บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 963
บทที่ 963 ความเป็นความตาย
“เมื่อกี้ที่กุ่ยเม่ยพูดถึงคนที่น่าสงสัยนั้นคือเรื่องอะไรกัน?”
กู้อ้าวเวยกำลังลูบพวกเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ซ่านจินจื๋อเอาออกมาเมื่อกี้ นางก็แยกไม่จริงกับปลอมไม่ออก แต่มองอยู่นาน ก็แน่ใจได้ว่าเสื้อผ้าพวกนี้เวลาต่างกัน ดูแล้วไม่เหมือนใส่เข้าไปครั้งเดียว
ซ่านจินจื๋อมองดูของพวกนี้ ก็นึกถึงแม่ของซ่านต้วนเฟิง
ตอนนั้นกู้เฉิง คงจะเตรียมของพวกนี้ให้แม่ของซ่านต้วนเฉิงทุกปี จนกระทั่งตอนนี้เขายังคิดที่จะแย่งชิงตำแหน่งเพื่อศัตรูกับลูกชายของคนรัก ขนาดคนสนิทญาติตัวเองก็ไม่สนใจ
แต่พอมองกู้อ้าวเวย นางยังนึกเรื่องของกู้เฉิงและซ่านต้วนเฟิงไม่ได้
“อาจเป็นสิ่งของของคนรักกู้เฉิงในตอนนั้น ซ่อนตรงนี้ปลอดภัยที่สุด” ซ่านจินจื๋อโน้มตัวลงดึงนางขึ้นมา
นางถูกซ่านจินจื๋อดึงขึ้นมาจากที่นั่งยองๆ กู้อ้าวเวยมองเขาอย่างสงสัย: “คนรักของกู้เฉิง?”
“ใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้” ซ่านจินจื๋อบีบแขนนางไว้ แต่กลับจับไปที่กระดูกแข็ง ขมวดคิ้วพูดว่า: “ไปกินของอร่อยก่อนเถอะ”
“วันนี้ต้องกินขนมเพิ่มหนึ่งชิ้น?” กู้อ้าวเวยรีบดึงแขนซ่านจินจื๋อไว้
ตอนแรกนางควรจะกินทุกวัน แต่วันก่อนซ่านจินจื๋อเห็นนางพาเด็กสองคนกินขนมไม่หยุด ถึงได้ออกคำสั่ง ขนมทุกวันมากสุดสามชิ้น เด็กสองคนกินได้คนละชิ้นเท่านั้น
“ดื่มซุปเยอะหน่อย” ซ่านจินจื๋อปล่อยแขนลงหน่อย ให้กู้อ้าวเวยจับได้สะดวก
“เรื่องคนที่น่าสงสัยเจ้ายังไม่พูดเลย” กู้อ้าวเวยจีบแขนเขาไว้และดึงออกไปด้านนอก
น้ำเหนียวในห้องตอนนี้ถูกจางเหยียงซานเอายาสมุนไพรปิดไว้แล้ว มีกลิ่นเหม็นแปลกๆออกมา พวกข้ารับใช้กำลังเก็บกวาดใบไม้แห้งในจวนและของสิ่งอื่นที่อุดรูไว้ออก เพื่อไม่ให้ในลานมีน้ำขัง
เฉิงซานที่อยู่หน้าประตูเดินเข้ามา: “คุณหนู คนที่น่าสงสัยนั้นคือข้าน้อยเอง”
“เป็นเรื่องอะไรกัน?” กู้อ้าเวยไม่เข้าใจ
“กุ่ยเม่ยรายงานเท็จ เพื่อเตือนพวกที่หลบอยู่ในความมืด” ซ่านจินจื๋ออธิบายง่ายๆ เขากับเชิงซานเข้าใจเรื่องนี้กันดีสองคน แต่กู้อ้าวเวยไม่เข้ายุ่งเรื่องพวกนี้ ถึงไม่เข้าใจว่านี่คือวิธีการหลอก
พอพูดถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยเข้าใจครึ่งเดียวและไม่ถามอีก
“น้ำเหนียวนั่นจะหายไปเมื่อไหร่กัน?” ซ่านจินจื๋อถาม
“น้อยสุดก็หนึ่งวัน แต่ถ้าตอนนี้ฝนตก น้ำเหนียวพวกนั้นจะแห้งยาก กลัวว่าคงต้องตากไว้ที่แสงแดดสักสองสามวัน พอดีเลยช่วงนี้ข้าก็ต้องทดลองหญ้าเย้น” กู้อ้าวเวยพอพูดถึงพวกสมุนไพร ก็จะจับแผลแมงมุมกัดตรงหลังมือทุกครั้ง
ทั่วใต้หล้านี้ เรื่องลึกลับก็มีมากมาย
พอใกล้ถึงเวลาทานอาหาร ซ่านจินจื๋อคุยภัยพิบัติจากฟ้าละเอียดกับกู้อ้าวเวย กู้อ้าวเวยตั้งใจฟัง แต่ก็ยังแปลกใจกับเรื่องนี้: “ก่อนหน้านี้ข้าไม่เชื่อ ก็คิดว่าพวกนี้เป็นคำพูดหลอก แต่ตอนนี้กลับเริ่มเชื่อแล้วล่ะ”
น้ำพวกนี้คงไม่หายไปเฉยๆ
“ข้าก็รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกๆ โม่อีสั่งคนไปตรวจสอบแล้ว ช่วงนี้ข้าคงไม่ค่อยได้มาที่นี่แล้วล่ะ” ซ่านจินจื๋อพูดถึงตรงนี้ ก็มองขวางนาง สายตาเต็มไปด้วยการเตือน: “ช่วงนี้เจ้าต้องตามเฉิงซานไว้ อย่าเจออันตรายอีก”
“รู้แล้วน่า ขี้บ่นเป็นผู้หญิงไปได้” กู้อ้าวเวยมองบน รู้สึกคำพูดพวกนี้ฟังจนหูจะเปื่อยแล้ว
เฉิงซานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงอ๋องจิ้งแบบนี้เลย
พอเตือนแล้ว ซ่านจินจื๋อก็ดูวางใจแล้ว พอกินข้าวอิ่มแล้ว ข้ารับใช้ด้านนอกก็รีบพากันเข้ามา: “ท่านอ๋อง จวนอ๋องจิ้งฝากมาบอกว่า คุณหนูตงฟางจะฆ่าตัวตาย ใต้เท้าตงฟางนำคนมาจะไปเยี่ยมแล้วขอรับ”
“ดูเสน่ห์นี้สิ” กู้อ้าวเวยหัวเราะหยอกล้อ
“วันนี้อนุญาตให้เจ้ากินขนมแค่สามชิ้นเท่านั้น” ซ่านจินจื๋อสีหน้าเคร่งขรึม คนพวกนี้บังอาจมากไปแล้ว
“ใจแคบจริงๆ” กู้อ้าวเวยพูด จนกระทั่งบนหัวมีมือใหญ่อบอุ่นมาแปะไว้ที่หัว ผู้ชายใช้แรงเล็กน้อยดึงปิ่นปักผมที่ผมนางออกมา มองดูเส้นผมยาวที่ล่วงไหลลงมา จนไหลถึงข้างหูนาง มองดูดวงตาสีเทาที่เงยขึ้นมามองเขา
“รอข้ากลับมา ข้าจะใส่ให้เจ้าเองกับมือ” ซ่านจินจื๋อจับปิ่นปักผมไว้ ช่วงเวลานี้ ของสิ่งนี้ก็เป็นของที่ละลึกถึงจะดี
“แค่ไม่กี่วันเอง ไม่ได้ตายจากกันเสียหน่อย” กู้อ้าวเวยหัวเราะเสียงเบา ปาดเส้นผมไว้หลังหู และใช้นิ้วมือยาวสาวผมยาวด้านหลัง พูดเสียงเบาว่า: “แค่เส้นชีวิตและความตายกั้นไว้บางๆเท่านั้น ช่วงนี้เจ้าเข้าวังต้องระวังตัวด้วย”
“ได้” ซ่านจินจื๋อถือปิ่นปักผมไว้แน่น เดินออกไปท่ามกลางสายฝนกับบ่าวชาย
ข้ารับใช้ข้างๆยังอยากทำผมใหม่ให้นาง แต่นางกลับปัดมือพูดว่า: “ในเมื่ออ๋องจิ้งพูดว่าจะมาทำผิดให้ข้าใหม่ งั้นก็เก็บไว้ให้เขาเถอะ ถ้าทำได้ไม่ดีค่อยรบกวนพวกเจ้าแล้วกัน”
ข้ารับใช้ยิ้มอ่อนๆและถอยหลังไปหลายก้าว กู้อ้าวเวยหยิบขนมชิ้นที่สี่ของวันนี้
เชิงซานไม่ได้เข้าไปห้าม แต่แค่อยู่ด้านหลังนางเงียบๆ: “คุณหนูเดี๋ยวจะไปห้องยาอยู่หรือไม่?”
“ข้าไปหาโม่ซานก่อน กุ่ยเม่ยยังไงก็เป็นชาย คงจะเปิดเสื้อผู้หญิงขึ้นและนวดเอวให้นางหรอกนะ” พูดถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยเลิกแขนเสื้อขึ้นมา ไม่สนใจว่ารอยแผลพวกนั้นจะถูกคนอื่นเห็น และไม่สนใจสายตาของพวกข้ารับใช้ชายที่รีบหลบตา
แม้จะมาตรงนี้ นางกู้อ้าวเวยยังคงเป็นกู้อ้าวเวย ถ้าเป็นไปได้ นางอยากจะใส่เสื้อแขนสั้นกางเกงขาสั้นมากกว่า
ตลอดทางมาถึงห้องของโม่ซาน และเห็นกุ่ยเม่ยกับโม่ซานกำลังคุยกันพอดี กุ่ยเม่ยพอเห็นนางก็ไอแห้งหันกลับไป: “เจ้ามาได้ยังไง?”
“ข้าช่วยโมซานนวดเอวหน่อย เจ้าออกไปก่อน?” กู้อ้าวเวยเอายาครีมออกมาจากกล่องยา
“งั้นข้าออกไปก่อนนะ” กุ่ยเม่ยตอบโม่ซาน และแบกดาบโม่ซานเดินออกไป
กู้อ้าวเวยเอาสองมือทายาครีม โม่ซานก็คล่ำตัวลงบนหมอน เผยให้เห็นถึงแผ่นหลังที่ขาวเนียนกริบ รอยช้ำบนหลังตอนนี้ดูแล้วก็ไม่ต่างจากครั้งก่อนเท่าไหร่ กู้อ้าวเวยกดแรงลงไป โม่ซานเจ็บจนร้องโอ๊ย: “เจ็บ!”
“อดทนหน่อย ช่วงนี้ก็อย่านอนและคล่ำตัว ต้องลุกขึ้นมานั่งตลอดเวลา” กู้อ้าวเวยองดูตรงบาดแผล ไม่ได้อยู่ด้านล่างเสียหน่อย นอนอยู่บนเตียงตลอดจะปวดเอวเอาได้
โม่ซานจึงกัดผ้าเอาไว้แน่น จนกู้อ้าวเวยหยุดมือลง นางถึงถอนหายใจออกมายาว
“จบเสียที……เจ้า……”
พอหันกลับไป กู้อ้าวเวยกำลังถอดเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นออก พอถอดเสื้อด้านในออกแล้ว ยังเห็นรอยช้ำบนหลังของนาง และยังมีหนังถลอกอีก นางล้างมือไป และพูดกับโม่ซานไปด้วยว่า: “ช่วยข้าล้างเลือดออกที ค่อยทายา ข้ามองไม่เห็นน่ะ”
“เป็นไปได้ยังไง?” โม่ซานลุกขึ้นมาจากเตียง ทายาให้นาง
“โดนด้านหลังนิดหน่อย” กู้อ้าวเวยพูดอย่างใจลอย พอพ้นอันตรายแล้ว นางแค่ไม่อยากให้ซ่านจินจื๋อกังวล
และในจวนอ๋องจิ้ง ซ่านจินจื๋อสะบัดแขนที่ปวดเมื่อย ก่อนหน้านี้ศอกเขากระแทกลงพื้นอย่างแรง แต่เขากลัวว่ากู้อ้าวเวยจะรู้เรื่องนี้และว่าเขาเอาได้
“ท่านอ๋อง จะจัดการหรือไม่ขอรับ?” เฉิงยีที่อยู่ด้านหลังอดไม่ได้ถามขึ้น
“ไม่ต้องแล้ว เรื่องเล็ก” ซ่านจินจื๋อเดินเข้าไปในห้องโถง
ก็เหมือนที่กู้อ้าวเวยพูดมา เป็นหรือตายมีเส้นบางๆกั้นไว้เท่านั้น ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น