บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 99
ตอนที่ 99 ดูเหมือนว่าจะตกหลุมรัก
“ถ้าเป็นเช่นนี้ ฮูหยินคิดว่าเป็นความผิดของพระชายาจิ้ง?”
ซ่านเซิ่งหานนั่งที่โต๊ะหนังสือ แล้ววางพู่กันลง แล้วมองไปที่ฉางอีฉินที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ส่วนเยว่ชิงก็นั่งอยู่ข้างๆนิ่งๆ จิบน้ำชา สายตานิ่งๆ
“ใช่” ฉางอีฉินโกรธจนหน้าแดง แต่กลับจ้องเขม็งมาที่ซ่านเซิ่งหาน “ท่านพี่หาน ให้ความเป็นธรรมข้าหน่อยได้มั้ย?”
“ไม่ได้หรอก พระชายาจิ้งเป็นตัวช่วยของท่านอา ฐานะสูงส่ง ข้าทำอะไรไม่ได้ ” ซ่านเซิ่งหานส่ายหัว เมื่อเห็นว่าฉางอีฉินเริ่มใจเย็นลง ก้มหัวต่ำลง ก็เลยพูดต่อว่า “แต่ว่า พรุ่งนี้ข้าไม่มีงานอะไร จะไปเลือกเครื่องสำอางเป็นเพื่อนเจ้า ดีมั้ย?”
“ท่านพี่หาน พูดจริงหรือ? ” ฉางอีฉินตาลุกวาวขึ้น
“จริงๆ ”ซ่านเซิ่งหานพยักหน้าอย่างตั้งใจ เพียงแค่คำพูดสองสามคำก็จัดการกับฉางอีฉินได้แล้ว
เยว่ชิงตามฉางอีชินออกไป ไม่นานก็กลับมา นางคาใจ แล้วพูดว่า “องค์ชายทำไมถึงได้โปรดปรานฮูหยิน ร้านชาซ่านก็ไม่ใช่ตระกูลใหญ่อะไร จะกลัวพวกมันมาว่าฮูหยินทำไม”
แววตาซ่านเซิ่งหานนิ่งลง ค่อนข้างจะทนไม่ได้ “ถึงแม้อีฉินจะกำเริบเสิบสาน แต่ก็เป็นคนซื่อ ตั้งแต่มาอยู่นี่ก็ไม่เคยมีคนอื่น ถึงแม้ข้าจะใช้งานนางไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถทำร้ายนางได้”
“องค์ชายทำเช่นนี้ ใจอ่อนไปหน่อยหรือเปล่า” เยว่ชิงก้มหัวลง
ใจอ่อนหรอ ใช้กับองค์ชายแล้ว ไม่ถึงขั้นเป็นจุดอ่อนจนวายชีพ
แต่ซ่านเซิ่งหานไม่เหมือนกับพี่น้องคนอื่น เขาไม่ชอบตรงไปตรงมา แต่ชอบค่อยเป็นค่อยไป ปกติไม่ค่อยแสดงออก แต่คนที่มานั้นเป็นแขก มีชื่อเสียงที่ไม่ธรรมดา วันปกติไม่ค่อยจะเสวนากับขุนนางสักเท่าไร แต่ในลับๆแล้วกลับเส้นสายไว้ไม่น้อย
แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ เยว่ชิงอยู่กับเขามานาน แต่กลับไม่เข้าใจเขา
เขาลุกขึ้นอย่างช้า เดินมาข้างๆเยว่ชิงแล้วพยุงนางขึ้น “เดิมทีข้าจิตใจดี หลังจากก็ไม่อยากจะเปลี่ยนใจแล้ว เจ้าก็อย่าลืมความดี ไม่ใช่ข้าสอนวรยุทธเจ้าแล้วจะก็ลืมเสียนะ”
“รับทราบ ” เยว่ชิงพยักหน้าอย่างตั้งใจ ถึงแม้ในใจจะยังคงไม่พอใจ แต่ก็ไม่พูดอะไร
……
พอตกดึก กู้อ้าวเวยให้คนมารับฉีหลินไปส่งร้านยาเหย้า
ไม่มีคนรบกวน หยินเชี่ยวกับชิงต้ายเตรียมข้าวของที่นางจะเตรียมกับหลิ่งหนานตระกูลหยุน ส่วนนางก็จุดตะเกียงอ่านหนังสือจนดึก ลืมเรื่องที่ครั้งก่อนป่วยเป็นไข้ไปเสียสิ้น
มีเวลาอ่านหนังสืออีกไม่มาก นางต้องเร่งรีบ
ไม่กี่วัน ซ่านเชียนหยวนก็อ้างว่ามาดูฉีหลิน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ลากฉีหลินและรถที่นั่งไปก่อความวุ่นวายในเมืองเทียนเหยียน ทำให้กู้อ้าวเวยต้องตามไปแก้ปัญหา
เช่นวันนี้ ทั้งสองสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะแต่ว่าลืมพกถุงเงินไปด้วย
กู้อ้าวเวยพกหนังสือแพทย์เดินเข้ามา ทั้งสองยิ้มสวยใส่นาง “พวกเราลืมพกเงินมา”
โกรธจนอยากจะเอาหนังสือทุบเจ้าพวกเสียจริง แต่ก็นึกได้ว่าหนังสือตนนั้นล้ำค่ากว่า ก็เลยอดทนไว้ ได้แต่ถูกซ่านเชียนหยวนกดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ “มาพอดีเลย มากินด้วยกัน”
แลกมาด้วยการมองบนของกู้อ้าวเวย แต่นางก็ได้แต่นั่งลงกินๆเข้าไป
ไม่กินก็เสียเงินฟรี เพราะนางเป็นคนออกเงิน!
เพียงแต่นางกินไปด้วยอ่านหนังสือไปด้วยเช่นเดิม โดยไม่รู้สึกตัวว่าด้านข้างมีคนเพิ่มมาอีกคน ในตอนที่วางตะเกียบลง มีมือปริศนามาจับที่ข้อมือนาง นางเอาสายตามองไปที่หนังสือโดยไม่เงยหน้า “ไม่มีเงินแล้ว ถ้าพวกเจ้ายังหาเรื่องอีก ข้าจะวางยาละนะ”
“วางยาข้าหรอ?” คนข้างๆพูดอย่างเข้มๆ
กู้อ้าวเวยตกใจ หันไปดู ซ่านจินจื๋อกำลังนั่งลงข้างๆนาง บนตัวยังเต็มไปด้วยกลิ่นขี้ดิน เหมือนว่าจะเพิ่งกลับจากนอกเมือง และยังมีกลิ่นคาวเลือดนิดหน่อย
มีหน้าที่เป็นหมอ กู้อ้าวเวยเปิดเสื้อผ้าที่แหกออกนิดหน่อยของเขาออก รอยเลือดเล็กๆแต่ไม่มีแผล
ซ่านจินจื๋อตกใจการกระทำของนาง แหลินที่อยู่ตรงข้ามก็โกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ซ่านเชียนหยวนก็ได้แต่ดูพวกเขาอย่างเหม่อลอย เหมือนว่านึกอะไรออกสักอย่าง
“เจ้ามาตรวจยาพิษให้ข้าหรือ ” _มือของกู้อ้าวเวยล่วงลงบนมือของเขา
เดิมทีก็ไม่มีพิษ แต่นางกลับนึกขึ้นได้ว่า มีครั้งหนึ่งนางก็เคยตรวจให้เขาว่าเคยถูกยาพิษมาหรือเปล่า ถึงได้เปลี่ยนไปไม่เป็นปกติ ดูเหมือนว่าตอนนี้ ทุกอย่างปกติดี
ซานจินเจ๋อเอามือนางวางลง “ก็แค่นักโทษไม่กี่คน”
“อ๋อ” กู้อ้าวเวยเอาสายตามองไปที่หนังสืออีกครั้ง ดูรายละเอียดตำราลับที่จดบันทึก นางจะต้องใช้สมาธิทั้งหมดเพื่อจำมัน ตอนกลับก็ต้องทดลองหลายรอบถึงจะจดจำได้
ซ่านจินจื๋อยักคิ้วขึ้น ซ่านเชียนหยวนฝั่งตรงข้ามก็ได้แต่ตบๆบ่า “พวกเราก็แค่กลัวว่านางจะอยู่แต่ในร้านยาไม่ออกไปไหน ก็เลยแกล้งมาก่อเรื่อง”
“ทุกวันนางนอกจากอ่านหนังสือก็ไม่ทำอะไรเลยหรือ?” ซ่านจินจื๋ออดถามไม่ได้
“กินข้าวก่อนดีกว่า”ซ่านเชียนหยวนตอบ แล้วก็มองไปที่ซ่านจินจื๋อ “ท่านอา ท่านมีเรื่องอะไรหรือเปล่า……”
“งานเลี้ยงในวังคืนพรุ่งนี้ เจ้าก็ลืมเหมือนกันหรือ?” ซ่านจินจื๋อเอียงหน้าถามเขา
ซ่านเชียนหยวนเอามือตบหัวตัวเอง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของฮองเฮา ในวังต้องจัดงานอย่างยิ่งใหญ่แน่ แต่ตอนนี้กู้อ้าวเวยกำลังอ่านหนังสืออย่างน่าปวดหัว
เขาเอาพระชายาออกมาเดินเล่นภายนอกแทนที่จะไปลองชุด ก่อนงานเลี้ยงในวังเพียงหนึ่งวัน
สักครู่ กู้อ้าวเวยลุกขึ้นช้าๆ กอดหนังสือเดินออกไปข้างนอก คล้ายกับว่าเตรียมจะกลับ แต่ซ่านจินจื๋อรีบคว้านางไว้ เอาเงินวางไว้ แล้วเอาตัวนางกลับไป
“เจ้าเป็นบ้าอะไรอีก” ที่ชั้นล่างมีเสียงกู้อ้าวเวยดังขึ้นมา
ฉีหลินเหงื่อเต็มหน้าเมื่อเห็นรถม้าที่ผ่านหน้าร้านไป เมื่อเห็นซ่านเชียนหยวนสีหน้าไม่ดี น่าแปลก “เจ้าเป็นอะไร?”
“ข้าคิดว่า ท่านอาน่าจะใจอ่อนเข้าเสียแล้ว” ซ่านเชียนหยวนขมวดคิ้ว ฉีหลินเอามืออุดหูแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเรื่องลับของราชวงศ์
ส่วนการที่ถูกนำตัวกลับไปยังตำหนักอ๋อง เพื่อไปลองเสื้อผ้า กู้อ้าวเวยถึงจะนึกขึ้นได้ว่าคืนพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงในวัง เมื่อเผชิญกับเรื่องนี้ นางพูดได้คำเดียวว่า “เสียเวลาเปล่าๆ”
ซ่านจินจื๋อที่ฟังอยู่ปากประตูก็เลยพาเฉิงซานจากไป
“ท่านอ๋อง พระชายาปกติแล้วจะอยู่แต่กับหนังสือ ไม่เข้าใจระเบียบในวัง….”
“เดี๋ยวข้าดูแล” ซ่านจินจื๋อมองไปที่หนังสือที่แย่งมาในมือ แล้วก็ส่งให้เฉิงซาน “เอาไปคืนให้พระชายา วันพรุ่งนี้ไปเชิญคุณหนูรองสำนักเยียนหยู่มาแต่งตัวให้พระชายา”
เลี้ยวเข้าห้องไป เงาของซ่านจินจื๋อหายไปในห้องหนังสือ
ห่างไปไม่ไกล กู้จี้เหยายืนมองเหตุการณ์ทั้งหมด ได้ยินกับหูตนเอง นางกำกระโปรงตัวเองแน่น กัดฟันตัวเอง “ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว ซูพ่านเอ๋อก็ยังไม่พูดชมเชยให้ข้า มันแค่หลอกให้ข้ามาก่อความวุ่นวายให้กู้อ้าวเวย
อาหลานรีบห้ามจี้เหยาไว้ บอกด้วยสายตามืดดำ
“คุณหนูได้โปรดอย่าโกรธ รองานเลี้ยงในวังจบลง ท่านอ๋องก็จะพาองค์ชายสี่ไปด่านน่านน้ำ พอถึงเวลานั้น ในตำหนักนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะมีใครบอกได้เล่า”