บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 974
บทที่ 974 เชิญไปงานเลี้ยงในวัง
เมื่อเทียบกับกู้อ้าวเวยที่เป็นคุณหนูที่ลืมประเพณีของเมืองเทียนเหยียนไปจนหมดสิ้น
ซ่านจินจื๋อมองว่าสิ่งที่เป็นกฎระเบียบที่จำได้อย่างขึ้นใจ เล็กน้อยถึงขั้นลวดลายการถักเชือก ไปจนถึงเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับที่มีความแตกต่าง
จากนั้นก็เอามือแกะเชือกถักนั้นออก เหลือเพียงเส้นเชือก2เส้น
“แม่หญิงเย็บปักถักร้อยแบบนี้หาพบหรือยัง?” ซ่านจินจื๋อเอามือจับเส้นเชือกหนึ่งเส้น เอาก็ทำหน้านิ่งรับเอามีดที่เฉิงซานยื่นมาให้แกะออก ด้านในนั้นกลับเส้นด้านทองอยู่2เส้น
กู้อ้าวเวยมองไม่ชัด แต่รู้สึกว่าคนรอยข้างจะนิ่งๆ ไป
จากนั้นก็ไม่ได้เข้าไปถาม นางได้แต่มองไปที่เฉิงซาน เฉิงซานเองก็หน้านิ่งไป แล้วยกมือเอามีดนั้นกลับมา แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากห่อผ้า “นี่เป็นผลงานปักของแม่หญิงเย็บปักถักร้อยที่มีแซ่ว่าอู๋ ในวังมีบันทึกไว้ ในปีนั้น คนที่สามารถใช้ด้านทองปักลงไปด้วย มีแต่แม่หญิงอู๋ที่จะทำให้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันคนเดียว แต่หลังจากฮ่องเต้ครองราชย์แล้ว นางก็ต้องออกจากวังเพราะมือได้รับบาดเจ็บ และฝีมือที่เอาด้ายทองมาพันปักล้อมเชือกถักแบบนี้ก็ไม่ได้ถ่ายทอดสืบต่อให้กับนางกำนัลคนอื่นๆ”
พอพูดถึงจุดนี้ กู้อ้าวเวยก็สงสัย
ถ้าเชือกถักนี้เป็นของซ่านต้วนโฉงจริงๆ แล้วทำไมพี่ยู่จือถึงได้เอาไว้ในหีบหนังสือโบราณได้ ปกติแล้วในนั้นจะต้องใส่ของที่สำคัญที่สุดถึงจะถูก
ซ่านจินจื๋อสายตานิ่ง “ท่านพี่ไม่ได้ใช้ของพวกนี้นานเท่าไรแล้ว?”
“หลังจากที่ฮ่องเต้ครองราชย์ เรื่องระเบียบของแบบนี้ก็ถูกเปลี่ยนไปด้วย” พูดอีกทางหนึ่ง ก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่า เชือกถักนี้มีความสำคัญต่อซ่านต้วนโฉงจริงๆ
ส่วนผู้ที่เป็นน้องของซ่านต้วนโฉง เคยสัมผัสกับการห่างพี่ไปหลายปี พบกันในปีนั้น ซูพ่านเอ๋อและหยูนซีสองคนก็ยังไม่สามารถเติมเต็มได้ ถึงแม้ซ่านต้วนโฉงจะเชื่อใจน้องชายอย่างเขา เขาเองก็ไม่กล้าจะเรียกชื่อของหยูนซีตรงๆ ต่อหน้าฮ่องเต้
ถ้าปีนั้นเขากลับมาเร็วหน่อย ซูพ่านเอ๋อก็จะเป็นสนมของเขา และไม่ใช่ฮองเฮา ส่วนพี่ชายที่ไม่สนใจในบัลลังก์ก็จะสามารถไปใช้ชีวิตเป็นท่านอ๋องเสเพลกับหยูนซีได้แล้ว
แต่ตอนนี้มันผ่านมานาน ไม่มีเรื่องอะไรจะต้องยกตัวอย่างกันแล้ว
“พี่ยู่จือไม่ค่อยพูดถึงหยูนซี และตอนนั้นแม่ข้าก็รู้จักหยูนซี หลายปีผ่านไปก็ไม่ได้บอกใคร เพียงแต่คิดว่าท่านแม่จะมีสัญญาอะไรกับหยูนซี” กู้อ้าวเวยเดินอ้อมซ่านจินจื๋อ “แล้วเอาเชือกถักไปให้คนอื่น มันมีความหมายอะไรไหม?”
“ไม่มีความหมายอะไร แต่ถ้าเป็นคนที่ทำงานในวัง ก็จะเอาสิ่งนี้หรือพวกเสื้อผ้าเพื่อแบ่งแยกตำแหน่งของแต่ละคน” เฉิงซานอธิบาย
มือจับอยู่ที่คาง กู้อ้าวเวยเอียงหัว “ถ้าเป็นเช่นนี้ ของสิ่งนี้ก็เอามาแสดงตัวตนงั้นหรือ? ไม่แน่ว่านางอาจจะเอามาจากหยูนซี…….”
“ปีนั้นที่หยูนซีเกิดเรื่องขึ้น เจ้าเพิ่งจะอายุเท่าไร เวลาที่พี่ยู่จือรู้จักกับเจ้า มันเทียบเวลากันไม่ได้ เจ้าเคยได้ยินว่าพี่ยู่จือมีเรื่องอะไรกับหยูนซีไหม?” ซ่านจินจื๋อก็หันตัวมา แล้วมองกู้อ้าวเวย
“จริงๆ แล้วพอคิดดู บางทีพี่ยู่จือก็แปลกๆ อยู่ นางไม่เชื่อชิงต้ายและหยินเชี่ยว แต่กลับเชื่อข้า แต่มีช่วงหนึ่งที่นางไม่ได้อยู่ในตำหนักนานมาก…….ข้าก็ไม่รู้ว่านางไปที่ไหน” บางทีเรื่องสมัยเด็กๆ ก็ต้องค่อยๆ คิดออกมา เรื่องที่เกียวกับพี่ยู่จือมันเลือนรางมาก
โดยเฉพาะปีนั้น ทั้งสองคนรู้จักกันอย่างไร ยิ่งจำไม่ได้เลย
“นางอยู่ในเมืองเทียนเหยียนก็ไม่คุ้นเคยกับใคร จะไปที่ไหนนะ?” กู้อ้าวเวยบ่นกับตัวเอง แล้วตั้งใจคิด พี่สาวของพี่ยู่จือไม่เหมือนกับนาง เป็นคนสงบๆ อย่างมากก็จะมาเล่นกับนาง แล้วจะไปที่ไหนได้?
พอมองเชือกถักในมือ ซ่านจินจื๋อก็วางมันลง “แล้วแม่หญิงเย็บปักถักร้อยบอกอะไรบ้าง?”
“เชือกถักนี่ น่าจะเป็นสิ่งของที่ฮ่องเต้ให้กับคนอื่น แม่หญิงอู๋บอกว่า หลังจากที่เชือกถักนี่หายไป ฮ่องเต้ก็ประกาศเลิกใช้มัน ปกติแล้วจะใช้มัน ดูเหมือนว่ามันจะสำคัญมาก” เฉิงซานพูดเสียงต่ำ
พอสิ้นเสียง ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยความเงียบ
กู้อ้าวเวยและซ่านจินจื๋อมองหน้ากัน เห็นแต่ความสงสัยบนใบหน้าของฝั่งตรงข้าม
ถ้าเชือกถักนี้ เป็นสิ่งของสำคัญของซ่านต้วนโฉงแล้วละก็ หลังจากที่หยูนซีได้มาแล้ว ก็ต้องเก็บรักษาไว้ให้ดี แล้วทำไมถึงต้องเอามาให้คนอื่น แล้วพี่ยู่จือก็ยังจะเก็บรักษามันไว้อีกด้วย
“กระหม่อมจะสืบต่อไป บางทีอาจจะหานางกำนัลที่รับใช้ข้างกายฮ่องเต้พบ” เฉิงซานพูดไป แล้วก็เขียนชื่อแม่หญิงเย็บปักถักร้อยที่มีฝีมือใกล้เคียงแบบนี้ออกมา แล้ววางที่โต๊ะ แล้วก็เอาของพวกนั้นรีบเดินออกไป
ซ่านจินจื๋อเอาเชือกถักของพี่ยู่จือเก็บไว้ในลิ้นชัก “เจ้าคิดว่า เรื่องมันมีอะไรแปลกๆ อย่างไร?”
“ไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้ที่สำคัญที่สุด คือเรื่องที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทำไว้ คนที่ส่งไปยังภูเขาเทียนยังไม่กลับมา ยังตัดสินใจไม่ได้ ตอนนี้ถ้ายังอยากจะรู้ข่าวอื่นๆ ก็จะต้องเริ่มที่ตัวฮ่องเต้หรือตัวไทฮาเอง” พอพูดถึงไทเฮา กู้อ้าวเวยก็มองตาซ่านจินจื๋อ
ก็ไทเฮาเป็นถึงแม่ผู้ให้กำเนิดเขา
ซ่านจินจื๋อก็มีสายตาที่ไม่บ่งบอกความหมาย แล้วก็มองเส้นเชือกที่ถูกแกะจนเห็นด้ายทองบนโต๊ะ แล้วนิ่งไป ตอนนี้ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหยูนซีและพี่ยู่จือยังคงเป็นปริศนาอยู่
“ตึง ตึง” ในจังหวะที่ประตูถูกเคาะและเปิดออก
“ท่านอ๋อง ทางตำหนักอ๋องจิ้งส่งข่าวมาบอกว่าฮ่องเต้เชิญท่านเข้าวังไปพร้อมกับตระกูลตงฟาง…….” หลี่ซินโผล่หัวเข้ามา แล้วก็มองไปยังกู้อ้าวเวยที่สีหน้าไม่ดีเหมือนกัน ชักช้าอยู่พักใหญ่ แล้วพูดว่า “เมื่อครู่ คนในวังมายังที่ตำหนัก บอกว่าจะเชิญคุณหนูฉูไปดื่มในวังด้วย”
เอามือชี้จมูกตนเอง กู้อ้าวเวยสงสัย “นี่ถือสิทธิ์อะไร?”
“ตอนนี้ในเมืองเทียนเหยียนมีข่าวลือ บอกว่าท่านอ๋องซ่อนหญิงงามไว้ในห้อง ตอนนี้มันก็แค่เอาหญิงที่ตนรักและเด็กสองคนกลับมา ฮ่องเต้ก็เลยอ้างจุดนี้ ก็เลยเชิญนายน้อยและคุณหนูน้อยเข้าวังไปด้วย” หลี่ซินเหงื่อตก
เซียวเซียวและหยินซี่งถูกญาติพี่น้องทอดทิ้ง แต่ตอนนี้ยอมรับกู้อ้าวเวยเป็นแม่บุญธรรม แต่ตอนนี้เอาเข้าวังไป ก็เหมือนกับเอาเด็กสองคนไปส่งในปากเสือ
กู้อ้าวเวยกัดปลายมือ แล้วก็ปวดหัว “ไม่ควรจะทำให้มันโจ่งแจ้ง”
“เจ้าไปบอกกงกงที่มาบอกข่าวยังจวนฉู ว่าเด็กสองคนนี้เป็นเด็กที่พวกเราช่วยเหลือมาจากนอกเมือง คุณหนูฉูจะไปเอง” ซ่านจินจื๋อเอ่ยปากแก้ต่างไป
หลี่ซินก็รีบไปจัดการ กู้อ้าวเวยก็มองเขาอย่างตกใจ “นี่เจ้าจะ………”
“บอกไปตรงๆ เด็กสองคนนี้เป็นพยานบุคคลที่เราหามา เขาก็เลยจะฆ่าปิดปาก” ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นช้าๆ แล้วเดินมาข้างๆ กู้อ้าวเวย “จะให้ข้าช่วยสอนระเบียบในวังให้เจ้าไหม?”
“ไม่ต้องหรอก ต่อให้ผิดระเบียบ ก็มีเจ้าช่วยอยู่ไม่ใช่หรือ?” กู้อ้าวเวยยิ้มยักคิ้ว แล้วก็ทำท่าดื้อ
ซ่านจินจื๋อก็ยิ้มมุมปาก แต่ในใจก็กังวล