บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 979
บทที่ 979 เปิดโปง
จุ้ยเวี่ยนอยู่ในหนังสือโบราณน้อยมาก คนที่เห็นเคยค้นหาก็กลายเป็นปุ๋ยให้กับจุ้ยเวี่ยนไปแล้ว
ถึงแม้จะอยู่ในหนังสือ แต่ก็มีแค่ไม่กี่คำ
จางเหยียงซานเห็นหนังสือที่ซ่านจินจื๋อขนเข้ามาในห้อง เขาก็คิดอะไรไม่ออก ด้านข้างก็มีเด็กปรุงยาที่มาจากจี้ซื่อถาง (ร้านขายยา) กำลังจัดยาอยู่ เพราะกลัวว่าฝนตกหลายวันแล้วจะทำให้ยาได้รับความชื้น
กุ่ยเม่ยก็เปิดหนังสือเกี่ยวกับจุดชีพจรและการนวด แล้วมองจางเหยียงซาน “ถ้านางเป็นอะไรขึ้นมา คนที่ท่านอ๋องจะไม่ปล่อยไว้ ก็น่าจะเป็นเจ้า”
พูดออกมาแบบนี้ จางเหยียงซานก็ถอนหายใจ “ตอนแรกที่นางจะใช้จุ้ยเวี่ยน พวกเจ้าก็ไม่ห้ามไว้”
“อ้ายจือและยู่จือสองคนก็บอกว่าวิธีนี้ได้ผล พวกเราไม่รู้การแพทย์ จะรู้ได้อย่างไร” กุ่ยเม่ยเอามือจับคิ้ว พูดแต่เรื่องที่ตนเองไม่รู้ ตอนนี้ก็เลยมาตกอยู่ในช่วงที่ทำอะไรไม่ถูก
จางเหยียงซานก็มาคิดดูว่ามีเหตุผล
“แต่ว่าตอนนั้นอ้ายจือและยู่จือใส่อะไรลงไปในยานางนั้น บอกว่าเหมือนจะเพิ่มความมั่นใจอะไรบางอย่าง” กุ่ยเม่ยเอ่ยปาก ตอนนั้นอ้ายจือไม่มั่นใจในตัวยา ก็เลยใส่พิษกู่ลงไปด้วย แต่เขากลับไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“นางรู้เรื่องไหม?” จางเหยียงซานตกใจ
“นางก็พอรู้บ้าง ส่วนเรื่องของพิษกู่ นางไม่ค่อยสันทัด ก็ไม่ได้พูดอะไร” กุ่ยเม่ยเอาหนังสือวางลง แล้วก็ลุกไปเอาหนังสือด้านข้างมาอ่าน คิดแต่ว่าอยากจะเจอสิ่งที่ยู่จือและอ้ายจือใส่ลงไปในยาตอนนั้น
จางเหยียงซานยกคิ้วเบาๆ “พวกเจ้าบ้าไปแล้ว ในอดีตมีคนมากมายต้องมาทิ้งชีวิตไว้ให้กับยาอายุวัฒนะมากมาย พวกเจ้ายังจะให้คนไปตามหาอีก มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะ!”
“อย่าเพิ่งโกรธไป มาคิดดีกว่าว่าจะแก้อย่างไร” กุ่ยเม่ยเอามือตบไหล่เขา
ผ่านเรื่องอะไรมามากมาย กู้อ้าวเวยก็รอดตายมาหลายรอบ เปลี่ยนร้ายเป็นดีได้ทุกครั้ง เขาก็เลยไม่ค่อยกังวล แล้วหันไปมองเม็ดฝนด้านนอก แล้วคิดถึงเรื่องในอดีต
คืนนั้นฝนตก กู้อ้าวเวยยืนคุยกับเขาในห้อง
ส่วนตอนนี้มาคิดถึงคำพูดที่กู้อ้าวเวยพูด ในใจกุ่ยเม่ยก็รู้สึกแปลกๆ มือที่จับหนังสือก็เริ่มแน่นขึ้น แล้วก็เก็บสายตากลับมา
ถ้าสิ่งที่นางคิดทั้งหมดเป็นความจริง นางก็จะเป็นอย่างที่ตนเองพูดไว้ ไปเริ่มใหม่อีกที่หนึ่งอย่างนั้นหรือ?
เรื่องนี้ไม่มีใครรู้
แต่ว่าก็หลับไหลไป ตอนที่กู้อ้าวเวยตื่นขึ้นมา ซ่านจินจื๋อก็ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยมานั่งที่โต๊ะ ในมือก็จับพู่กันเตรียมเขียน ส่วนนางก็นอนคว่ำอยู่ในผ้าห่ม นอนอย่างสบาย แต่ก็เงยหน้ามามอง แล้วนางก็จามออกมาอย่างแรง ในคอก็เหมือนมีอะไรติดอยู่ เจ็บมาก
ซ่านจินจื๋อหันมามองนาง “เจ้าเป็นหวัด นอนลงไปเถอะ”
“เจ้ารู้การแพทย์อต่ตอนไหน?” กู้อ้าวเวยก็พลิกตัว รู้สึกว่าความเจ็บปวดของตนเริ่มหายไป แล้วความเจ็บปวดของขาในช่วงฝนตก ก็ค่อยๆ คลายไปเหมือนเรายืดขาออกแล้วสบายตัว
“เจ้านอนไปนานมาก ข้าก็เลยไปตามจางเหยียงซานมาตรวจดูเจ้า” ซ่านจินจื๋อวางพู่กันแล้วเดินมาตรงเตียงนอน เห็นนางเอามือบีบจมูก แล้วก็เอาผ้าเช็ดหน้ามายื่นให้นาง “ใต้เท้าจี้ใกล้จะมาแล้ว อยากจะฟังหน่อยไหม?”
“เจ้าให้ข้าออกไปหรือ?” กู้อ้าวเวยหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดจมูก แล้วมองเขา
“ได้สิ แต่วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น เจ้าอย่าเดินไปไหนมั่ว” ซ่านจินจื๋อได้คนด้านนอกบอกเวลาชั่วยาม ให้กู้อ้าวเวยนอนหงายลงไปแล้วก็อุ้มนาง กู้อ้าวเวยก็เอามือกอดคอเขา “ข้ายังไม่ได้อาบน้ำ”
“ปกติเจ้าก็ซกมกอยู่แล้ว จะอาบน้ำไปทำไมกัน” ซ่านจินจื๋ออุ้มนางออกไป
และตอนนั้น กู้อ้าวเวยถึงรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่จวนฉู แต่เป็นตำหนักอ๋องจิ้ง
คนในตำหนักเห็นทั้งสองคน ก็ต่างพากันหลบสายตา กู้อ้าวเวยก็ไม่เข้าใจ “ตอนนี้เจ้าไม่แบ่งเส้นแล้วหรือ?”
“เจ้ารู้ไหมว่า แค่คืนเดียว มีคนในราชสำนักรู้ตัวตนของเจ้าไปมากเท่าไรแล้ว?” ซ่านจินจื๋อตั้งใจมองนาง สายตาจริงจัง
ก็เหมือนกับที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ ซ่านต้วนโฉงก็รู้สึกได้ว่ามีความจริงมากมายโผล่ออกมา ดังนั้นครั้งนี้หลังจากที่ถูกกู้อ้าวเวยถามไปแล้ว ซ่านต้วนโฉงก็จะเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา และในขณะเดียวกันก็เปิดโปงกู้อ้าวเวยเช่นกัน
ตอนนี้เรื่องอายุวัฒนะได้กระจายไปทั่วด่านลั่วสุ่ยแล้ว ตอนนี้พระชายาจิ้งที่รู้เรื่องนี้ได้ตายแล้วฟื้น แล้วก็สามารถกลับไปยังเมืองเทียนเหยียนได้ทุกครั้ง ก็เหมือนกับเป็นการประกาศให้คนทั่วหล้าได้รู้ว่า กู้อ้าวเวยนั้นมียาที่กินแล้วตายแล้วฟื้น หรือไม่ก็วิธีอายุวัฒนะ
กู้อ้าวเวยเพิ่งตื่นขึ้นมา โดยไม่สนใจอะไร แล้วก็เอามือเท้าหัวไหล่ของเขาลุกขึ้น “รู้แล้วหรือว่าเจ้าเป็นคนคนของข้า?”
“พูดสลับกันแล้ว” ซ่านจินจื๋อค่อยๆ โอบนางขึ้นมา ให้นางเกาะตนเองได้มากขึ้น
กู้อ้าวเวยยิ้มมุมปาก แล้วมองใบหน้าที่เย็นชาขึ้นของเขา พร้อมพูดว่า “ผู้ชายเจ้าชู้อย่างเจ้ายังกล้าพูดนะ ข้างกายมีแต่อะไรก็ไม่รู้ ไม่มีใครให้น่าหลงใหล”
มุมปากกระตุก ซ่านจินจื๋อก็ไม่ได้เถียงอะไร
ไม่ว่าจะเป็นซูพ่านเอ๋อหรือว่าตงฟางซวนเอ๋อ แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงกู้จี้เหยาและจี้ซู ผู้หญิงสองคนนี้ยิ่งเหมือนจะสวมเขาให้กับเขา
พอมาถึงหลังฉากกั้นห้องของห้องหนังสือ กู้อ้าวเวยเอนตัวนั่งบนเบาะ ตัวถูกห่อไว้อย่างแน่นหนา สาวรับใช้ด้านข้างกำลังจะช่วยนางอาบน้ำ ใต้เท้าจี้ก็เดินเข้ามา
ใต้เท้าจี้ใส่ชุดสีดำ เพราะกลัวว่าจะมีคนรู้ว่าตนเองมาที่ตำหนักอ๋องจิ้ง
ใต้เท้าจี้อายุเท่าๆ กับตงฟางถงหลิ่ง (ถงหลิ่งผู้บัญชาการทหาร) ปีนั้นก็ถูกตงฟางถงหลิ่ง (ถงหลิ่งผู้บัญชาการทหาร) แย่งตำแหน่งมา จากนั้นก็ได้ตำแหน่งมาจากการได้ผลงานการแก้ไขภัยพิบัติ ตอนนี้ได้มาดูแลความปลอดภัยในวัง เรื่องน้อยใหญ่ในเมืองเทียนเหยียนจะต้องอาศัยเขาอนุญาต
คนค้ำยันของทั้งสองตระกูลไม่มีแล้ว ตอนนี้ลูกสาวของทั้งสองคนก็มาเกิดเรื่องที่ตำหนักอ๋องจิ้งอีก จะมาโทษไม่ได้ที่ใต้เท้าจี้จะเอาเรื่องเช่นนี้ ฮ่องเต้ก็เข้าใจในเหตุผลได้
หลังจากที่ใต้เท้าจี้ทำความเคารพซ่านจินจื๋อแล้ว ก็บอกว่า “ถ้าวันข้างหน้าท่านอ๋องจิ้งมีเรื่องอะไร เรียกกระหม่อมได้เสมอ”
“ใต้เท้าจี้กล่าวเกินไปแล้ว ตอนนี้อำนาจทหารในมือข้ามีไม่น้อย แต่ก็ยังสู้อำนาจเบื้องหลังขององค์ชายต่างๆ ไม่ได้” ซ่านจินจื๋อเงยหน้าอย่างภูมิใจ พอพูดถึงคำว่าองค์ชาย สายตาก็มีความดูถูกมากกว่าเดิม
ดวงตาใต้เท้าจี้กลอกไปมา แล้วยิ้ม “ท่านอ๋องจิ้งพูดเล่นหรือเปล่า?”
“ใต้เท้าจี้หมายความเช่นไร?”
“ฮ่องเต้ได้ร่างราชโองการซ่อนไว้หลังป้ายตำหนัก โรงหมอหลวงก็ส่งข่าวมา บอกว่าพระวรกายฮ่องเต้นั้น……….” พอพูดถึงจุดนี้ ใต้เท้าจี้ก็ต้องจ้องมองซ่านจินจื๋อ “ขอเพียงท่านยังมีกำลังทหาร ตำแหน่งฮ่องเต้ ก็เป็นเหมือนของที่อยู่ในกำมือท่านแล้ว”
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้ว