บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 149 ในสมองเต็มไปด้วยน้ำหรือ?
บทที่ 149 ในสมองเต็มไปด้วยน้ำหรือ?
เสียงตะโกนที่ดังสนั่นดุจเสียงฟ้าผ่า ดังกึกก้องอยู่ข้างหู ทุกคนรีบหยุดลงทันที คนที่พลังต่ำถูกแรงเสียงทำให้หูอื้อขาเบายืนไม่นิ่งโยกไปมา
จูนจิ่วขมวดคิ้วแน่น นางยกขาขึ้นมาเหยียบคนที่กำลังจะลุกขึ้นมาลงไปอีกครั้ง หันหน้ากลับไป เห็นเฟิ่งเซียวที่ทั้งตกใจทั้งกลัวพุ่งตรงเข้ามา ยืนอยู่ตรงหน้านางมองบนทีล่างที และมองไปรอบๆตัวนาง น้ำเสียงดูเป็นกังวล “เสี่ยวจิ่ว บอกคุณปู่มาสิ เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
จูนจิ่วขยับริมฝีปาก พูดเสียงเย็นชาว่า “เจ้าคิดว่าเศษขยะพวกนี้มีใครที่สามารถทำให้ข้าบาดเจ็บได้?”
ทำให้ศิษย์ที่หาเรื่อง โดนฉีกหน้า
“อ้อ” เฟิ่งเซียวถอนหายใจยาว พยักหน้า “งั้นแสดงว่าเสี่ยวจิ่วไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ดีมาก ทำปู่ตกใจหมดเลย ไอ่พวกสารเลวพวกนี้ถ้ากล้าทำร้ายเจ้า ปู่จะฆ่ามันเพื่อแก้แค้นให้เจ้า”
“เหอ?” จูนจิ่วยกคิ้วขึ้นแล้วหัวเราะออกมาก
คำพูดของเฟิ่งเซียว เกรงว่าจะเจ็บแสบยิ่งกว่าคำพูดฉีกหน้าของนางเสียอีกนะ? เป็นคำพูดที่สามารถทิ่มแทงจิตใจของศิษย์ที่คิดหาเรื่อง แต่ทว่าการปกป้องของเฟิ่งเซียว ทำให้จูนจิ่วรู้สึกชอบชื้นใจนิดๆ
เสียงน้ำ
เมื่อได้ยินเสียงน้ำ จูนจิ่วยกสายตาขึ้น หลัวฉีโผล่หัวออกจากน้ำอีกครั้ง เขาสำลักน้ำออกมา “ให้ตายเถอะ ใครกล้าเตะข้าลงไปอีกรอบ ข้ากับเขา……”
คำพูดที่เหลือ ทั้งหมดจุกอยู่ที่ลำคอพูดไม่ออก
หลัวฉีตกตะลึงเบิกตากว้าง มองไปที่จูนจิ่วที่กำลังบีบคอเขาอยู่ แขนที่ดูเปราะบางข้างนั้น กำลังบีบคอเข้าอย่างง่ายดาย ยกตัวเขาออกจากสระน้ำ ซึ่งการกระทำทั้งหมดนี้ แขนของจูนจิ่วไม่มีแม้แต่อาการสั่นใดๆเลย นี่มันเป็นพลังที่น่ากลัวมากแค่ไหน?
จูนจิ่วกระตุกยิ้มมุมปาก “เมื่อครู่คนที่นำทีมคือเจ้าสินะ?”
“จูน จูนจิ่วเจ้าคิดจะทำอะไร? ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ ” หลัวฉีตกใจจนตะโกนร้องออกมา เสียงออกจากลำคออย่างยากลำบาก ไร้ความน่าเกรงขามใดๆ กลับเหมือนเป็ดที่กำลังถูกบีบคอไว้ ร้องก๊าบๆ
ตอนนี้เฟิ่งเซียวเปิดปากพูด “เสี่ยวจิ่ว สำนักเทียนโจ้งเกิดเรื่องแล้ว เจ้ายังไม่ทราบเรื่องสินะ? เรื่องนี้คือ……”
“ข้ารู้”
“เอ๊ะ เจ้ารู้รื่อง?” เฟิ่งเซียวตะลึงงันไปครู่หนึ่ง
มองไปที่เขาหนึ่งที จูนจิ่วหหิ้วตัวหลัวฉีหันกลับไป กลุ่มลูกศิษย์ที่คิดหาเรื่องเพิ่งจะดึงสติกลับมา เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ก็รีบตะโกนร้องเสียงดังทันที “จูนจิ่ว รีบปล่อยตัวศิษย์น้องหลัวฉีเดี๋ยวนี้”
“จูนจิ่วกับไท่ซ่างฮ่องเป็นพวกเดียวกัน จูนจิ่วจะฆ่าศิษย์พี่หลัวฉี พวกเราจะยืนดูศิษย์พี่หลัวฉีตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ทุกคนนิ่งอยู่ทำไมกัน? รีบไปช่วยศิษย์พี่หลัวฉีสิ”
จูนจิ่วพูด “ใครกล้าเดินเข้ามาหนึ่งก้าว ข้าจะหักคอของเขา”
“อย่า ห้ามใครขยับทั้งนั้น” หลัวฉีร้องอย่างเจ็บปวด ตกใจจนฉี่ราด เมื่อจูนจิ่วเห็นรีบโยนเขาออกห่างอย่างนึกรังเกียจ หลัวฉีนึกว่าตัวเองรอดแล้ว กำลังคิดจะหนีไปกลับมีเสียงลอยทะลุผ่านอากาสมา โยวยิ่งปักเข้าที่คอเสื้อเขา พร้อมแรงอันทรงพลังดึงตัวเขาให้โน้มไปด้านหลัง
โยวยิ่งปักเข้าที่ภูเขาจำลอง ทำให้หลัวฉีถูกตรึงอยู่บนภูเขาจำลอง ตรงคอถูกโยวยิ่งเฉี่ยวจนเป็นแผลเปิดเล็กน้อย เลือดไหลออกมา หลัวฉีตกใจจนหน้าตาขาวซีด ตัวสั่นไม่หยุด ไม่กล้าขยับเขยื้อน จูนจิ่วฆ่าเขาได้จริงๆ
สถานการณ์นิ่งเงียบ ทุกคนล้วนถูกจูนจิ่วสยบจนต้องเกรงกลัว
รวมไปถึงพวกหยูนเฉียวทั้งสามคนด้วย และรวมเฟิ่งเซียวด้วย พวกเขาพูดไม่ออก พลังอำนาจของจูนจิ่วดูดุร้ายและแข็งแกร่งมาก น่ากลัวจริง
เหลิ่งยวนแอบบันทึกภาพตรงหน้า เขากะว่าจะเอาให้ยินหันดู จูนจิ่วผู้โหดเหี้ยมและดุร้าย ดูเหมาะสมกับนายท่านของพวกเขามากใช่ไหม? ดูยังไงก็เหมาะสมกันมากๆ หากเจ้าบอกว่าไม่เหมาะสม เจ้าจะต้องเป็นคนตาบอดแน่ จูนจิ่วกำลังมองบริเวณรอบๆที่ค่อยๆเงียบสงบลงอย่างพึงพอใจ นางบีดข้อมือไปมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “เรื่องของสำนักเทียนโจ้งข้ารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น? โล่ชิวเห้อยังไม่ตาย พวกเจ้าก็รีบหาผู้อำนวยการคนใหม่เลยเหรอ? โธ่ๆ ให้ข้าพูดนะเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติแหละ แต่ว่าการไปเลือกข้างเหอจง พวกเจ้าตาบอดหรือไง? หรือในสมองเต็มไปด้วยน้ำหรือ?”
ทุกคนเงียบเสียง ถูกพลังอำนาจของจูนจิ่ว กดดันจนเหงื่อแตก
ไม่มีใครกล้าเปิดปากเถียง แต่กลับรู้สึกตามไปด้วย คำพูดของจูนจิ่ว ฟังแล้วดูมีเหตุผลดีนะ
จูนจิ่วพูด “คนที่โดนข้าต่อยจนพอใจแล้วก็ไสหัวกลับไปเสีย ภายในสามวัน ข้าจะทำให้โล่ชิวเห้อมายืนอยู่ตรงหน้าลานกว้างของสำนักเทียนโจ้ง และจะเป็นคนบอกความจริงแก่พวกเจ้าเอง พวกเจ้าได้ยินหรือยัง?”
“ได้ ได้ยินแล้ว” เสียงตอบรับเบาๆจากทุกคน
“ยังไม่รีบไสหัวกลับไปอีก” จูนจิ่วพูดเสียงต่ำ ทุกคนขยับตัวพร้อมเพรียงกัน และรีบดึงสติกลับมา รีบวิ่งจากไปโดยที่ไม่หันหน้ากลับมา ถ้ายังไม่วิ่ง เกรงว่าจะไม่ได้วิ่งอีกแล้ว พวกจูนจิ่วที่ลงมือเมื่อครู่หนักมือกันจริงๆ ใบหน้าแต่ละคนฟกช้ำดำเขียว ใครมันจะไปกล้าหาเรื่องชกต่อยอีก
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เฟิ่งเซียวอยู่ด้วย คนโง่เท่านั้นที่ยอมอยู่ ในเมื่อจูนจิ่วเองก็พูดแล้วว่า ภายในสามวันผู้อำนวยการจะเป็นคนออกมาอธิบายเอง งั้นพวกเขาก็แค่รออีกสามวันแล้วค่อยว่ากัน
กลุ่มคนที่หาเรื่องถูกจูนจิ่วคนเดียวไล่เตลิดไปหมดแบบนี้แหละ แม้กระทั่งไม่มีใครที่นึกถึงหลัวฉีผู้นำของพวกเขายังถูกจูนจิ่วตรึงไว้บนภูเขาจำลอง ตกใจกลัวจนฉี่ราด ตอนนีเหมือนสลบไปแล้ว
จูนจิ่วมองตาขวางไปทางหลัวฉี ขมวดคิ้วจึ้นมันทันที
หยูนเฉียวพูด “แม่นางจูนข้าจัดการเอง”
หยูนเฉียวก้าวเท้าใหญ่เดินเข้าไปหา ใช้พละกำลังอยู่ครู่หนึ่งแล้วดึงโยวยิ่งลงมา เขาหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดสองสามทีแล้วยื่นไปให้จูนจิ่ว หยูนเฉียวยิ้มหน่อยๆ ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลา เขาพูดว่า “แม่นางจูน มีดสั้นของเจ้าเช็ดจนสะอาดแล้ว”
“อื้ม” จูนจิ่วพยักหน้าตอบรับเบาๆ นางเก็บโยวยิ่งเข้าที่ แต่ก็คิดอยู่แล้วว่าเมื่อกลับไปจะต้องใช้น้ำยาล้างและแช่ทำความสะอาดอีกหนึ่งรอง
นางไม่ถือสาที่อาวุธต้องเปื้อนเลือดฆ่าคนตาย แต่รับไม่ได้กับคนแบบหลัวฉีที่กลัวจนอั้นฉีไม่อยู่ นางรู้สึกรังเกียจ อดไม่ได้ที่อยากจะฆ่าให้ตายเสีย จากนั้นจูนจิ่วรู้สึกว่ามือของตัวเองควรล้างเสียหน่อย และต้องอาบน้ำด้วย
ไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว จูนจิ่วขมวดคิ้วและพูดว่า “กลับไปพักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จจะตามไปดูโล่ชิวเห้อ”
“ดีๆ เสี่ยวจิ่วเจ้าพักผ่อนก่อน ตาแก่โล่นั้นยังทนไหวอยู่ ไม่ต้องสนใจเขา”
“ไปเถอะ” จูนจิ่วเดินนำจากไปก่อน เสี่ยวอู่เดินตามด้านหลังไปติดๆ
ปี้หลั๋วอยู่ทำความสะอาดที่จวนโม่ในเมืองหลวงตลอด จูนจิ่วจะอาบน้ำก็ต้องตักน้ำเอง หลังจากที่ยุ่งไปทั้งวันแล้วมาแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ ไอน้ำอุ่นๆที่ลอยขึ้นมาล้อมรอบตัวเองไว้ จูนจิ่วถอนหายใจยาวทันที นัยน์ตาที่ดุร้ายนั้นค่อยๆดูอ่อนโยนขึ้น
เสี่ยวอู่เองก็มีอีกหนึ่งอ่าง ตอนที่มันแช่ลงน้ำขนบนลำตัวราวกับพรมสีขาวที่แตกกระจายลอยอยู่บนน้ำ และโยกย้ายไปตามคลื่นน้ำ
ตอนที่โม่อู๋เยว่มา ภาพที่เห็นคือ คนหนึ่งกับแมวหนึ่งตัวที่กำลังผ่อนคลายสบายๆ เขากระตุกยิ้มมุมปาก นั่งลงบนฟุกนุ่มและยิ้มอย่างมีเลศนัย แค่แวบแรกจูนจิ่วก็รู้สึกได้แล้วว่าโม่อู๋เยว่มาแล้ว
แต่นางขี้เกียจจนไม่อยากขยับตัว น้ำเสียงดูลอยๆ “เจ้ามาทำอะไร?”
“โยวยิ่งล่ะ?”
“นั่น” จูนจิ่วยื่นมือชี้ไปทางโน้น
สายตาของโม่อู๋เยว่เพ่งมองไปที่แขนของจูนจิ่วที่ไม่ได้มีแขนเสื้อปกคลุมอยู่ แขนที่ยื่นออกมาขาวเนียนดุจดอกบัว สวยงามน่ามอง จนเขาอดไม่ได้ที่อยากจะลองจับดู ซึ่งดูแล้วอ่อนโยน ราวกับงานศิลปะชิ้นเอก ทำอย่างไรถึงมีพลังอำนาจที่น่าทึ่งได้? จูนจิ่วสังเกตเห็น นางหรี่ตาลง ขดตัวอยู่ริมขอบอ่างอาบน้ำเพ่งมองมาทางโม่อู๋เยว่ “โม่อู๋เยว่ เจ้ามาดูโยวยิ่งหรือมาดูข้า?”