บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 155 เหอจงใช้วิธีการโหดเหี้ยม
บทที่ 155 เหอจงใช้วิธีการโหดเหี้ยม
หยูนจ้งจิ่นที่ได้รับสารจากจูนจิ่วรีบตามมา เรื่องที่จะทำลายล้างตระกูลจูน หยูนจ้งจิ่นและจูนจิ่วปรึกษาหารือกันอยู่สักพัก จะทำลายล้างตระกูลจูนให้ดับสูญเป็นเรื่องง่าย แต่การจะครอบงำอำนาจของตระกูลจูนทั้งหมด และให้ตระกูลหยูนเป็นใหญ่เพียงตระกูลเดียว มันไม่ได้ง่ายเลย
หยูนจ้งจิ่นหัวเราะและพูดว่า “ถ้าเป็นแต่ก่อน มันเป็นสิ่งที่ตระกูลหยูนไม่กล้าแม้แต่จะคิด แต่บัดนี้ล้วนเป็นเพราะยาของแม่นางจูนจิ่ว ถึงสามารถทำให้ตระกูลหยูนเดินมาถึงจุดนี้ได้ หยูนจ้งจิ่นขอกล่าวขอบคุณแม่นางจูนจิ่วในนามตัวแทนตระกูลหยูนมา ณ ที่นี่ด้วย”
“ไม่ต้อง พวกข้าก็แค่มีผลประโยชน์ร่วมกัน”
“มันไม่เหมือนกัน” หยูนจ้งจิ่นส่ายหัว เขามองไปที่จูนจิ่วด้วยสายตาที่อ่อนโยนและนุ่มนวล รอยโค้งตรงมุมปากฉายความอ่อนโยน หยูนจ้งจิ่นพูดว่า “ถ้าหากคนอื่นพูดว่าใช้เพียงแค่ยา ก็สามารถควบคุมอำนาจและคนนับไม่ถ้วนให้อยู่ในกำมือได้ ข้าไม่เชื่อหรอกนะ คงหัวเราะใส่เขาว่าเป็นคนหลงใหลและคิดเพ้อฝันไปเอง”
“แต่แม่นางจูนจิ่วเจ้าทำได้แล้ว เพียงแค่แม่นางจูนจิ่วใช้สิทธิทักษะการแพทย์ของตัวเอง ล้วนสามารถเลือกบุคคลคนอื่นมาทำเรื่องนี้ได้ ตระกูลหยูนได้รับความเชื่อใจจากเจ้า นับเป็นวาสนาของตระกูลหยูน”
จูนจิ่วยกคิ้วขึ้นสูง นางหันหน้ามองไปทางหยูนจ้งจิ่น
รูปงามดั่งสายลม อ่อนโยนสุภาพ หยูนจ้งจิ่นเป็นคนที่ทำให้คนไม่ชอบในตัวเขาได้ยากมาก ไม่ใช่เพราะเขาดูโดดเด่นเกินไป แต่มันคือความรู้สึกที่เหมือนสายลมค่อยๆพัดโชยมา ให้ความรู้สึกที่สบายผ่อนคลาย น้ำเสียงของเขายิ่งเป็นเสียงที่นุ่มนวลมาก
ในใจของจูนจิ่ว หยูนจ้งจิ่นเป็นทั้งเพื่อนคนหนึ่งและเป็นทั้งเพื่อนร่วมงานด้วย
จูนจิ่วพูด “หลังจากนี้ตระกูลหยูนของเจ้าจะกลายเป็นตระกูลหมายเลขหนึ่งของแคว้นเทียนโจ้ง ถึงตอนนั้นคงมีเรื่องให้เจ้าต้องยุ่ง ส่วนยาของข้ายังคงขายในงานประมูลตระกูลหยูนของเจ้า แต่เจ้าควรพยายามขยายตระกูลหยูนให้ได้มากที่สุด มิฉะนั้นเมื่อกำลังอำนาจออกไปจากสิบแคว้นแล้วจะไม่ถือว่าปลอดภัยอีกต่อไป”
ยาของนาง เป็นอัญมณี เป็นยาวิเศษ
ต่อให้เป็นคุณภาพทางทักษะทางการแพทย์ของโลกนี้ แค่ยาของนางก็สามารถกำจัดพวกมันได้หลายสิบแห่ง ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่หยูนเฉียวสามารถควบคุมกองกำลังทั้งหมดด้วยเม็ดยาได้อย่างง่ายดาย และยังเป็นสาเหตุที่สามารถกลืนกินอำนาจสองในสามของตระกูลจูนโดยที่ไม่รู้ตัว
ยาสามารถทำให้ตระกูลหยูนขยายกิจการใหญ่มากขึ้น แต่ก็สามารถนำปัญหามาด้วยเช่นกัน สิ่งที่หยูนจ้งจิ่นทำได้ ก็คือการรีบยกระดับตระกูลหยูนให้สูงขึ้น จูนจิ่วช่วยเหลือเขาแล้ว หลังจากนี้หยูนจ้งจิ่งสามารถเดินไปไกลถึงไหน ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองแล้วล่ะ
หยูนจ้งจิ่นพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”
จูนจิ่วพูด “พรุ่งนี้หลังจากเสร็จสิ้นงานใหญ่ที่สำนักเทียนโจ้ง เจ้าจับตาดูคนตระกูลจูนไว้ให้ดี ข้าไม่อยากให้พวกมันหนีไปได้ ”
“ได้”
หยูนจ้งจิ่นพูดคุยกับจูนจิ่วอีกครู่หนึ่ง ทุกอย่างล้วนเตรียมการเสร็จหมดแล้ว ขาดแค่เรื่องสำคัญสุดท้าย
เพียงไม่นาน ความขับข้องใจของเฟิ่งเซียวในที่สุดก็ได้รับคำตอบ
คืนวันที่สอง เป็นคืนวันสุดท้ายก่อนถึงวันที่โล่ชิวเห้อจะเป่าประกาศความจริง เหอจงกับจูนหยูนเสวี่ยไม่ว่ายังไงก็อดทนรอไม่ไหวแล้ว พวกเขาบุกเขามาที่ลานที่พักของโล่ชิวเห้อในยามวิกาล เมื่อเห็นมีเพียงลูกศิษย์ไม่กี่คนที่เฝ้ายามอยู่ จึงรีบลงมือทุบพวกเขาจนสลบ
จนไม่สนใจเก็บกวาดซ่อนคนให้เรียบร้อย เหอจงกับจูนหยูนเสวี่ยผลักประตูพุ่งเข้าไปอย่างตื่นเต้นดีใจ บนตึกสูงที่อยู่ตรงข้ามลาน หรูมั่นกำหมัดแน่น นางเชื่อใจจูนจิ่วแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ หรูมั่นกัดริมฝีปากแน่น “ท่านหมอเทวดา ปู่ของข้าไม่เป็นไรจริงๆใช่ไหม?”
“พิษของคุณปู่ถูกขับออกมาหมดแล้ว อยู่ต่อหน้านักจิตชั้นเจ็ด พวกเหอจงหนีไม่พ้นหรอก” จูนจิ่วพูดเสียงเรียบนิ่ง
เวลานี้หยูนเฉียวเดินขึ้นมาข้างบน แล้วพูดว่า “แม่นางจูน เหล่าอาจารย์สำนักเทียนโจ้งย้ายไปตรงนั้นแล้ว”
ละครฉากเด็ดแบบนี้จะขาดท่านผู้ชมได้อย่างไหร่?
แต่ทว่าจูนจิ่วใช้วิธีฝังเข็มเหล่าอาจารย์ทั้งสำนัก ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ล้วนทำการฝังเข็มสกัดจุด เพื่อให้พวกเขาหุบปากเป็นเหมือนรูปปั้นแกะสลัก จากนั้นใช้กำลังคนขนย้ายพวกเขาไปที่ด้านหลังบ้านของโล่ชิวเห้อ ซึ่งถูกกั้นไว้ เพียงหน้าต่างหนึ่งบาน และไม่มีผลต่อการดักฟังของพวกเขา
ปลายนิ้วมือเคาะที่โต๊ะเบาๆเป็นจังหวะ จูนจิ่วกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความเย่อหยิ่งเยือกเย็น “ตอนนี้รอเพียงละครเด็ดเริ่มแสดง”
ตัดภาพมาที่ภายในห้องนอน
เหอจงพุ่งเข้าไปอย่างอดใจรอไม่ไหว เมื่อเงยหน้าขึ้นมากลับเห็นเฟิ่งเซียวและโล่ชิวเห้อล้วนนั่งอยู่ในถังไม้ เอียงคอแล้วหลับตาไว้ เห็นได้ชัดว่าสลบไปและยังไม่ตื่น
จูนหยูนเสวี่ยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ทำไมไท่ซ่างฮ่องมาอยู่ที่นี่?”
“จะไปสนใจทำไมว่าเขามาทำอะไรที่นี่? เขาก็แช่ยาสมุมไพร จะต้องมีปัญหาแน่ๆ ตอนนี้พอดีเลยฆ่าพวกเขาสองคนทีเดียวรวดกำจัดมันให้สิ้นซากจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลในภายหลังอีก ”
“จะช้าอยู่ทำไม รีบลงมือสิ พวกจูนจิ่วจะต้องอยู่บริเวณนี้แน่ๆ ก่อนที่พวกเขาจะกลับมา รีบฆ่าสองคนนี้และพวกข้าก็รีบไปจากที่นี่ จะให้พวกมันจับได้คาหนังคาเขาไม่ได้” จูนหยูนเสวี่ยรีบเร่งให้เหอจงลงมือ เพราะเวลายิ่งยาวนานอุปสรรคก็ยิ่งมีมาก
พวกเขากลับไม่รู้ว่า หน้าต่างหลังบ้านที่กั้นระหว่างกันอยู่ มีเหล่าอาจารย์กลุ่มหนึ่งที่ตาจะทะลักออกมาอยู่แล้ว
พวกเขาขยับไม่ได้และพูดไม่ได้ มีเพียงตาที่หมุนได้และหูที่ได้ยิน ฝ่ายคนดี คิดไม่ถึงว่าเหอจงจะกล้าทำถึงเพียงนี้ ฝ่ายคนเลว ก็มองตาค้างพูดไม่ออก คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเหอจงจะกล้าถึงขนาดนี้ จนถึงขั้นจะฆ่าโล่ชิวเห้อกับเฟิ่งเซียว
เสียงดึงมีดออกจากปลอกมีด
ได้ยินเสียงดึงมีดสั้นออกจากมาจากปลอกมีด เหอจงเดินไปทางโล่ชิวเห้อ สายตาของเขาโหดเหี้ยมบ้าคลั่ง ใบหน้าบึ้งตึง เหอจงเอ่ยปากพูด “โล่ชิวเห้อ เจ้าจะโทษข้าไม่ได้ ใครใช้ให้เจ้าไม่ยอมมอบอำนาจเด็ดขาดของสำนักเทียนโจ้งให้กับข้า? ใครใช้ให้เจ้าฉีกหน้าข้าครั้งแล้วครั้งเล่า”
“แค่สิทธิพิเศษการคัดเลือกศิษย์ดีเด่น เจ้าก็ไม่ยอมให้ข้า เจ้าเป็นคนบีบบังคับให้ข้าฆ่าเจ้าเอง หื้ม แล้วยังมีเฟิ่งเซียวด้วย เขาก็สมควรตายเช่นกัน พวกเจ้าล้วนสมควรตาย รอข้าฆ่าเจ้าก่อนค่อยฆ่าเฟิ่งเซียว”
ขณะที่พูด เหอจงเล็งมีดสั้นจะแทงเข้าไปที่กลางหัวใจของโล่ชิวเห้อ เห็นอยู่ตำตาว่ากำลังจะแทงเข้าที่กลางอกของโล่ชิวเห้ออยู่แล้วและครั้งนี้เขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ตอนที่เขาใกล้จะสำเร็จบนใบหน้าแสดงรอยยิ้มน่าเกลียดอย่างทะนงตน ทันใดนั้นข้างหลังกลับมีเสียงกรีดร้องของจูนหยูนเสวี่ยดังขึ้นกะทันหัน วินาทีต่อมาเหอจงกลับรู้สึกว่าข้อมือของตัวเอใกล้จะหัก เขาเจ็บจนใบหน้าบิดเบี้ยว เงยหน้าขึ้นมาดูด้วยความตกใจ จนปะทะเข้ากับสายตาอาฆาตเฉียบคมของเฟิ่งเซียวอย่างจัง
เสียงกระดูกหัก
เฟิ่งเซียวใช้ฝ่ามือบีบข้อมือของเหอจงจนแตกหัก และเตะเหอจงกระเด็นปลิวออกไปโดนใส่สิ่งกีดขวางพวกโต๊ะ เก้าอี้ฉากกั้นต่างๆจนล่มพังพินาศ เฟิ่งเซียวยิ้มหยัน “ไอ้แก่ ข้าตั้งใจรอเจ้าอยู่ที่นี่เป็นการเฉพาะเลยนะ”
“เหอจง” โล่ชิวเห้อลืมตาขึ้นมาเช่นกัน สายตาที่เคยเต็มไปด้วยความเมตตาปรานี บัดนี้เหลือเพียงความโกรธแค้น
ถึงแม้พิษบนร่างกายเขายังขับออกไปไม่หมด แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้ เมื่อได้ยินบทสนทนาของจูนหยูนเสวี่ยกับเหอจงทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ที่เหอจงวางยา จนถึงการลงมือฆ่าเขาด้วยตัวเอง โล่ชิวเห้อผิดหวังในตัวเหอจงอย่างมากที่สุด
เหอจง “เจ้า พวกเจ้ารู้สึกตัวอยู่ ไม่ได้การละ นี่มันคือกับดัก”
เมื่อเหอจงพูดจบก็หันตัวกลับจะหนีออกไป เฟิ่งเซียวก้าวเท้าพุ่งตัวเข้าไปหา จับไหล่เหอจงทุ่มลงไปที่พื้นและเหยียบกระดูกต้นขาของเขาหัก “อยากหนี? เหอจงเจ้าจะหนีไปไหน?”
เมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเหอจง จูนหยูนเสวี่ยหวาดกลัวจนสั่นเทา แล้วเห็นเฟิ่งเซียวสะบัดแขนเสื้อ จนบานหน้าต่างเปิดออกเผยให้เห็นโชมหน้าที่ตกตะลึงของทุกคน จูนหยูนเสวี่ยทรุดลงไปที่พื้น จบกัน ทุกอย่างมันจบแล้ว
จูนหยูนเสวี่ยเหมือนคิดอะไรได้ นางร้องตะโกนเสียงดัง “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าถูกรองหัวหน้าข่มขู่และบีบบังคับให้ทำ”