บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 145 หัวใจแห่งดาบ
บทที่ 145 หัวใจแห่งดาบ
ดาบของเขาจะหักได้อย่างไร? นี่ถือเป็นดาบล้ำค่าที่อาจารย์ให้เขาไปหามา มูลค่าของมันสูงถึงหินทิพย์ชั้นหนึ่งห้าสิบดวง จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะหักง่ายๆแบบนี้
ทั้งตกใจทั้งโกรธ หลัวหยางมองข้ามบาดแผลบนไหล่ เขาจ้องมองไปที่จูนจิ่วไม่ละสายสายตา สีหน้าดุดัน “ไอ้สารเลว เจ้ากล้าดีอย่างไรทำให้ดาบของข้าหัก ข้าจะฆ่าเจ้าซะ”
“ยังจะฝันกลางวันอีก?” จูนิจิ่วหัวเราะอย่างดูถูก ยกเท้าเหยียบไปที่ไหล่ของหลัวหยาง
เสียงดึงดาบออกมา
ดึงดาบป๋ายเย่ออกมา เลือดสดพุ่งกระจาย หลัวหยางถูกนางเตะจนกระเด็นไปไกล และตกลงกระทบกับพื้นอย่างแรง เขารีบคลานลุกขึ้นมา ทำท่ามือ มีพลังจิตหมุนรอบ โดยใช้มือแทนดาบพุ่งไปทางจูนจิ่วอีกครั้ง
พุ่งไปด้วยร้องตะโกนไปด้วย “ไอ้สารเลว เจ้าคิดว่าเจ้าหักดาบของข้าแล้ว ข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้หรือ? ลองลิ้มลองกับพลังดาบแห่งจิตของข้าดู ข้าจะขอสับเจ้าให้เป็นหมื่นๆท่อน”
ดาบแห่งจิต
จูนจิ่วกวาดสายตามองไปที่นิ้วมือทั้งสองที่ใช้แทนดาบ นางหมุนดาบป๋ายเย่และไม่ได้รีบร้อนลงมือ นางรู้สึกสนใจอยู่บ้าง ดาบแห่งจิตคืออะไร?
เห็นเพียงหลัวหยางที่พุ่งมาถึงตรงหน้า ปลายนิ้วมือที่ประกบเข้าหากันมีพลังจิตกระจายออกมา ก่อตัวเป็นดาบแห่งปราณที่ทอแสงที่ฟ้าอ่อนๆ สีหน้าของหลัวหยางดูน่ากลัว ดุร้าย พุ่งมาทางจูนจิ่ว พร้อมฟันดาบลงมาอย่างหนักหน่วง
แตะเท้าถอยหลัง จูนจิ่วเอียงตัวหลบไป
ดาบแห่งจิตเฉี่ยวลำตัวนางไป พลังปราณไร้รูปร่าง แต่กลับทิ้งร่องรอยดาบลงบนพื้นจนน่าตกใจ พลังลมปราณก่อตัวขึ้นจากรอยดาบ ซึ่งมีลักษณะสีขาวเย็นๆเสี่ยวกระดูก จูนจิ่วยกคิ้วขึ้นสูง น่าสนใจดีว่ะ
“อ๊ากก” หลัวหยางร้องตะโกนดัง และชี้นิ้วพุ่งตามมา
ดาบแห่งจิตมีแรงอาฆาตที่น่ากลัว พุ่งตรงเข้ามา สิ่งของที่กระทบโดนฟันขาดจนเรียบ นัยน์ตาจูนจิ่วนิ่งเงียบเย็นชา ข้อมือตวัดดาบป๋ายเย่ไปมาเป็นเกราะบังตัว
ตุบ
ดาบแห่งจิตและดาบป๋ายเย่ปะทะเข้าหากัน แรงปะทะอันทรงพลังและยิ่งใหญ่โดยมีทั้งสองเป็นศูนย์กลาง ก่อตัวเป็นพลังกระจายไปรอบทิศ พัดพาใบไม้ที่ล่วงล่นบนพื้นให้ฟุ้งกระจาย เสียงใบไม้กระทบเสียงดังไม่หยุด หลัวหยางยังคงร้องตะโกนเสียงดัง ชี้นิ้วไปทางจูนจิ่วอย่างหนักหน่วง
จูนจิ่วมองไปที่เขาด้วยสายตาเย็นชา สังเกตเห็นนัยน์ตาของเขาที่ไม่พอใจ โกรธแค้น แรงอาฆาต แล้วก็ยังมีความกลัวที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยพานพบมาก่อน
เขากำลังกลัวอะไร? กลัวที่จูนจิ่วมีท่าทีนิ่งสงบ ดูถูก ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ดาบแห่งจิตเป็นท่าไม้ตายของเขาแล้ว เขากำลังกลัวความตาย ไม่มีใครไม่กลัวความตาย
ริมฝีปากสีแดงยกสูงขึ้นนิดๆ ยิ้มบางๆ ให้ความรู้สึกเยือกเย็นเหมือนกำลังล้อเล่น
จูนจิ่วหมุนข้อมือ เอียงลำตัวหงายหน้าไปด้านหลัง ทำให้ดาบแห่งพลังปราณเฉี่ยวผ่านศีรษะนางไป แต่ปลายนิ้วของนางพลิกกลับ ดาบป๋ายเย่พุ่งเข้าหาหลัวหยาง ภายใต้ดาบที่ทอแสงอันคมกริบ ทันใดนั้นหลัวหยางมองเห็นดาบแห่งพลังปราณได้สูญสลายไป ต่อด้วยความรู้สึกเจ็บแสบถึงจิตใจที่ส่งผ่านจากมือ
เขาตกตะลึง กลัวจนต้องก้มหน้า มองเห็นบนนิ้วมือของตัวเองกำลังมีเลือดพุ่งกระจาย สองนิ้วที่หันจนขาดตกอยู่บนพื้น ซึ่งมันเห็นชัดจนเทียบไม่ได้
นิ้วของเขาก็ขาดเช่นนกัน อ๊ากกก
ตุบ
ชกเข้าที่ช่องท้องของหลัวหยางหนึ่งหมัด ท้องไส้ปั่นปวดและเจ็บปวดมาก หลัวหยางมีใบหน้าที่บิดเบี้ยวดุดัน อ้าปากพร้อมกับกระอากเลือดออกมา จูนจิ่วยกมือขึ้นมา ดาบป๋ายเย่บินออกไป ตรึงลำตัวหลัวหยางไว้กับต้นไม้
หลัวหยางกระอากเลือดไม่หยุด เขาเบิกตากว้างมองไปที่จูนจิ่ว ด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อและหวาดกลัว
จูนจิ่วพูดเสียงเรียบ “ความจริงวิชาดาบของเจ้าไม่เลว เป็นวิชาดาบต้นตำรับแท้ การจู่โจมดีเยี่ยม แต่น่าเสียดายที่เจ้าร่ำเรียนได้ย่ำแย่มาก เกรงว่าแม้แต่พลังแค่สองชั้นก็ยังไม่ได้สำแดงออกมาก สำนักเจี้ยนจงมีศิษย์อย่างเจ้า น่าจะต้องอับอายมากสินะ?”
“เจ้าพูดไร้สาระ อาจารย์ข้าเป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักเจี้ยนจง และข้าก็เป็นลูกศิษย์ที่เก่งที่สุดของอาจารย์ ”
“เหรอ” จูนจิ่วยิ่งพูดแทงใจดำ “งั้นก็แสดงว่าอาจารย์ของเจ้าย่ำแย่น่ะสิ ถึงได้สอนลูกศิษย์ออกมาก็ย่ำแย่เหมือนกัน คนอื่นเค้าถ่ายทอดกันเรื่องพละกำลัง แต่พวกเจ้ากลับถ่ายทอดเรื่องความย่ำแย่หรือ? ”
เสียงเลือดพุ่งจากปาก
หลัวหยางถูกคำพูดของจูนจิ่วพูดจนต้องกระอากเลือด
จูนจิ่วยังคงใช้สายตาล้อเล่นมองเขา พูดอย่างไม่ได้ใส่ใจ “สิ่งหนึ่งที่นับว่าใช้ได้คือดาบแห่งจิต อันนี้น่าสนใจมาก”
ขณะที่กำลังพูด นางก็ทำท่ามือประกบเข้าหากัน หลัวหยางตกตะลึงและสังเกตเห็นว่า ท่ามือที่จูนจิ่วทำคือท่ามือที่เขาใช้กับดาบแห่งจิต ต่อด้วยเรื่องที่ยิ่งไม่น่าเชื่อก็ได้เกิดขึ้น พลังปราณได้ก่อตัวขึ้น ปลายนิ้วของจูนจิ่วได้ปรากฏดาบแห่งพลังปราณ
นี่มันเป็นไปไม่ได้
หลัวหยางถลึงตากัดฟัน ใบหน้าดุร้ายจนถึงที่สุด เขาไม่เชื่อ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่มีคนเรียนรู้ดาบแห่งจิตแค่แปปเดียวก็ใช้เป็น? ดาบแห่งจิตเป็นวิชาที่ยากและเป็นที่สุดของสำนักเจี้ยนจง เขามีอาจารย์ชี้แนะ ยังต้องเรียนตั้งสามปีเต็ม ถึงจะสามารถใช้ดาบแห่งจิตได้
แต่จูนจิ่ว ใช้เวลาแค่ครู่เดียวก็เป็นแล้ว มันจะเป็นไปได้อย่างไร? นี่มันต้องเป็นเรื่องไม่จริงแน่ เขาไม่เชื่อหรอก
หลัวหยางไม่รู้ตัวว่า เขากลัวและตกตะลึงมากเกินไป ถึงได้พูดทุกอย่างในใจออกมา จูนจิ่วมองตาขวางใส่เขา รอยยิ้มตรงมุมปากดูเยือกเย็นบ้าบิ่น นางพูดว่า “งั้นเจ้าจะลองดูไหม?”
จึงชี้นิ้วไป ดาบแห่งพลังปราณพุ่งทะลุผ่านอากาศไป
นอกจากเสียงในอากาศ ไร้เสียงอื่นๆ หลัวหยางมีเพียงสีหน้าที่ตกตะลึง หวาดกลัว จนกระทั่งหัวหลุดจากบ่ากลิ้งตกลงมา กลิ้งไปที่พื้นหลายตลบแล้วหยุดนิ่ง แต่รอยแผลของเขา กลับไม่ได้มีเรื่องพุ่งออกมา
ดาบแห่งพลังปราณของจูนจิ่ว เหมือนกับตัวนางเอง เป็นดั่งไฟร้อนรุ่ม สวยดั่งกุหลาบ โดยมีลักษณะร้อนและอุณหภูมิสูง จึงทำให้ปากแผลไหม้เกรียม ทำให้เลือดสดถูกปิดผลึกไว้ภายในร่างกาย
ผลที่ออกมาแบบนี้ ทำให้จูนจิ่วก็รู้สึกประหลาดใจ นางกระตุกยิ้มมุมปากร้ายๆอย่างไม่ยอมแพ้ “นี่ถึงจะเป็นพลังดาบแห่งจิตที่แท้จริง ”
ดึงดาบป๋ายเย่ออก ไม่ได้สนใจร่างกายของหลัวหยางที่ล้มลงอยู่ทางด้านหลัง จูนจิ่วหันลำตัวไปหาเสี่ยวอู่ โดยการพูดผ่านจิต นางรู้ว่าเสี่ยวอู่จัดการอย่าเอ๋อได้แล้ว หากจะพูดให้ถูกต้องพูดว่าเสี่ยวอู่เล่นจนพอแล้ว เก็บไว้ลับเล็บยังรู้สึกรังเกียจเลย
เสี่ยวอู่ที่อยู่ไกลออกไปมองเห็นนาง ดีใจจนต้องกระโดดโลดเต้น “เหมียวๆ เจ้านายทางนี้”
ภายใต้ฝ่าเท้าของมัน กระโดดครั้งหนึ่ง อย่าเอ๋อก็กระอากเลือดทีหนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าถูกเสี่ยวอู่ข่วนจนจำหน้าเดิมไม่ได้แล้ว ดวงตาข้างหนึ่งถูกข่วนจนบอด เหลือเพียงดวงตาหนึ่งข้างและมองเห็นคนที่มาเป็นจูนจิ่วไม่ใช่หลัวหยาง
ในใจของอย่าเอ๋อปรากฎภาพที่น่ากลัวจนยากแกการใช้คำพูดบรรยาย นางร้องเสียงดัง “อย่าฆ่าข้า ข้าไม่กล้าแล้ว ไว้ชีวิตข้าเถอะ ถ้าเป็นศิษย์สำนักเจี้ยนจง ขอเพียงแค่พวกเจ้าไม่ฆ่าข้า ข้าสามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้”
“อีกอย่างเจ้าเป็นคนของสำนักเทียนโจ้งไม่ใช่หรือ? เจ้าต้องอยากมาที่อู๋จงแน่ถูกหรือเปล่า? ขอร้องเถอะปล่อยข้าไป หักข้ากลับไปจะบอกกับอาจารย์ว่า ให้เขามอบสิทธิแก่เจ้า แล้วให้เจ้าไปที่สำนักเจี้ยนจงดีไหม? ข้าขอร้องเถอะ” อย่าเอ๋อร้องไห้เสียใจ กลัวจนถึงที่สุด
จูนจิ่วมองด้วยสายตาเย็นชา สายตาฉายแววการประชดประชันดูถูก
หากไม่ใช่เป็นเพราะนางมีกำลังเหนือกว่า วิชาดาบเก่งกว่า อย่าเอ๋อจะเป็นแบบนี้ได้หรือ? ไม่ นางจะทำเหมือนที่นางเคยพูดไว้ ฆ่านางซะ จากนนั้นแย่งของวิเศษไป โลกใบนี้มันโหดร้ายแบบนี้แหละ ผู้กำลังอำนาจใหญ่สุด ผู้ที่แข็งแกร่งอยู่ต่อ ผู้ที่อ่อนแอต้องตาย
จะเป็นหรือตาย ขึ้นอยู่กับผู้ที่มีกำลังเหนือกว่าเป็นผู้กำหนด
จูนจิ่วพูดเสียงเรียบ “จูนหยูนเสวี่ยพูดอย่างไรกับพวกเจ้า?”
“นางบอกว่าของวิเศษอยู่บนตัวเจ้า และยังพูดว่าหากพวกข้าเจอตัวเจ้าก็จะได้รับของวิเศษ คือนางเองที่เป็นคนบอกสถานะ แล้วก็พละกำลังของเจ้า แก่พวกข้า ” อย่าเอ๋อพูดไป ในใจนึกเกลียดจูนหยูนเสวี่ยมาก ข่าวสารจากจูนหยูนเสวี่ยไม่แม่นยำเลย