใหญ่
“ทำไมเมื่อกี้เจ้าไม่บอกท่านอ๋อง” ฉีหรัวมองนาง
ดึงสติกลับมา กู้อ้าวเวยกำลังพิงอยู่ที่ข้างโต๊ะ แต่กลับมองไปทางฉีหรัวด้วยความสงสัย “เมื่อกี้เขาก็นึกถึงเรื่องพวกนี้แล้ว ไม่เพียงแต่เช่นนี้ เขายังนึกถึงเรื่องที่ซ่านเซิ่งหานและซ่านต้วนโฉงทั้งสองที่มีความคล้ายคลึงกันแน่นอน”
“ความหมายของเจ้าคือ พวกเขาต่างก็เชื่อในเรื่องนี้?” ฉีหรัวถามด้วยเสียงที่เบา
“เป็นเช่นนี้จริงๆ ฉะนั้นเขาจึงพูดว่าไทฮาวไม่รู้เรื่องของหลินเอ่อร์ทั้งสอง งั้นเรื่องนี้เป็นไปได้อย่างมากว่าฮ่องเต้องค์ก่อนเป็นคนทำ และถึงแม้ซ่านต้วนโฉงจะเกลียดท่านพ่อและท่านแม่ที่ไม่ให้เขาและหยุนซีอยู่ด้วยกัน แต่สุดท้ายก็ยังสืบทอดราชบัลลังก์ เก็บความลับนี้ไว้ อาจจะเป็นไปได้เพราะว่าพวกเขาเชื่อในเรื่องภัยพิบัติไฟจากฟ้าและการตายที่ฟื้นชีพได้ ตอนนี้ซ่านเซิ่งหานเชื่อและหลงใหลกะทันหันแบบนี้ ภายในต้องมีเรื่องน่าแปลกแน่นอน” กู้อ้าวเวยพูดมาเป็นทอดยาว กุ่ยเม่ยและฉีหรัวเริ่มไม่เข้าใจแล้ว
กู้อ้าวเวยกลับจัดการลำดับขั้นเรื่องราวได้ชัดเจน ลุกขึ้นตรงมาถามฉีหรัว “เจ้ามีเรื่องอะไรมาหาข้าหรือเปล่า?”
“เมื่อครู่นี้ข้ารออยู่ที่ห้องเหมือนว่าจะกลไก หลี่ซินกำลังส่งคนไปเปิด” ฉีหรัวพึ่งจะคิดได้ว่า เมื่อกี้ตอนที่นางมาได้แต่ฟังคนอื่นพูด
“ลองไปดู” กู้อ้าวเวยพยักหน้า เดินขึ้นไปจับมือของฉีหรัว
“เจ้าไม่สนใจเรื่องภัยพิบัติไฟจากฟ้ากับองค์ชายสามแล้ว?” ฉีหรัวมองนาง
“ต่างก็รู้สาเหตุแล้ว รวมถึงสภาพแวดล้อมในตอนนี้ เรื่องที่สำคัญกว่าขนาดนั้น เป็นการเพิ่มข้อต่อรองในมือ จากนั้นค่อยเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ข้าคงไม่นั่งรอความล้มเหลวหรอก” กู้อ้าวเวยยังคงยิ้มได้อย่างเบิกบาน แล้วจากไปพร้อมกับฉีหรัว
กุ่ยเม่ยมองดูเงาของผู้หญิงทั้งสอง ค่อยๆ นับช่วงเวลาที่เขาเคยผ่านมา
ราวกับว่าไม่เคยมีวันไหนที่หยุดพัก เพราะเหตุใดกู้อ้าวเวยถึงสามารถจับจุดสำคัญได้แต่เนิ่นๆ ตลอด น้อยมากที่จะลังเลอยู่ในเรื่องเรื่องหนึ่งที่เกินหนึ่งเดือน
ราวกับว่ามีเพียงแต่เรื่องความรู้สึกกับซ่านจินจื๋อในตอนนั้น เป็นอุบัติเหตุที่เกินขึ้นติดกันนานหลายปี