บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 129 ข้าน่ารัก ข้าขนนุ่ม
บทที่ 129 ข้าน่ารัก ข้าขนนุ่ม
จูนจิ่วทำหน้าสงสัย เสี่ยวอู่เห็นนางทำหน้าสงสัยก็ขนกระเจิงพลางร้อง ” เหมียวเหมียวเหมียวเหมียว!! ”
เสี่ยวอู่ฟ้อง เหมี่ยว! นายท่าน เขาเป็นคนเลว เขาจะต้องตีข้าเป็นแน่!นายท่านยกข้าให้แก่เขาไม่ได้นะ!
จิตของจูนจิ่วและเสี่ยวอู่ได้เชื่อมต่อกัน จูนจิ่วได้ฟังท่าทางที่มั่นใจในการฟ้องของเสี่ยวอู่ ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา โม่อู๋เยว่จะตีแมวหรือ?แมวออกจะน่ารักขนาดนั้น เขาทำได้ลงหรือ?
โม่อู๋เยว่เห็นจูนจิ่วมีท่าทีสงสัย ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเสี่ยวอู่พูดอะไรออกไป ริมฝีปากบางของเขายกขึ้นเล็กน้อย และยิ้มอย่างชั่วร้าย เขากล่าว” ข้าให้สัญญากับเจ้า ขนสักเส้นของแมวเจ้าข้าก็จะไม่ให้ร่วง เจ้าเชื่อใจข้าไหม? ”
“ฟังดูน่าเชื่อถือ!”
” งั้นก็ส่งมันมาให้ข้า~~ วันพรุ่งข้าจะทำให้เจ้าได้เป็นแมวที่ช่ำชองวิชานกฟีนิกส์แดง ดีไหม?” สองคำสุดท้ายของโม่อู๋เยว่ ราวกับเจ้าแมวกำลังรบกวนจิตใจนางอยู่ ทำให้นางรู้สึกชาและอบอุ่นอยู่ในใจ
เห็นดังนั้นจูนจิ่วก็ตกลงอย่างไร้ความสงสัย ” อย่างนั้นก็ตามเอานั้น! ”
” เหมียว เหมียว เหมียว!” เสี่ยวอู่เกาะแน่น เหมียวเหมียวของมันแปลได้ว่า มันกำลังฟ้องจูนจิ่วว่านางหลงกลชายผู้นี้แล้ว ซ้ำยังส่งแมวผู้น่ารักอย่างมันให้กับชายวิปริตเช่นนี้อีก นายท่านเห็นมันดีกว่าแมว!
เสี่ยวอู่เกาะขาของจูนจิ่วแน่น ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย ท้ายที่สุดจูนจิ่วจึงต้องแกะอุ้งเท้าที่เกาะแน่นของมันออกด้วยความจำใจ และส่งมันให้กับโม่อู๋เยว่
จูนจิ่วลูบหัวเสี่ยวอู่ และกำชับ ” เจ้าต้องเชื่อฟังนะ!ใครใช้ให้เจ้าขี้เกียจกันล่ะ ? ”
“เหมียว!” มันไม่ขี้เกียจแล้วไม่ส่งมันไปไม่ได้หรือ?เจ้าคนนี้มันวิปริตจะทารุณแมว!
เสี่ยวอู่ที่น้ำตารินถูกโม่อู๋เยว่นำตัวไป เมื่อพ้นสายตาของจูนจิ่ว ทันใดนั้นเสี่ยวอู่ก็ไม่แสร้งทำตัวน่าสงสารอีกต่อไป เพียงชั่วครู่ก็ได้กลายร่างเป็นสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ หางยาวกวัดแกว่งไปมา ยิงฟันและคำรามด้วยเสียงต่ำ ตะปบกรงเล็บไปที่โม่อู๋เยว่
ข้าจะกัดเจ้าให้ตายเจ้าวิปริต!
โม่อู๋เยว่กดปลายเท้าเบาๆ และเอี้ยวตัวหลบกรงเล็บของเสี่ยวอู่
เสี่ยวอู่โจมตีอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่ทันได้สังเกตว่าที่ที่โม่อู๋เยว่พาไปนั้นยิ่งลึกยิ่งเปลี่ยว ยิ่งเดินยิ่งไกล ทางฝั่งหยูนเฉียวก็กลับมาหลังจากที่ทำภารกิจเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน เขาก็เห็นเหมือนภูเขาวาบเป็นสีขาวๆอยู่ไกลๆ เห็นเพียงครู่เดียว มันก็ได้หายวับไป
หยูนเฉียวตกตะลึง ความงุนงงปรากฏขึ้นบนใบหน้างาม ” นั่นคืออะไร? ”
” ดูเหมือนว่าจะเป็นแมว?” จูนเสี่ยวเหล่ยเองก็งงงวยเช่นกัน
พลังของกู่ซงนั้นแข็งแกร่งกว่า และสามารถมองเห็นได้ชัดเจนกว่าพวกเขาทั้งสอง นั่นทำให้เขายิ่งสับสนและมึนงงกว่า กู่ซงเอ่ยปากพูด” มันคือแมว แต่พวกเจ้าเคยเห็นแมวที่ตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อนหรือไม่?ทั้งยังรูปร่างเหมือนแมวของจูนจิ่วอีก? ”
เมื่อพวกเขากลับไป มองซ้ายมองขวาไม่เห็นเจ้าเสี่ยวอู่จึงถามจูนจิ่ว จูนจิ่วตอบว่าเสี่ยวอู่ได้ออกไปแล้ว
ทั้งสามคนล้วนมองหน้ากัน และพวกเขาก็ประหลาดใจในทันที หรือว่านั่นคือเสี่ยวอู่จริงๆ?
จูนเสี่ยวเหล่ยยืดแขนออกและทำการเปรียบเทียบ เสี่ยวอู่ตัวเล็กๆ ผู้น่ารักที่ตัวใหญ่เพียงแค่หัวนาง กับเสี่ยวอู่ที่ตัวใหญ่พอๆกับเนินเขา จูนเสี่ยวเหล่ยรู้สึกประหลาดใจ ว้าว!สมแล้วที่เป็นแมวของจูนจิ่ว เสี่ยวอู่นั้นดูน่าทึ่งมาก!
จูนจิ่วและเสี่ยวอู่ไม่รู้ ว่าร่างที่แท้จริงของเสี่ยวอู่จะมหัศจรรย์ขนาดนี้
นอกจากนี้เสี่ยวอู่ก็ถูกโม่อู๋เยว่พาไปที่ริมบึง มันไล่ล่าจนเหนื่อย และนอนนิ่งอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อน มีเพียงสายตาคู่นั้นที่มองมายังโม่อู๋เยว่ด้วยความโกรธแค้น
โม่อู๋เยว่ยืนอยู่กลางอากาศ ลมอ่อนพัดผมสีเงินของเขาขึ้น ภายใต้คิ้วเงินคู่นั้นคือดวงตาสีทองที่แวววาวและมีเสน่ห์ยั่วยวน
ในสถานการณ์นี้
ชายชั่วร้ายผู้มีคิ้วเงินและผมเงิน กำลังจ้องมองแมวสีขาวตัวใหญ่ หากวาดเป็นภาพวาดขึ้นมา คงจะทั้งสวยงามทั้งน่าหลงใหลเป็นแน่ แน่นอนว่ามันจะกลายเป็นเรื่องเล่าที่แปลกประหลาดและมหัศจรรย์ของแคว้นเทียนโจ้งไปนับพันปี
จูนจิ่วไม่ได้อยู่ที่นี่ เสียงกล่าว ของโม่อู๋เยว่กลับไม่ได้ร้อนแรงและยั่วยวน จะมีก็เพียงแต่ความเย็นชา ความเย่อหยิ่ง โหดเหี้ยมไร้อารมณ์
เขามองเสี่ยวอู่พลางเอ่ย ” เล่นพอรึยัง?”
“เหมียว เหมียว เหมียว!” เสี่ยวอู่ได้กล่าวโทษโม่อู๋เยว่ โม่อู๋เยว่เลิกคิ้วขึ้น เขาฟังออกว่าเสี่ยวอู่กำลังต่อว่าเขา เขายกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชาและเหนือชั้นกว่า ” แคว้นเทียนโจ้งเป็นสถานที่ที่สงบสุขแห่งหนึ่ง ไม่มีวิกฤตการณ์ความเสี่ยง และไม่มีอันตรายร้ายแรงใดๆ เจ้าอยากขายความโง่เขลาก็ไม่เป็นไร แต่หากจูนจิ่วจากแคว้นเทียนโจ้งไป แมวโง่อย่างเจ้า ก็รังแต่จะเป็นตัวถ่วงของจูนจิ่วเท่านั้น ”
“เหมียว!” เสี่ยวอู่อยากหักล้างเหตุผลของโม่อู๋เยว่ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ใต้จิตสำนึกลึกๆมันก็คิดว่าโม่อู๋เยว่พูดถูก
” ที่นี่ไม่มีใครรู้ถึงสายเลือดเสือขาวของเจ้า แต่หากไปจากที่นี่ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าจะนำความยากลำบากอะไรมาให้จูนจิ่ว?”
เสี่ยวอู่ไม่โต้แย้ง มันหมอบลงด้วยความน้อยใจ ราวกับมันหนักไม่กี่ตันเพียงครึ่งหนึ่งของเนินเขาใหญ่
มันคิดอยู่ครู่หนึ่ง หากเกิดอันตรายขึ้นมา มันก็สามารถกลับเข้าไปในสร้อยข้อมือได้ คนพวกนั้นก็จะหามันไม่พบแล้ว!แต่หลังจากมันได้ออกมา ได้มาอยู่ข้างกายจูนจิ่ว เสี่ยวอู่ก็ไม่อยากที่จะกลับไปหนาวเหน็บ กับพื้นที่ว่างในสร้อยข้อมือที่มีแต่กองสิ่งของของจูนจิ่วอีกครั้ง
ที่นั่นไม่มีนายท่านคอยลูบ คอยกอด คอยจูบ นั่นมันเหงามากนะ!
โม่อู๋เยว่ขยับนิ้วมือ ทันใดนั้นเสี่ยวอู่ก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ คางของมันถูกยกขึ้น ใบหน้าใหญ่ๆของแมว ขนที่ปุกปุย และดวงตาที่น้อยใจคู่นั้น โม่อู๋เยว่รู้สึกรังเกียจนัก ” หากว่าข้าเจอเสือขาวอย่างเจ้าก่อนหน้านี้ เจ้าก็จะได้กลายมาเป็นเบาะหนังเสือใต้เท้าข้าแล้ว ”
“เหมียว——อ๊าา!”
“ หุบปาก ” โม่อู๋เยว่ต่อว่าด้วยเสียงเย็น
หากสี่สัตว์แห่งเทพในตำนานได้เห็นโม่อู๋เยว่ในด้านนี้ เกรงว่ามันคงจะตกใจกลัว
อ๋องเจ้าเล่ห์เคยอ่อนโยนซะเมื่อไหร่กัน?ไม่มี!สี่สัตว์แห่งเทพในตำนานนั้นเดินสง่าและน่าเกรงขาม แต่หลังจากเจออ๋องเจ้าเล่ห์ก็เชื่องเป็นสุนัขเช่นกัน
มิฉะนั้น ยอมยกตำหนักอ๋องเจ้าเล่ห์ให้เขาหรือ ยังมีเบาะหนังเสือขาว ขวดขนนกฟีนิกส์แดง รูปปั้นมังกรเขียว เหยือกเต่าดำเสวียนอ เป็นต้น
โม่อู๋เยว่มองเสี่ยวอู่และกล่าว ” ไม่รู้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ชอบอะไรในตัวเจ้า? ”
“เหมียว!”ข้าน่ารัก!ขนข้าก็นุ่ม!
โม่อู๋เยว่ “……”
หลังจากเงียบกันไปครู่หนึ่ง โม่อู๋เยว่จึงเอ่ยปากพูด ” ข้าให้โอกาสเจ้า คืนนี้เจ้าจะต้องเรียนวิชาตำนานนกฟีนิกส์แดงให้ได้ แล้ววันพรุ่งข้าจะปล่อยเจ้าไป มิฉะนั้นเจ้าก็ลองเดาดูว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะชอบแมว หรือชอบเสือขาวกันแน่? ”
นี่ทำให้เสี่ยวอู่ตกใจกลัว
มันไม่กล้าบอกจูนจิ่วว่าตัวเองเป็นเสือขาว เพราะว่าในอดีตมันเคยอยู่ในกำไล และติดตามจูนจิ่วไปสวนสัตว์หัวเซี่ย จากนั้นจูนจิ่วก็ชี้ไปที่พวกเสือแล้วกล่าวว่า ” เห็นได้ชัดว่าพวกมันก็คือแมว แมวน่ารักกว่าอีก เสือตัวใหญ่เกินไปมันกอดลำบาก ”
เสี่ยวอู่จะทำอย่างไรได้?เพื่อได้รับความรักความโปรดปรานจากเจ้าของ แล้วจะเป็นเสือขาวไปทำไมกัน เหตุใดมันจึงไม่กลายเป็นแมวไปซะ?
โม่อู๋เยว่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งนั้น เสี่ยวอู่ที่ถูกจี้ใจดำนั้นฝึกท่าทางมรณะด้วยความตั้งใจ และเริ่มเล่าเรียนวิชาตำนานนกฟีนิกส์แดง แม้ว่าสี่สัตว์แห่งเทพในตำนานจะแยกเป็นสี่สายพันธุ์ แต่มันก็มีต้นกำเนิดเดียวกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ถ้าเสี่ยวอู่เรียนรู้ได้นั่นก็จะเป็นการดีกับมัน
แม้ว่าจะเป็นเสือขาว แต่ผลลัพธ์ก่อนที่จะรีบฝึกอย่างกะทันหันของมันก็ถือว่าไม่เลว เมื่อโม่อู๋เยว่มอบมันให้กับจูนจิ่วในตอนกลางวัน มันก็สามารถเรียนรู้การใช้พลังนกฟีนิกส์แดงได้แล้ว แม้ว่าจะไม่ได้ดีมาก และอ่อนแอ่ไปหน่อย แต่ก็ถือว่าผ่านแล้ว
จูนจิ่วมองโม่อู๋เยว่ด้วยความสงสัย พลางถามเขา ” เจ้าทำได้อย่างไร? ” ” ทำให้มันเชื่อฟัง “