บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 147 หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ
บทที่ 147 หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ
เมื่อเก็บหินทิพย์ชั้นห้าเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าโม่อู๋เยว่ยังจับมือนางไว้ไม่ยอมปล่อย จูนจิ่วยกคิ้วขึ้นสูง “ข้าจะกลับไปแล้ว เจ้าควรจะปล่อยมือได้แล้ว? ”
“ได้” โม่อู๋เยว่ปล่อยมือ แต่คำพูดต่อไปของเขาทำให้จูนจิ่วต้องขมวดคิ้ว เขาพูดว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ควรจะกลับไปได้แล้ว ตอนนี้ที่สำนักเทียนโจ้งโกลาหลวุ่นวายมาก เฟิ่งเซียวกำลังรอเจ้ากลับไป”
“สำนักเทียนโจ้งเกิดเรื่องวุ่นวาย วุ่นวายยังไง?” จูนจิ่วขมวดคิ้วแน่นมองไปที่โม่อู๋เยว่
หลังจากที่โม่อู๋เยว่ทราบว่าจูนจิ่วกำลังเดินทางไปรวมตัวที่เขาปู้หวังรอบนอก จึงได้ถอดจิตกวาดมองไปที่สำนักเทียนโจ้ง จึงบังเอิญเห็นเรื่องวุ่นวายที่สำนักเทียนโจ้ง ซึ่งสถานการณ์ดูเลวร้ายสำหรับเฟิ่งเซียวมาก
“โม่อู๋เยว่”ปลายนิ้วของจูนจิ่วจิกเข้าที่เอวของโม่อู๋เยว่
เขาจับมือของจูนจิ่วที่จิกเขาไว้ โม่อู๋เยว่เปิดปาก “เหลิ่งยวน เจ้ามาอธิบาย”
เหลิ่งยวนไม่ได้ปรากฏตัว เขาหลบซ่อนอยู่ในที่ลับพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย “ไท่ซ่างฮ่องกลับไปสั่งสอนเหอจง ต่อยจนเหอจงลงจากเตียงไม่ได้ ใครจะไปคิดว่าเหอจงกลับใช้เรื่องนี้ใส่ร้ายไท่ซ่างฮ่อง บอกว่าไท่ซ่างฮ่องเป็นคนวางยาโล่ชิวเห้อ แถมยังทำร้ายเขาจนได้รับบาดเจ็บ นี่เป็นแผนการที่แคว้นเทียนโจ้งต้องการยึดชิงอำนาจจากสำนักเทียนโจ้ง ” เสียงของเหลิ่งยวนยิ่งฟังดูต่ำลง ต่ำจนเหมือนเสียงไม่เพียงพอ พูดต่อ “ไท่ซ่างฮ่องโกรธมาก จึงเรียกองครักษ์ลับจากแคว้นเทียนโจ้งล้อมรอบที่พักของโล่ชิวเห้อ เขาทำเพราะต้องการปกป้องโล่ชิวเห้อ แต่ในสายตาของศิษย์สำนักเทียนโจ้งกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น ดังนั้นตอนนี้ที่สำนักเทียนโจ้งจึงวุ่นวายเป็นกอง และกำลังต่อสู้กันอยู่”
จูนจิ่ว ……
เสี่ยวอู่ ……
โม่อู๋เยว่ก้มหัวลง เขาบีบปลายนิ้วมือของจูนจิ่วเบาๆ “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ จะไปช่วยเจ้าโง่นั่นไหม?”
เจ้าโง่ในปากเขา แน่นอนว่าหมายถึงเฟิ่งเซียว จูนจิ่วไม่ได้พูดเถียงเขา รู้สึกปวดหัวแล้วถอนหายใจยาว สำนักเทียนโจ้งเป็นแบบนี้ได้ยังไง? เป็นตลาดซื้อขายผักกันหรือ ช่างน่าทึ่งจริงๆ?
นางใคร่ครวญปัญหาอย่างละเอียด แล้วจัดเรียงปัญหาออกมา ถาม “โล่ชิวเห้อถูกวางยาจริงๆ? ”
“ใช่ เหอจงเป็นคนวางยาพิษ ไท่ซ่างฮ่องให้โล่ชิวเห้อกินยาแก้พิษของแม่นางจูน ดังนั้นโล่ชิวเห้อจึงไม่ตาย แต่มีแค่ลมหายเฮือกสุดท้าย ไท่ว่างฮ่องเดิมทีก็อยากจะถามเจ้าก่อนว่าจะช่วยโล่ชิวเห้อหรือไม่”
“เหอจงวางยาโล่ชิวเห้อ เขาคิดจะทำการใด? ชิงอำนาจ?”
เหลิ่งยวน “แม่นางจูนเจ้าฉลาดจริงๆเลย พูดถูกหมดเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จูนจิ่วขมวดคิ้วแน่น เรื่องราวดำเนินมาจนถึงตอนนี้ก็พอเห็นชัดเจนแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมเหอจงถึงได้ลงมืออย่างกะทันหัน พอจะคิดได้ว่าวางยาโล่ชิวเห้อเพื่อชิงอำนาจ แต่เฟิ่งเซียวกลับต้องไปข้องเกี่ยวด้วย เขาเป็นคนไข้ของนาง และยังรักษาไม่หาย
จูนจิ่วดึงมือกลับมา บีบหมัดแน่นจนมีเสียงออกมา หวังว่าเฟิ่งเซียวคงไม่ออกตัวแรงเกินไป จนกระมบร่างกาย ไม่เช่นนั้นตลอดสองเดือนที่นางทำการบำบัดรักษาไปก็จะสูญเปล่าทันที ซึ่งมันจะทำให้นางโกรธมาก
คนที่อยู่ในสำนักเทียนโจ้ง เฟิ่งเซียวรู้สึกเย็นๆเสียวสันหลัง จนหนาวสั่น
จูนจิ่ว “ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ รอถึงสำนักเทียนโจ้งก่อน แล้วค่อยพูดในรายละเอียด”
พูดจบจูนจิ่วก็ก้าวเท้าเดินไป ตอนที่เสี่ยวอู่เดินตามไป ยังคงโกรธจัดและจงใจสะบัดหางไปทางโม่อู๋เยว่ ถึงแม้จะแตะโดนที่ปลายผ้าของเขาแค่พอพลิ้วไหวบ้าง โม่อู๋เยว่กระตุกยิ้มมุมปาก หัวเราะแบบร้ายๆ
สายตาของเขามองไปที่ลับ เหลิ่งยวนหลบอยู่ในเงามืด กำลังลูบคลำใบหน้าที่ช้ำแดงและลำตัวที่ปวดร้าว น้อยใจอยู่ในใจ จะทำไงได้? ล้วนเป็นบาปกรรมที่ตัวเองก่อไว้ ไปพูดหว่านล้อมเฟิ่งเซียวจนผลเป็นแบบนี้ ทำให้เขาต้องโดนโม่อู๋เยว่ต่อยสั่งสอน
เหตุผลน่ะเหรอ เพราะเขาให้จูนจิ่วกลับไปและต้องยุ่งมากขึ้น ทำให้โม่อู๋เยว่ไม่สามารถไปหยอกล้อจูนจิ่วได้ตามใจชอบ
เหลิ่งยวนพูด ยินหัน พวกข้าเปลี่ยนเวรกันดีไหม ฮือๆ
ยินหันตอบ ไม่ดี
……
ตอนที่จูนจิ่วกลับไปถึง สายตาของคนที่อยู่สำนักเทียนโจ้งมองนางด้วยสายตาน่าทึ่ง ราวกับว่าแปลกใจที่เห็นนางกลับมาครบสมบูรณ์ดี จูนจิ่วกวาดสายตามองไปหนึ่งรอบ จูนหยูนเสวี่ยอยู่ท่ามกลางผู้คน สายตาที่ทั้งกลัวทั้งตกใจเพ่งมองมาที่นาง
จูนจิ่วยกคิ้วขึ้นสูง มุมปากยกสูงขึ้นนิดๆ
พวกหยูนเฉียวเดินตรงมาหานาง พร้อมพูดตะโกนเสียงดัง “แม่นางจูนมานี่เร็วเข้า ถึงตาเจ้านับรวบรวมแกนสัตว์แล้ว พวกข้ารวบรวมเสร็จแล้ว”
“ให้ตายเถอะ จูนจิ่วกลับมาได้ไง” ซือถูซิวขบฟันแน่น เขากำลังจะขีดฆ่าชื่อของจูนจิ่วพอดี เพื่อบันทึกว่านางได้ศูนย์คะแนน หากกลับไปแล้วเรื่องนี้แพร่ออกไป จูนจิ่วจะต้องอธิบายเรื่องนี้ไม่ถูกแน่ แต่ผลปรากฏว่าจูนจิ่วกลับแล้ว
ก่อนหน้านาง จูนหยูนเสวี่ยบันทึกแกนสัตว์เป็นคนสุดท้าย
คนที่ต่างจากซือถูซิว อย่างอาจารย์เจ้าซึ่งท่าทีที่ดีมาก ยิ้มบางๆมองมาทางจูนจิ่วแล้วพูดว่า “เอาล่ะ จูนจิ่วรีบมาเร็วเข้า บันทึกแกนสัตว์ของเจ้าเสร็จ พวกเราจะได้เดินทางกลับสำนักเทียนโจ้งกัน”
“ดี”
จูนจิ่วเดินเข้าไปหาพร้อมแกะถุงออก ตอนที่พาดอยู่บนลำตัว ดูลักษณะถุงแล้วทั้งแบนทั้งโล่ง แค่ดูก็รู้แล้วว่ามีแกนสัตว์ไม่กี่ชิ้นหรอก ลูกศิษย์โดยรอบพูดซุบซิบนินทาทันที
พวกเขาพูดว่า “ถุงของจูนจิ่วโล่งเสียขนาดนี้ จะมีแกนสัตว์สักกี่ชิ้นเชียว? ให้ข้าเดานะนางจะต้องอยู่อันดับสุดท้ายของการฝึกซ้อมในรอบนี้แน่”
“สามคนนั้นที่อยู่ทีมเดียวกับจูนจิ่วเก่งมาก หยูนเฉียวที่หนึ่ง กู่ซงที่สอง จูนเสี่ยวเหล่ยที่ห้า ข้าว่า จูนจิ่วคงจะกอดต้นขาพวกเขาไว้แน่ๆ ถึงได้ออกจากเขาปู้หวังได้อย่างปลอดภัย แม้กระทั่งเด็กที่อายุน้อยที่สุดในทีมอย่างจูนเสี่ยวเหล่ยก็ยังเทียบไม่ได้”
“ใช่ๆ ไร้ประโยชน์จริงๆ เจ้าว่าทำไมนางถึงยังอยู่ในทีมได้ล่ะ นางสวยสักขนาดนั้น คงจะไม่ใช่กับหยูนเฉียวและกู่ซงมีเรื่องแบบนั้นหรอกนะ? ” เสียงพูดนี้เพิ่งออกจากปาก นาทีต่อไปตามด้วยเสียงร้องเจ็บปวด ใบหน้ากระแทกลงกับพื้น กำลังจะชนเข้ากับก้อนหิน
ชนจนจมูกหัก เลือดอาบหน้า แม้กระทั่งในปากก็เต็มไปด้วยเลือด เพราะมันร่วงไปสิบกว่าซี่ ดูแล้วน่าเวทนามาก ทุกคน ณ ที่นั่นตกตะลึงกันถ้วนหน้า รีบหุบปากตามๆกัน น่าเวทนาจริงๆ
หยูนเฉียวมองเฉียงไปที่กู่ซง ถามด้วยสายตา ฝีมือเจ้าหรือ?
กู่ซง ไม่ใช่นะ ข้าก็นึกว่าเป็นฝีมือเจ้าหรือจูนเสี่ยวเหล่ยเสียอีก
เห็นชัดว่าคนที่ลงมือไม่ใช่พวกเขา และไม่ใช่จูนจิ่วด้วย แล้วเป็นใครล่ะ? ไม่ว่าจะเป็นใคร การสั่งสอนเมื่อครู่มันซะใจจริงๆเลย ชายปากหมาไม่จำเป็นต้องมีฟันหรอก เย็บปากด้วยก็ยิ่งดี
จูนจิ่วไม่ได้ถูกดึงดูดด้วยเรื่องที่แทรกมาเมื่อครู่ นางวางถุงลงบนโต๊ะ เสียงวางลงดังตุบ ทำให้ทุกคนตกตะลึงพร้อมกัน ถุงนั้นก็ยังดูแบนๆ แต่ว่าตอนที่วางลงบนโต๊ะทำไมดูหนักมาก
มีคนแอบพูดว่า “จูนจิ่วตั้งใจมั้ง? ถุงของนางจะมีแกนสัตว์สักกี่ชิ้นเชียว?”
นาทีต่อไป คนที่พูดหน้าแตกหมอไม่รับเย็บทันที
เห็นเพียงตอนที่อาจารย์เจ้ารับถุงไปแล้วเทออกมา เสียงเทแกนสัตว์หล่นออกเป็นกอง จำนวนนั้น แค่แปปเดียวก็กองเป็นเนินภูเขาเล็กๆ ทุกคนตกตะลึงมองตาค้างกันเลยทีเดียว น้ำไหลของคนจำนวนไม่น้อยไหลออกมา
พวกเขาจะใช้แกนสัตว์ในการฝึกซ้อมเหมือนหินทิพย์ไม่ได้ แต่ทว่าหากเอาไปขายสามารถแลกหินทิพท์ได้มากมาย
จูนจิ่วพูดเสียงเรียบ “แกนสัตว์ระดับสามสองชิ้น แกนสัตว์ระดับสองเจ็ดชิ้น แล้วก็แกนสัตว์ระดับหนึ่งจำนวนหนึ่งร้อยแปดสิบเก้าชิ้น”
เสียงสูดหายใจ
ทุกคนสูดหายใจลึก
หยูนเฉียวที่ตอนนี้อยู่อันดับหนึ่ง มีแกนสัตว์ระดับสองสามชิ้น และระดับหนึ่งเก้าสิบแปดชิ้น จูนจิ่วพุ่งระดับห่างจากเขาไปเยอะมาก ห่างกันราวฟ้ากับดิน บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว นางไปเอาแกนสัตว์มากจากไหนตั้งเยอะแยะ? ฆ่าเอง? ถ้าอย่างนั้นจะต้องมีพละกำลังที่บ้าบิ่นมากแค่ไหนเชียว จูนหยูนเสวี่ยสีหน้าซีดเซียว นางไม่นึกสงสัยจูนจิ่วเลย แม้แต่นักจิตชั้นสี่อย่างหลัวหยางนางยังฆ่าได้ นับประสาอะไรกับแกนสัตว์เหล่านี้? เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชา ล้อเล่นของจูนจิ่วมองไปที่นาง จูนหยูนเสวี่ยวตัวสั่นเทาขึ้นมาทันที