บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 126 เตะเฟิ่งเทียนฉี่
บทที่ 126 เตะเฟิ่งเทียนฉี่
” น่าเบื่อ นี่ท่านกังวลงั้นรึ? เด็กผู้หญิงที่ไร้ซึ่งทรวดทรงองเอวนี้มันมีดีอะไรกัน? ” หงอิงไม่พอใจ
เฟิ่งเทียนฉี่ในตอนนี้ไม่มีเวลามาหยอกล้อกับนาง ซ้ำยังพยายามรีบร้อนผลักไสหงอิง และเรียกคนมาลากหยูนเฉียวออกไป เพื่อค้นตัวและหาเห็ดหลินจือสีเลือดพันปี เมื่อทุกคนได้ออกไปหมด ในนี้ก็เหลือแค่เฟิ่งเทียนฉี่และจูนจิ่ว
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เฟิ่งเทียนฉี่ถูมือไปมาและหัวเราะด้วยความตื่นเต้นอย่างหาเปรียบไม่ได้
เขามองจูยจิ่วพลางเอ่ย ” ไม่ว่าเจ้าจะหยิ่งยโสหรือเย็นชาสักเท่าไร ในตอนนี้เจ้าก็มาอยู่ในกำมือข้าแล้ว รอให้เจ้ากลายมาเป็นคนของข้าซะก่อน ถึงตอนนั้นข้าก็ไม่กลัวถ้าเจ้าจะไม่เชื่อฟัง เริ่มแรกข้าก็ไม่ได้อยากหยาบคายกับเจ้าเช่นนี้ แต่ในป่าแห่งนี้ ใครใช้ให้เจ้าเย็นชากว่าจูนหยูนเสวี่ยล่ะ? ”
เฟิ่งเทียนฉี่หอบหายใจ และเดินเข้าไปทีละก้าว เขาเห็นจูนจิ่วหลับตาลง แก้มแดงเลือดฝาดอย่างประหลาดที่แสดงอยู่บนใบหน้าขาวซีดนั้น เฟิ่งเทียนฉี่ก็รู้ได้ทันที ยาของหงอิงได้ออกฤทธิ์แล้ว!
สายตาที่โลภมากของเขาจ้องมองจูนจิ่วทีละนิ้วๆอย่างพินิจพิเคราะห์ เขาถอนหายใจในใจ แม้ว่าจูนจิ่วจะเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ร่างกายยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ใบหน้านางนั้นช่างงดงามนัก ถ้าหากจูนหยูนเสวี่ยอยู่ที่นี่ล่ะก็ แน่นอนว่ารูปร่างหน้าตานั้นเทียบไม่ได้กับจูนจิ่วเป็นแน่
เฟิ่งเทียนฉี่เอื้อมมือไปที่จูนจิ่ว……
“เหมียว!” เสียงร้องที่แหลมคมปนโกรธของเจ้าแมวดังขึ้น
เฟิ่งเทียนฉี่หยุดชะงัก ในตอนนี้เขาสังเกตเห็นว่าเสี่ยวอู่ยืนอยู่ในอ้อมแขนของจูนจิ่ว กำลังแยกเขี้ยวและกงเล็บจ้องมองมาทางเขา มันไม่ได้สลบเพราะฤทธิ์ยาหรอกหรือ? เขางุนงงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วคิดได้ว่าหมอกกลคงไม่ได้ผลกับแมว
เขามองเจ้าเสี่ยวอู่ และคางของเขาก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา แมวตัวนั้นข่วนเขา มันลงมือได้ดุร้ายจริงๆ!
เจ้าแมว เจ้านายแกอยู่ในกำมือข้า เจ้ายังกล้าทำร้ายข้า?ถ้าข้าไม่ถลกหนังเจ้า ข้าก็จะเอาเจ้าไปเป็นอาหารหมาป่าซะ!
“เหมียว!” เสี่ยวอู่ดีดตัวขึ้น กระโจนเข้าใส่เฟิ่งเทียนฉี่
กรงเล็บที่แหลมคมนั่นไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย เสี่ยวอู่สามารถฆ่าสัตว์ทิพย์ขั้นหนึ่ง และต่อกรกับสัตว์ทิพย์ขั้นสองได้ เฟิ่งเทียนฉี่ผู้นี้อยู่ขั้นสาม? เสี่ยวอู่ไม่สามารถฆ่าเขาได้ แต่สามารถข่วน และกัดเขาจนปางตายได้
เฟิ่งเทียนฉี่ไม่คาดคิดว่าแมวตัวนี้จะโหดร้ายได้ขนาดนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ด้วยกังฟูเพียงพริบตาเดียว เขาก็ถูกเสี่ยวอู่กัดจนเลือดไหลไม่หยุด ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยข่วนของแมวอีกหลายรอย
เฟิ่งเทียนฉี่โกรธมาก ” เจ้าแมว เจ้าสมควรตาย ข้าจะฆ่าเจ้า! ”
“เหมียว!” ขาของเสี่ยวอู่เตะเข้าที่ใบหน้าของเฟิ่งเทียนฉี่ และมันรีบกระโดดพุ่งพรวดไปบนต้นไม้ บ้าเอ้ย เป็นใครก็อยากฆ่าเจ้าแมวตัวนี้?
การเตะครั้งนี้ทำให้เฟิ่งเทียนฉี่เซถอยไปถึงสองก้าวก่อนจะหยุดนึ่ง แผลที่ถูกข่วนและถูกกัดเจ็บลึกถึงใจ เฟิ่งเทียนฉี่เปิดจุดชีพจร พลังทิพย์กำลังไหลไปที่กลางฝ่ามือของเขา เขาจะต้องฆ่าแมวตัวนี้ให้ได้!
ในเวลานี้สายตาดูเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่าง เฟิ่งเทียนฉี่ชะงักกะทันหัน รีบหันกลับไปมองที่ที่จูนจิ่วเคยนั่ง
ในตอนนี้มันว่างเปล่า !
จูนจิ่วล่ะ?
” จูนจิ่วล่ะ? นางหายไปไหนแล้ว?” เฟิ่งเทียนฉี่เริ่มตื่นตระหนก
ไอเย็นถึงกระดูกที่ลอยมาจากทางด้านหลัง น้ำเสียงเย็นที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต นางถามขึ้น ” เจ้ากำลังหาข้าอยู่หรือ? ”
ร่างกายของเฟิ่งเทียนฉี่แข็งทื่อในทันที เขาไม่อยากจะเชื่อ คอแข็งทื่อของเขาพยายามขยับมองไปรอบๆ พลันสายตาสบกับจูนจิ่ว อึก!เสียงดังในลำคอ ตามด้วยอาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง เสียงแตกร้าว เฟิ่งเทียนฉี่กระเด็นลอยไป หลังของเขากระแทกเข้ากับต้นไม่อย่างแรง
“ ฟู่ว ——”
เขาพ่นเลือดในปากของตนเอง และเมื่อก้มมองลงไปบริเวณที่หน้าอกยุบ เฟิ่งเทียนฉี่ก็กรีดร้องด้วยความกลัว ทว่าร้องออกไปได้เพียงสองคำ เฟิ่งเทียนฉี่ก็เจ็บจนชัก และร้องไม่ออก
กระดูกซี่โครงของเขาแตก และทิ่มแทงอวัยวะภายใน แค่อ้าปากก็สามารถทำให้แผลฉีกได้แล้ว มันเจ็บปวดถึงที่สุด
ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ เฟิ่งเทียนฉี่มองจูนจิ่วด้วยความไม่อยากเชื่อ ” เจ้า เจ้า! เจ้าไม่ได้หลงกล ”
จูนจิ่วที่ยืนอยู่ในขณะนี้ สีหน้ากลับเป็นปกติ ดวงตาคู่นั้นที่กระหายเลือดและเย็นชาจ้องมองที่เขา สายตาคู่นี้ ทำให้เฟิ่งเทียนฉี่รู้สึกเหมือนกำลังถูกพญายมลากไปลงนรก น่าหวาดกลัวอย่าหาใดเปรียบ
” เหมียว เหมียว~ ” เสี่ยวอู่กระโดดลงมาจากบนต้นไม้ ลงมาอยู่บนไหล่ของจูนจิ่วอย่างเบาๆ มันก้มหัวถูไถแก้มของจูนจิ่ว
เสี่ยวอู่กล่าว เจ้านาย! ท่านจะต้องสั่งสอนชายสารเลวผู้นี้เสีย เศษสวะ!
นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!
จูนจิ่วจ้องเฟิ่งเทียนฉี่ด้วยสายตาเยือกเย็น นางเอ่ย ” คิดว่าแค่ส่งผู้หญิงคนนึงเข้ามาล่อ แล้วจะสามารถทำลายการเตรียมการของพวกข้าได้งั้นรึ? นางโยนควันนั่นเข้ากองไฟอย่างโจ่งแจ้ง คิดว่าพวกข้าตาบอดงั้นรึ? ”
” ไม่ ไม่ พวกเจ้าสูดควันเข้าไปแล้ว ซ้ำยังไม่ได้กินยาถอนพิษ แม้ว่าจะรู้ก่อนก็ไม่น่าจะทำอะไรได้ อีกทั้งหงอิงยังให้เจ้ากินยาปลุกอารมณ์เข้าไปอีก! ”
” ข้าคือปรมาจารย์จูนจิ่ว เข้าใจซะด้วย ” คำพูดเย้ยหยันและเยือกเย็นของจูนจิ่ว ทำให้เฟิ่งเทียนฉี่แข็งทื่อราวกับถ้ำน้ำแข็ง
เขาเข้าใจได้ในทันที ไม่ว่าจะเป็นจูนจิ่ว หยูนเฉียวหรือคนอื่นๆ ล้วนไม่มีใครโดนมนต์สะกด พวกเขาแค่แสร้งทำ !เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิ่งเทียนฉี่ก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก จูนจิ่วนั้นรู้อยู่ตั้งนานแล้ว เหตุใดนางจึงรอให้พวกเขาลงมือ?นางต้องการจะทำอะไรกันแน่!
เฟิ่งเทียนฉี่รู้สึกกลัวขึ้นมา แต่เพิ่งจะมากลัวเอาตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว โลกใบนี้ไม่มียาเสียใจภายหลัง
ในตอนนี้ หยูนเฉียวก็เดินออกมาจากความมืด เรือนร่างของพวกเขาล้วนเปื้อนเลือดสดๆ ดวงตาของพวกเป็นประกายจากความตื่นเต้นและความสุขจากการฆ่า ในมือของกู่ซง คว้าผมของหงอิงและลากนางเข้ามา
ทางฝั่งหงอิง ที่เคยมีรอยยิ้มชั่วร้าย และมีความสุขที่ชั่วช้าอยู่เมื่อครู่นั้น ในตอนนี้ล้วนหายไปสิ้น เหลือเพียงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและรอยน้ำตา ตามทางที่นางโดนลากมา ชุดบางถูกหินกรวดบนพื้นขูดจนขาดรุ่ย เผยให้เห็นร่างกายส่วนใหญ่ของนาง แต่ทว่าทุกคนต่างมองนางด้วยสายตารังเกียจ
หยุนเฉียวมองดูเฟิ่งเทียนฉี่ด้วยความขยะแขยง และพูดกับจูนจิ่ว ” แม่นางจูน คนเหล่านั้นล้วนถูกฆ่าหมดแล้ว ไม่มีใครเหลือรอดสักคน ”
” ศิษย์พี่จิ่ว พวกข้ายังได้นำแม่นางคนนี้มาให้ท่านด้วย!” จูนเสี่ยวเหล่ยชี้ไปที่หงอิงที่อยู่ในกำมือของกู่ซง
จูนจิ่วพยักหน้า สายตาเย็นเยือกของนางเสมองไปทางหงอิง หงอิงกลัวจนตัวสั่นเทา นางจับผมตัวเองและพยายามดึงออกอย่างสุดความสามารถ แต่กู่ซงนั้นได้จับไว้แน่นมาก ทำให้นางไม่สามารถแกะออกได้เลย
เมื่อเห็นจูนจิ่วมองมาที่ตนเอง หงอิงก็ร้องไห้น้ำตาไหลพราก ” อย่า! อย่าฆ่าข้า นี่ล้วนเป็นความคิดของเฟิ่งเทียนฉี่!เป็นความคิดเขาที่อยากจะนอนกับเจ้า และทำลายความบริสุทธิ์ของเจ้า ข้าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร!เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าถูกบังคับข่มขู่! ”
“หงอิงเจ้าคนทรยศ!”เฟิ่งเทียนฉี่ตะโกนด่าด้วยความโกรธ
” หึ ” จูนจิ่วยิ้มอย่างเย็นชา นางเดินตรงไปหาหงอิง เมื่อเห็นดังนั้น หงอิงก็กลัวจนหัวหดแล้ว
หงอิงได้เห็นกู่ซงไล่ฆ่าคนเหล่านั้นแล้ว พวกคนโหดร้ายเหล่านี้ ล้วนแต่เชื่อฟังคำสั่งของจูนจิ่ว เมื่อมองในสิ่งที่นางเคยปฏิบัติต่อจูนจิ่วนั้น หากนางตกอยู่ในเงื้อมมือของจูนจิ่ว จูนจิ่วจะทำอย่างไรกับนาง?
หงอิงกลัวจนสุดขีด ทันใดนั้นนางได้ดึงกริชที่ซ่อนเอาไว้ออกมา นางตัดผมของตัวเองออก และหลบหนีจากกู่ซง ต่อให้ต้องคลานปีนหรือกลิ้งก็ต้องหนีไปให้ได้
“อยากไปหรือ?” เสียงของจูนจิ่วนั้นเย็นชาจนน่ากลัว
ตู้ม!พลังมหาศาลลอยมาจากทางด้านหลัง มุ่งตรงไปยังหงอิง หงอิงนอนกระอักเลือดอยู่บนพื้น เท้าข้างหนึ่งของจูนจิ่วเหยียบอยู่บนมือของหงอิง จูนจิ่วยกมุมปากขึ้น ” เมื่อครู่คือมือข้างนี้ใช่ไหมที่มอบยาปลุกอารมณ์ให้ข้ากิน? “