บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 997
บทที่ 997 พูดโอ้อวด
แสงเทียนดับลงทันใด
ท่าทีกู้อ้าวเวยที่ยกปากกาค่อยๆหยุดลงเล็กลง แล้วก็มองเห็นภายในตำหนักเงียบเหงา พวกทหารองครักษ์ที่มาเฝ้านางยังคงเฝ้าอยู่อย่างอุทิศตน หลบซ่อนตัวอยู่ในที่มืด ส่วนพวกขันทีนางกำนัลที่คอยช่วยเหลือฝนหมึกต่างก็ไปกองนอนอยู่ตรงมุมห้อง แล้วก็ไม่เห็นเงาร่างของใคร
นางนวดขมับ สายตาของนางยังไม่หายดี แต่ตอนนี้เมื่อนับดูดีๆแล้ว นางก็เข้ามาอยู่ในวังหลายวันแล้ว ต้นฉบับวางเต็มพื้นไม่มีใครกล้าแตะต้อง บนเตียงยังสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย
ตอนนี้ไม่มีใครเข้ามาช่วยจุดเทียน นางจึงเตรียมตัวนอนพักผ่อนบนเตียงสักพัก
รอเมื่อฟ้าสว่างแล้วตื่นขึ้นมา ในกำลังกว้างใหญ่นี้ก็มีคนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน พิงอยู่บนเบาะข้างผนังอย่างอ่อนแรง ตาหลับสนิท ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด กู้อ้าวเวยมองดูอย่างละเอียด รู้เพียงว่าเป็นหยูนซี เพราะรอบๆมีสายตามากมายจ้องมองอยู่ นางจึงต้องทำเป็นใจแข็ง ยิ่งแสดงความสนใจ ก็จะยิ่งเป็นการผลักนางให้เข้าไปอยู่ในกองไฟ
กลับมายังตรงโต๊ะอีกครั้ง นางกำนัลเอาสิ่งของใช้ล้างหน้าล้างตามาให้ พูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “วันนี้ขอพระองค์แต่งตัวให้งดงาม”
“ทำไมหรือ? ฮ่องเต้ยอมให้ข้าจากไปแล้วหรือ?” กู้อ้าวเวยเม้นริมฝีปากอย่างเย็นชา คิดก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้
“ไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่หลายวันก่อนฮองไทเฮาหายตัวไป พวกขุนนางรู้เรื่องแล้ว และก่อนหน้านี้ท่านถูกฮองไทเฮาเรียกให้มาเข้าเฝ้าในวัง มีการไต่สวนหาความผิด ฮ่องเต้จึงต้องให้ท่านช่วยออกหน้า บอกว่าตนเองมาเพื่อช่วยรักษาอาการป่วย ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ฮองไทเฮาหายตัวไป” น้ำเสียงของนางกำนัลเบามาก ดวงตาคู่นั้นมองดูหยูนซีที่อยู่ด้านข้างเป็นพักๆ
สายตากู้อ้าวเวยฉายแววโศกเศร้า
เห็นทีตอนหน้าแล้วนางไม่ปกป้องหยูนซี ยังไงฮ่องเต้ก็ยังเห็นพวกนางสองคนเป็นกายเดียวกัน
และฮ่องเต้ไม่อยากให้พวกขุนนางหรือพวกนางสนมวังหลัง มาเอาตัวนางไปจากในวังเย็นนี้ การปรากฏตัวของนางไม่ใช่ปัญหา แต่หากหยูนซีกับยู่จุนถูกซ่อนตัวอยู่ที่นี่ถูกเปิดเผย เกรงว่าภายในราชสำนักจะยิ่งวุ่นวาย
คิดได้เช่นนี้แล้ว นางจึงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ต้องไปเผชิญหน้า
แต่ชุดยาวสีน้ำเงินนี้สวมอยู่บนร่างกาย กลับทำให้นางดูไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง นางกำนัลพูดเพียงว่ายิ่งไม่รู้ยิ่งดี นางจึงให้พวกนางกำนัลทำตามที่ต้องการ
“ครั้งนี้ก็เป็นงานเลี้ยงหรือ?” กู้อ้าวเวยถูกจัดแต่งจนค่อนข้างหงุดหงิด อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“เป็นการเชิญพวกขุนนางนักรบมาที่สวนดอกไม้ รวมทั้งพวกเหนียงเหนียงหลายคนก็มาร่วมด้วย ตอนนี้ท่านเข้าวังมาเพื่อช่วยรักษาอาการป่วยเดิมไม่ควรที่จะขึ้นนั่ง แต่เมื่อกี้ฮ่องเต้เพิ่งแต่งตั้งให้ท่านเป็นหมอเทวดา เมื่อไปถึงแล้วจึงถูกจัดให้นั่งด้านข้างฮองเฮาเหนียงเหนียงตามธรรมเนียมที่ถูกต้อง คือเป็นคนที่มีตำแหน่งอำนาจสูงส่ง” นางกำนัลพูดถึงตรงนี้ มือที่เคลื่อนไหวอยู่ก็ยิ่งอ่อนโยนลง
แคว้นชางหลานจากอดีตมาถึงตอนนี้ คนที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นหมอเทวดามีเพียงไม่กี่คน เกียรติยศขั้นนี้ ต่อให้นั่งด้านข้างฮ่องเต้ก็ไม่เป็นการเสียธรรมเนียม
กู้อ้าวเวยไม่เคยได้ยินถึงตำแหน่งหมอเทวดานี้ คิดเพียงว่าคงเป็นเพียงคำพูดของฮ่องเต้เท่านั้น
รอเมื่อมาถึงสวนดอกไม้ นางเข้าไปนั่งตามที่นางกำนัลหลายคนพาไป มีใบหน้าที่ค่อนข้างคุ้นเคยนี้ บวกกับตำแหน่งหมอเทวดา หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกพวกขุนนางกับนางสนมนินทาลับหลัง
กู้อ้าวเวยยกแขนเสื้อกว้างขึ้นมาเพื่อปกปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งและไอเล็กน้อย ดวงตาคู่งามกวาดมองดูทุกคนที่นั่งอยู่ แต่ก็ไม่เห็นอ๋องจิ้งกับอ๋องจงผิง จึงคิดเดาไม่ออกว่าฮ่องเต้คิดอะไรอยู่ แล้วก็ได้ยินเสียงตะโกนขึ้นว่าฮองฮาเสด็จ
ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นถวายความเคารพ แล้วก็เห็นฮองเฮาโบกมือ “ฮ่องเต้สุขภาพไม่ค่อยดี วันนี้จึงไม่สามารถมาได้”
พวกคุณนางต่างก็พูดจาปลอบใจและเยินยอ ยิ่งมีคนใจกล้าถามกู้อ้าวเวยว่า “ไม่ทราบว่าหมอเทวดาจะสามารถรักษาพระวรกายพระองค์ให้แข็งแรงได้ไหม?”
สายตาผู้คนต่างก็หันมามอง กู้อ้าวเวยอมยิ้มพร้อมพูดว่า “หากข้าไม่มีความสามารถ วันนี้ทำไมถึงได้มานั่งอยู่ตรงหน้าทุกท่าน? หากใต้เท้าอยากรู้ว่าอาการของฮ่องเต้เป็นอย่างไร ก็ถามมาเลย”
ใต้เท้าคนนั้นเหมือนถูกฟ้าผ่าในทันใด เหงื่ออะไรเต็มหน้า การกระทำเช่นนี้จะยิ่งเป็นการต้องโทษอย่างมหันต์
และกู้อ้าวเวยก็เป็นคนที่ไม่กลัวเกิดเรื่องใหญ่ หากนางองค์หญิงเอ่อตานคนนี้ไม่ตายก็จะต้องโทษข้อหาหลอกลวงพระราชา หากอยากหาตัวเอ่อตานกลับมาได้อย่างถูกต้อง นางก็จะต้องทำให้สถานภาพนี้ถูกเปิดเผยออกมา จึงพูดขึ้นอีกว่า “ใต้เท้าพูดจาเช่นนี้ ไปฟังเอ่อร์ชิงพูดอะไรผิดมาหรือเปล่า?”
เอ่อร์ชิง?
ทุกคนต่างก็อึ้งไป กลับไม่รู้ว่านี่เป็นใครมาจากไหน
ใต้เท้าคนนั้นรีบยกมือปาดเหงื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “กระหม่อม เพียงแค่เป็นห่วงพระวรกายของพระองค์ และอยากถามว่าอาจารย์แม่นางเอ่อร์ชิง มาจากที่ใด?”
กล้าถามถึงขนาดนี้ ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แม้แต่ตงฟางฮองเฮาก็อดไม่ได้ที่จะยักยิ้มที่มุมปาก แต่ก็ไม่ได้พูดห้าม
ส่วนกู้อ้าวเวยเมื่อคิดดูดีๆแล้ว ก็หัวเราะพูดขึ้นว่า “อาจารย์ไม่ประสงค์ออกนาม หลายร้อยปีก่อนกำเนิดในภูเขาเทียนภายใต้ลมมรสุม กลิ้งลงมาจากหน้าผาถูกนายพรานในหมู่บ้านใกล้เคียงนำตัวไปเลี้ยง ไหว้ขอเป็นศิษย์อาจารย์หมอเทวดาที่เดินทางมาหายาสมุนไพรผ่านภูเขาเทียน สามสิบปีก่อนเอ่อร์ชิงก็ถูกทอดทิ้งอยู่ที่ภูเขาเทียน แล้วมีอาจารย์เก็บไปเลี้ยง ยังมีศิษย์น้องตามหลังอีกสองคน แต่ความสามารถสู้ข้าไม่ได้”
ทุกคนถอนหายใจ ฟังแล้วก็เหมือนเรื่องเล่าในนิทานมากกว่า
แต่พวกขุนนางแก่หลายคนลองคิดดูแล้ว คนที่ถูกเรียกขานว่าเป็นหมอเทวดาในตอนนั้นได้เคยไปที่ภูเขาเทียนจริง
หลังจากนั้นได้รับศิษย์สองคนยังพามาอยู่ในวังอยู่หลายปี บันทึกในวังยังมีบันทึกไว้อย่างชัดเจน
ใต้เท้าคนนั้นยังไม่ยอมจบ “อยากถามว่าอาจารย์….”
“เอ่อร์ชิงกับศิษย์น้องสองคนด้อยความสามารถ ก่อนที่ท่านอาจารย์จะสิ้น ได้สั่งไว้ไม่ให้ข้าพูดถึงชื่อท่าน” สีหน้าเอ่อร์ชิงฉายแววผิดหวัง หางตาโศกเศร้า ชายแขนเสื้อยาวนั่นก็เผยออกมาให้เห็นมือ หากมองดูดีๆ ก็จะมองเห็นผงแป้งบนนั้น
แต่ในสายตาพวกขุนนาง ต่างก็แสดงท่าทีสงสัย
หากเป็นกู้อ้าวเวยจริง ทำไมถึงรู้เรื่องหมอเทวดาเก็บเด็กมาเลี้ยงในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นกู้อ้าวเวยยังพูดว่าเมื่อสามสิบปีก่อน เดิมคิดว่าเป็นเรื่องโกหก แต่มือคู่นั้นไม่มีทางโกหกได้
มือผอมหยาบแบบนี้ควรเป็นมือของคุณหนูใหญ่หรือ ผิวหนังก็ยิ่งดูเหี่ยวย่น
กู้อ้าวเวยถูกมองจนทำตัวไม่ถูก จึงเอามือตนเองเก็บซ่อนเข้าไป ทำให้คนอื่นมองหาความผิดปกติไม่เจอ เพราะตอนนั้นหมอเทวดาพาศิษย์มาอยู่ในวัง มีบันทึกไว้ ตอนนี้เข้ามาอยู่ในวังอีกครั้งจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลก
ตงฟางฮองเฮาจ้องมองดูกู้อ้าวเวยอยู่เนิ่นนาน แล้วค่อยพูดขึ้นว่า “หมอเทวดาเป็นคนในยุทธภพ พูดไปขุนนางทุกท่านก็ไม่รู้จัก”
พูดถึงตรงนี้ ตงฟางฮองเฮาก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ
ขุนนางหลายคนต่างก็ยิ้มไม่พูดอะไร ตอนนี้ฮองเฮาก็ช่วยพูดเข้าข้างนาง แล้วยังไง?
ในใจกู้อ้าวเวยก็กำลังตื่นเต้น เดิมฮองเฮาเป็นคนตระกูลตงฟาง นางยังคิดว่าไม่ว่ายังไงฮองเฮาก็ไม่น่าที่จะเห็นด้วยกับสถานะจอมปลอมของนาง ตอนนี้ไม่ควรที่จะถามเยอะ จึงทำได้เพียงยกเหล้าขึ้นมาดื่ม
แล้วก็ไม่ได้สังเกตว่ามีองครักษ์ที่คุ้นเคยคนหนึ่งกำลังค่อยๆจากออกไปเงียบๆ
ซ่านจินจื๋อที่อยู่ในจวนอ๋องจิ้งไกลออกไปฟังลูกน้องรายงานสถานการณ์ทุกอย่างในงานเลี้ยงในวังอย่างละเอียด แล้วยิ้มพูดขึ้นว่า “เห็นทีฮองเฮาไม่หวาดกลัวที่จะแตกคอกับเสด็จพี่แล้ว?”
วันนี้ที่ฮองเฮาปกป้องเช่นนี้ เป็นการบ่งบอกจุดยืนอย่างชัดเจน
ส่วนซ่านต้วนโฉงที่แอบซ่อนอยู่ในตำหนัก ถึงจะเห็นเรื่องราวสอดแทรกเล็กน้อย แล้วก็เพียงห้ามหวางกงกงที่กำลังจะไปหาเรื่อง พูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไร ฮองเฮาที่ไม่ได้เรื่องจะสามารถสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาได้”