บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 168 การคัดเลือกศิษย์ดีเด่นเริ่มขึ้นแล้ว
บทที่ 168 การคัดเลือกศิษย์ดีเด่นเริ่มขึ้นแล้ว
“มาแล้ว” ผู้คนโห่ร้องตะโกนเสียงดัง
ทุกคนหันหน้าไปที่ปากทางเข้าของสนามฝึกซ้อมวิทยายุทธ นำโดยจูนจิ่ว กู่ซง หยูนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยที่ขนาบซ้ายขวา ศิษย์เจ็ดคนที่เหลือยืนล้อมรอบจูนจิ่วเช่นกัน เหมือนดั่งหมู่ดาวที่โอบล้อมดวงจันทร์ไว้ เพียงแค่มองไป สายตาตกอยู่ที่ร่างกายของจูนจิ่วจนยากที่จะละสายตาทิ้งได้
ทั้งๆที่สวมใส่ชุดลูกศิษย์สีอ่อนของสำนักเทียนโจ้งเหมือนๆกัน ทว่าพออยู่บนร่างกายของจูนจิ่ว กลับดูโดดเด่น ส่องประกายตา คิ้ว ตา จมูกและริมฝีปากแดงของนาง งามจนไม่มีที่ใดน่าติเตียน งามจนมิอาจเทียบเทียม
“นางคือจูนจิ่ว?” อู๋ซานพูดเสียงเบาอย่างรู้สึกสนอกสนใจ ทำให้จูนหยูนเสวี่ยตื่นตัวขึ้นมา
นางจ้องไปที่จูนจิ่วตกตะลึงตาค้างเช่นกัน เมื่อดึงสติกลับมา ใบหน้าบึ้งตึงทันที โชคดีที่นางเอาผ้าปิดหน้าตาไว้เพื่อปิดบังสถานะของนางไม่ให้ถูกเปิดเผย เพราะจูนหยูนเสวี่ยนางรู้ตัวดี นางกังวลว่าหากลูกศิษย์ของสำนักเทียนโจ้งเห็นนางแล้วจะโกรธยกกลุ่มและเปิดโปงนาง หากศิษย์อู๋อจงเห็นเข้าจะกระทบอนาคตของนางได้
ตอนนี้จูนจิ่วหันหน้าไปทางเหอซ่าน ซึ่งเหอซ่านนั่งอยู่บนที่นั่งแขกอาคันตุกะเช่นกัน จูนหยูนเสวี่ยพูดเสียงต่ำ “ท่านเหอ คนนี้แหละนังจูนจิ่วผู้ต่ำทราม”
“จูนจิ่ว” เหอซ่านพูดพึมพำไปประโยคหนึ่ง สายตาเพ็งเล็งไปที่จูนจิ่วโดยไม่ละสายตา ดวงตาจูนหยูนเสวี่ยพึงพอใจมาก ท่านเหอจะต้องจำหน้าจูนจิ่วไว้แล้วแน่ๆ กลับไปจะต้องลงมือฆ่านางแน่
ทว่าจูนหยูนเสวี่ยกลับไม่รู้ว่า เหอซ่านกำลังตกตะลึงต่างหากเล่า
เหมือนมากจริงๆ
แวบแรกที่เห็นจูนหยูนเสวี่ย เขายังรู้สึกสงสัยไม่เชื่อ แต่ว่าเมื่อเห็นจูนจิ่ว เหอซ่านไม่คิดเลยแม้แต่น้อย ในหัวมีเพียงความคิดที่ว่า นางเหมือนฮูหยินมาก หากมองดูอย่างละเอียด คิ้วและตาเหมือนท่านแม่ทัพ ส่วนอื่นๆล้วนเหมือนฮูหยินมาก เหอซ่านเกือบคุมตัวไม่อยู่พุ่งตัวออกไป
เขาเงยหน้ามองเห็นจูนหยูนเสวี่ย ความกระตือรือร้นในนัยน์ตาเย็นลงทันที เหอซ่านลูบที่คาง คิดทบทวนดู นี่มันมีความไม่ชอบมาพากล
ข้างหูก็ได้ยินซูเหินกับชิวหยุนหยุนร้องเสียงตกใจ “คือนาง”
“พวกเจ้าสองคนรู้จักหรือ?” อู๋ซานเอียงคอมองมาที่ทั้งสองคน
ซูเหินและชิวหยุนหยุนพยักหน้าพร้อมกัน ชิวหยุนหยุนพูด “ศิษย์พี่อู๋ซาน ข้าเคยพูดกับพี่แล้วไม่ใช่หรือ? พวกข้ามาเพื่อแก้แค้นให้กับหลัวหยางพวกเขา ระหว่างทางบังเอิญเจอเข้ากับจู๋หมู่ตระกูลจูน แล้วก็นางด้วย คิดไม่ถึงว่านางจะมาปรากฏตัวที่นี่”
“พวกเจ้าได้เจอกับจู๋หมู่ตระกูลจูนรึ” จูนหยูนเสวี่ยควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ หันหน้ากลับไปถลึงตาใส่ชิวหยุนหยุนและซูเหิน
เมื่อเห็นว่านางมาพร้อมกับเหอซ่าน ชิวหยุนหยุนจึงมองบนใส่ เก็บความดูหมิ่นและเย่อหยิ่งไว้ โบกสะบัดมือไปที พูดลอยๆว่า “ก็ใช่สิ ศิษย์พี่ฆ่านางด้วยดาบ น่าเสียดายคนที่ถูกฆ่าไม่ใช่จูนหยูนเสวี่ย อ้อ ไม่ได้ว่าเจ้านะ”
“คนที่เราจะฆ่าชื่อจูนหยูนเสวี่ยเหมือนกัน เป็นคนของตระกูลจูนแคว้นเทียนโจ้ง” ซูเหินพูดอธิบายเพิ่มอีกประโยคหนึ่ง
จูนหยูนเสวี่ยเย็นเฉียบไปทั้งตัว นางตัวสั่นเทาและกำหมัดแน่น เกือบจะทนไม่ไหวสั่งให้เหอซ่านฆ่ามันสองคนนี้ทิ้งเสีย พวกเขาฆ่าท่านแม่ คือพวกเขานั่นเอง พวกมันสมควรตายเหมือนกับจูนจิ่ว
“จูนหยูนเสวี่ยเจ้าควรลงไปแล้ว” ต่อหน้าคนอื่น เหอซ่านจะไม่ขานเรียกแม่นายจูนหยูนเสวี่ย
พอได้ยินคำพูดของเหอซ่าน จูนหยูนเสวี่ยเพิ่งจะมีไออุ่นเล็กน้อย นางเก็บสายตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อกผายไหล่ผึ่งเดินลงจากที่นั่งแขก จูนหยูนเสวี่ยยังคงรักษาท่าทีทะนงตนไว้ กระโปรงสีขาวที่สะบัดออกมาดุจดั่งดอกบัวขาว
สำนักเทียนโจ้งขับไล่นางออกไปแล้วจะทำไม? ตอนนี้นางกลับมาแล้ว
จูนหยูนเสวี่ยกลับไม่รู้ว่า ลูกศิษย์รอบๆตัวเพ็งมองมาที่นาง และพูดนินทาขึ้นมา “ทำไมคนนี้เหมือนจูนหยูนเสวี่ยไอ้คนทรยศนั่นมากเลย?”
“จริงด้วย ยิ่งดูยิ่งเหมือน จูนหยูนเสวี่ยยิ่งชอบเสแสร้งอยู่ด้วย แสร้งเป็นดอกบัวขาว ตอนนี้พอนึกย้อนไป นางทำให้ดอกไม้อย่างดอกบัวต้องเป็นมลทิน”
“ไม่รู้ว่านางเป็นใคร? เอ๊ะ ทำไมนางเดินขึ้นไปบนเวทีประลองล่ะ”
“เงียบสงบ”
โล่ชิวเห้อยืนอยู่บนเวทีประลอง พูดประกาศออกไปด้วยพลังทิพย์ “การคัดเลือกศิษย์ดีเด่นกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว บัดนี้ขอเรียนเชิญลูกศิษย์ที่ผ่านเข้ารอบทั้งสิบสองคนเข้าสู่สนามได้”
“สิบเอ็ดคนไม่ใช่หรือ? ทำไมกลายเป็นสิบสองคนไปได้ล่ะ?” ศิษย์ทุกคนตกตะลึงสงสัย สายตาเพ็งเล็งไปที่บนตัวของจูนหยูนเสวี่ยที่เพิ่มเข้ามา จูนหยูนเสวี่ยที่ถือว่าตัวเองมีผ้าปิดหน้าบังอยู่และไม่มีใครเห็น สีหน้านางไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย
ณ บนเวทีประลอง
จูนเสี่ยวเหล่ยกระตุกแขนเสื้อของจูนจิ่วเบาๆ พูดเสียงเบาว่า “พี่สาวเก้า คนคนนี้เหมือนจูนหยูนเสวี่ยที่น่ารำคาญเลย”
“นางคือจูนหยูนเสวี่ย”
จูนเสี่ยวเหล่ยพูด “หา?”
หยูนเฉียว “อะไรนะ?”
“รอก่อน” กู่ซงเบิกตากว้าง เขาหันหน้ากลับไปเพ็งเล็งจูนหยูนเสวี่ย ทำเหมือนจะมองทะลุผ่านนางให้ได้ เป็นจริงตามนั้นยิ่งดูยิ่งเหมือน บวกกับการยืนยันจากจูนจิ่ว คือจูนหยูนเสวี่ยนั่นแหละ
ใบหน้าเย็นชาของกู่ซง กำหมัดเสียงดังกรอกๆ “นังสารเลวคนนี้ ไร้ยางอายสิ้นดี นางกลับมาได้อย่างไร?”
ผู้คนที่อยู่ล่างเวทีไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด ทว่าคนที่อยู่บนเวทีได้ยินอย่างชัดแจ๋ว ไม่มีใครคัดค้านกู่ซง ทั้งยังเห็นด้วยกับเขาเสียด้วยซ้ำ จูนหยูนเสวี่ยก็ได้ยินเช่นกัน มองผ่านผ้าปิดหน้ายังสามารถมองเห็นใบหน้าบึ้งตึงจนน่ากลัวของนางได้
“ไม่ต้องสนใจนาง รีบตามขึ้นมา ต่อสู้อย่างเดียวก็พอ” จูนจิ่วกระตุกยิ้มมุมปาก น้ำเสียงเยือกเย็นจนทำให้จูนหยูนเสวี่ยสั่นเทา
ในเวลานี้โล่ชิวเห้อไอกระแอมแห้งทีหนึ่ง ขัดจังหวะคำพูดที่พวกกู่ซงเตรียมจะพูดประชดประชันจูนหยูนเสวี่ยอีก โล่ชิวเห้อพูดเสียงดังก้อง “การคัดเลือกศิษย์ดีเด่นในครั้งนี้ มีทูตจากอู๋อจงเป็นผู้ตัดสินเอง ผู้ที่เข้ารอบสามคนสุดท้าย จะได้รับสิทธิพิเศษเข้าอู๋อจงได้”
เสียงเชียร์ดังมาจากฝูงชนด้านล่าง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ผู้ที่เข้าสู่อู๋อจง แต่นี่ก็นับเป็นความภาคภูมิใจและความรุ่งโรจน์สำนักเทียนโจ้ง
“การแข่งขันใช้วิธีการต่อสู้แบบคู่ ทั้งสิบสองคนขึ้นมาจับฉลาก คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าจะถูกกำหนดโดยตัวเลขการจับฉลาก การแข่งขันแบ่งเป็นสองรอบ รอบที่หนึ่งเข้ารอบหกคน รอบที่สองเข้ารอบสามคนพร้อมได้รับสิทธิพิเศษศิษย์ดีเด่น ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะทำสุดความสามารถ และได้รับผลคะแนนที่ทำให้ตัวเองพึงพอใจได้”
“รับทราบ” ทุกคนพูดพร้อมเพรียงกัน
จูนจิ่วเดินไปก่อน จับฉลากเป็นคนแรก นางหยิบฉลากไม้ไผ่ของตนขึ้นมาดู หมายเลขเก้า นางชอบตัวเลขนี้ เป็นชื่อของนางและเป็นเลขนำโชคของนางด้วย จากนั้นตามด้วยกู่ซงพวกเขาขึ้นไปจับฉลาก เหมือนกับว่าเป็นการจงใจ ทุกคนพร้อมใจกันเบียดจูนหยูนเสวี่ยออกไป ให้นางจับฉลากเป็นคนสุดท้าย
จูนหยูนเสวี่ยหน้าเสีย ทว่าก็ทำได้เพียงอดทนไว้ นางกัดฟันแน่น จ้องไปที่ทุกคนด้วยสายตาอาฆาต จูนหยูนเสวี่ยสาบานในใจ อีกสักครู่พวกเจ้าจะได้เห็นดีกัน นางไม่สนกฎระเบียบบ้าบออะไรของสำนักเทียนโจ้งที่ว่าห้ามฆ่าศิษย์สำนักเดียวกัน ตอนนี้นางไม่ใช่ศิษย์สำนักเทียนโจ้งแล้ว ขอเพียงแค่นางมีโอกาส พวกเขาได้ตายแน่
เมื่อจับฉลากครบหมดแล้ว โล่ชิวเห้อให้หรูมั่นขึ้นมาจับฉลาก
ฉลากไม้ไผ่อันแรกถูกจับออกมา เสียงอันสดใสของหรูมั่นประกาศดังไปทั่วสนามฝึกซ้อมวิทยายุทธ “สิบเอ็ด”
“ข้าเอง” ศิษย์ของสำนักเทียนโจ้งคนหนึ่งเดินออกมา เขาทั้งตื่นเต้นและดีใจ สายตาเพ็งเล็งไปที่ฉลากอันที่สองที่หรูมั่นจับออกมา
“สาม”
“ข้าเอง” หยูนเฉียวเดินออกมา ในมือเขาถือฉลากไม้ไผ่ไว้แล้วส่งมอบให้กับหรูมั่นตรวจสอบความถูกต้อง การต่อสู้รอบที่หนึ่งเริ่มขึ้น บนเวทีเหลือเพียงหยูนเฉียวกับศิษย์คนนั้น จูนจิ่วพวกเขาเดินไปรอตรงข้างล่างเวทีและรอชมการต่อสู้
ทว่าตอนที่เดินผ่านข้างกายจูนหยูนเสวี่ย นัยน์ตานางสะท้อนประกายแวววาว
นางยื่นขาออกไปขวางอย่างรวดเร็ว.