บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 171 ใครกันที่ให้ความมั่นใจกับนาง
บทที่ 171 ใครกันที่ให้ความมั่นใจกับนาง
การประลองคู่ของจูนหยูนเสวี่ย จูนจิ่วตั้งใจดูเสียหน่อย ทว่าจูนจิ่วกลับไม่เห็นว่าจูนหยูนเสวี่ยจะมีพัฒนาการอันใด ยังคงเหมือนกับแต่ก่อน ไม่รู้ว่าใครกันที่ให้ความมั่นใจกับนาง ยังกล้ากลับมาอีก?
จูนจิ่วลูบคาง หรือบางทีคนที่อยู่เบื้องหลังจูนหยูนเสวี่ยอาจจะเก่งกาจมาก? ฉะนั้นนางถึงได้มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมขนาดนี้
ขณะที่กำลังคิด จูนหยูนเสวี่ยชนะการแข่งขันอย่างรวดเร็ว สิ่งแรกที่นางทำคือเดินตรงมาหาจูนจิ่ว ท่าทีเย่อหยิ่งจองหอง ราวกับว่าชนะการแข่งขันรอบนี้แล้วจะทำให้ความภาคภูมิใจของนางกลับคืนมาอีกครั้ง จนลืมเรื่องที่น่าอับอายเมื่อครู่ไปจนหมด
จูนหยูนเสวี่ยเดินมายืนอยู่ตรงหน้าจูนจิ่วและถลึงตาใส่นาง “จูนจิ่ว ทางที่ดีเจ้าควรภาวนาการแข่งขันรอบต่อไปอย่าให้ข้าต้องเจอเจ้า มิเช่นนั้น ฮื้ม เจ้าจะต้องแพ้อย่างราบคาบแน่”
“จริงเหรอ? ข้าน่ะอยากจะเจอเจ้านะ ยังจำภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ได้ไหม? ครั้งต่อไปข้าจะถีบที่ก้นเจ้าตกลงไปข้างล่างเลยล่ะ เจ้าจะรู้สึกอย่างไร?” จูนจิ่วยิ้มเย็นเฉียบมองนางด้วยความเย้าหยอก
จูนหยูนเสวี่ยโกรธจัดจนทนไม่ไหว ชี้นิ้วไปที่จูนจิ่ว กำลังจะพูดจาข่มขู่ต่อ
ใครจะไปคิดว่าจูนจิ่วจะลงมือกะทันหัน กร๊อบแกร๊บ จูนหยูนเสวี่ยรู้เพียงว่าเจ็บจี๊ดที่นิ้วมือ นางถลึงตาโตเห็นนิ้วมือของตัวเองที่ชี้ไปหาจูนจิ่วเมื่อสักครู่ถูกบีดจนหัก น้ำเสียงเย็นเยือกของจูนจิ่วลอยผ่านมา “ข้าไม่ชอบให้ใครมาชี้หน้าข้า หากมีครั้งต่อไป ข้าจะหักคอเจ้าทิ้งซะ ”
“โอ๊ย” เสียงเจ็บปวดโหยหวนส่งผ่านมา เจ็บจนใจจะขาด
ความเจ็บปวดที่เท้ายังไม่หายดี ตอนนี้นิ้วยังมาโดนจูนจิ่วบิดจนหักอีก จูนหยูนเสวี่ยเจ็บจนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ว่ามีคนอยู่เยอะ จูนหยูนเสวี่ยอดใจแทบไม่ไหวอยากจะกระโจนเข้าใส่จูนจิ่วเสียให้เข็ด
นางมองจูนจิ่วด้วยสายตาอาฆาต สีหน้าบูดบึ้ง “จูนจิ่ว ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ ข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้ตายดี แล้วก็คนข้างกายเจ้าด้วย ข้าจะไม่ปล่อยไว้สักคน ”
ขณะที่พูดจูนหยูนเสวี่ยเพ็งมองที่จูนเสี่ยวเหล่ย นางพูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย “ไอ้คนทรยศ ยังมีเจ้าด้วยอีกคน เจ้าทรยศต่อตระกูลจูน ข้าจะแทงเจ้าทั้งเป็นเลย”
“ถุยๆๆ ยังกล้าจะพูดโอ้อวดน่าไม่อาย” จูนเสี่ยวเหล่ยไม่กลัวจูนหยูนเสวี่ยหรอก แค่นางเปิดปากพูด ทำให้จูนหยูนเสวี่ยโกรธจนตัวสั่นเทา
ยังจะมาปากดีอีก ทว่ารอบต่อไปถึงตาจูนเสี่ยวเหล่ยขึ้นเวทีแล้ว ความโกรธของนางไม่มีที่ระบาย ทำได้เพียงกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น พูดสาปแช่งว่า “ข้าขอสาปให้เจ้าแพ้การแข่งขันมิฉะนั้นรอข้าเจอตัวเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสีย”
“หน้าไม่อาย ไสหัวไปไกลๆหน่อย คำพูดโอ้อวดของเจ้ามันน่าขำยิ่งนัก ข้าเหนื่อยจนไม่อยากจะหัวเราะอีกแล้ว” กู่ซงที่พิงอยู่บนหัวไหล่ของหยูนเฉียว เห็นได้ชัดว่าใบหน้ามีสีหน้าที่กำลังกลั้นหัวเราะจนลำบากใจมาก
จูนหยูนเสวี่ยหน้าไม่อายจริงๆ ใครกันที่ให้ความมั่นใจกับนาง ถึงกล้ามาพูดจาวิพากษ์วิจารณ์ตรงนี้?
กู่ซงรีบเก็บรอยยิ้ม ลุกขึ้นยืนจ้องไปที่จูนหยูนเสวี่ยวด้วยความเย็นเยือก “ไสหัวไป มิเช่นนั้นจูนจิ่วไม่สั่งสอนเจ้า ข้าคงทนไม่ไหวที่จะตบหน้าเจ้าจนพังเละเทะแน่ ดูซิว่าหน้าของเจ้ามันหนาแค่ไหนกันแน่?”
“เจ้า พวกเจ้าจำไว้ให้ดี ข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่ ” จูนหยูนเสวี่ยโกรธจนตัวสั่น พูดด้วยความโกรธแค้น
ไม่มีใครสนใจนาง และไม่ได้เอาคำพูดของนางไว้ในสายตา ข่มขู่เหรอ? ฟังจนเบื่อแล้ว
จูนเสี่ยวเหล่ยเป็นรอบสุดท้าย หลังจากที่นางชนะการแข่งขัน จะเข้าสู่ช่วงที่สอง รอบตัดสินสิทธิ์ลูกศิษย์ดีเด่นครั้งสุดท้าย โดยมีทั้งหมดหกคน จูนจิ่ว กู่ซง หยูนเฉียว จูนเสี่ยวเหล่ย จูนหยูนเสวี่ย แล้วก็มีศิษย์สำนักเทียนโจ้งอีกคนที่ชื่อว่าโหลไป๋เฉิง คนที่ชนะสามคนสุดท้ายจะได้รับสิทธิ์ลูกศิษย์ดีเด่น
ทว่าตอนที่โล่ชิวเห้อเรียกพวกเขาขึ้นไป ขณะที่กำลังจะประกาศการแข่งขันต่อ จูนหยูนเสวี่ยคิดแผนชั่วขัดจังหวะขึ้นมา
“รอก่อน” จูนหยูนเสวี่ยตัดคำพูดของโล่ชิวเห้อ นางลุกขึ้นยืน เผยให้เห็นนิ้วมือที่หักของตัวเอง “มือข้าได้รับบาดเจ็บเพราะถูกจูนจิ่วลอบทำร้ายที่ข้างล่างเวที เรื่องนี้ข้าขออโหสิกรรมให้ไม่คิดถือสานาง แต่ข้าขอหยุดการแข่งขันลงหนึ่งวัน รอให้ข้าพักผ่อนจนหายดีก่อน พรุ่งนี้ค่อยแข่งขันต่อ ”
เสียงฮือฮาดังลั่น
สนามประลองเกิดเสียงฮือฮาดังสนั่น ทุกคนตกตะลึง
“จูนจิ่วลอบทำร้าย? เห็นอยู่ตำตาว่าผู้หญิงคนนั้นจงใจหาเรื่องใส่ตัว เริ่มแรกตอนอยู่บนเวทีประลอง ข้าเห็นว่านางจงใจใช้เท้าไปเกี่ยวจูนจิ่ว คิดอยากให้จูนจิ่วล้มลงไปข้างล่าง แต่ผลปรากฏว่าตัวเองดวงซวยตกลงไปเองซะงั้น นิ้วมือนั่นมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะหักตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ”
“ใช่ นางสมควรโดน นางมีสิทธิ์อันใดถึงมาใส่ร้ายจูนจิ่ว? หน้าไม่อายจริงๆ”
“ฟังคำพูดนางไม่ได้ ตัวเองไม่มีปัญญาแพ้ก็คือแพ้ ทำไมต้องหยุดการแข่งขันเพื่อนาง นางเป็นใครกัน? ไม่ใช่ศิษย์สำนักเทียนโจ้งเสียหน่อย ยังจะมาเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ดีเด่นอีก ไสหัวออกไป”
……
ศิษย์สำนักเทียนโจ้งโกรธจัด ทุกคนต่างพากันชี้นิ้วด่าจูนหยูนเสวี่ย พวกเขายังไม่รู้ว่านี่คือจูนหยูนเสวี่ย มิเช่นนั้น คงพุ่งตัวออกไปตั้งนานแล้ว มีคนกลุ่มหนึ่งขับไล่จูนหยูนเสวี่ยออกจากสนามฝึกซ้อมวิทยายุทธ
สีหน้าจูนหยูนเสวี่ยดูน่าเกลียดมาก ทว่านางไม่ยอมถดถอยเลยแม้แต่น้อย จ้องมองไปที่โล่ชิวเห้อแล้วพูดว่า “ข้าเป็นถึงคนที่อู๋อจงได้คัดเลือกแล้ว เพราะจูนจิ่วทำให้ข้าต้องสูญเสียคะแนนการแข่งขัน สำนักเทียนโจ้งของพวกเจ้ารับผิดชอบไหวหรือ?”
“เจ้า” สีหน้าโล่ชิวเห้อดูบึ้งตึงไม่น่ามอง
เวลานี้เอง บนที่นั่งแขกผู้มีเกียรติมีเสียงของอู๋ซานลอยผ่านมา “เอาตามนั้นเถอะ การคัดเลือกศิษย์ดีเด่นยังไงก็ต้องยุติธรรมถึงจะดี วันนี้พักผ่อนครึ่งวัน พรุ่งนี้ค่อยแข่งขันต่อ ทั้งนี้ยังสามารถรักษาความน่าตื่นเต้นของการแข่งขันไว้ได้”
เมื่อได้ยินอู๋ซานพูดเช่นนั้น โล่ชิวเห้อจำต้องประกาศยกเลิกการแข่งขันชั่วคราวพร้อมข่มอารมณ์โกรธไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้ อีกอย่าง สำนักเทียนโจ้งมิอาจล่วงเกินอู๋อจงได้ โล่ชิวเห้อด่าจูนหยูนเสวี่ยว่าไร้ยางอายสิ้นดี และมองไปทางจูนจิ่วด้วยท่าทีขอโทษ
ในทางตรงกันข้ามจูนจิ่วกลับปลอบประโลมพวกเขา “พักผ่อนหนึ่งคืนก็ดี ถือเสียว่าเป็นการสะสมพลังความเข้มแข็งพรุ่งนี้ค่อยลุยต่อ ข้าจะดูซิว่าแค่คืนเดียวนางจะสามารถถอดรูปแปลงร่างแล้วเฟื่องฟูขึ้นมาชั่วพริบตาเดียวได้เชียวหรือ?”
สายตาเย็นเยือกตกกระทบไปที่บนเรือนร่างของจูนหยูนเสวี่ย เย็นชาไร้ความรู้สึก ประชดประชันน่าขัน
การแข่งขันจะจบลงแบบนี้เลยหรือ อู๋ซานหันหน้ามองไปทางเหอซ่าน “ท่านเหอท่านคิดว่าข้าเตรียมกันเช่นนี้เป็นอย่างไร?”
“ก็ไม่ยังไงนะ” เหอซ่านตอบกลับอย่างเย็นชา ทำให้อู๋ซ่านขมวดคิ้วแน่น ผู้อาวุโสเทียนอู่จงคนนี้รับมือไม่ง่ายจริงๆ เห็นอยู่ตำตาว่าจูนหยูนเสวี่ยคือคนที่เขาเลือกและแนะนำมา ทำไมตอนนี้พอเขาช่วยจูนหยูนเสวี่ย เหอซ่านกลับไม่พอใจล่ะ?
เหอซ่านไม่สนใจอู๋ซ่าน เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปจากที่นั่งแขกผู้มีเกียรติ มีบางเรื่องที่เขาต้องยืนยันอีกครั้ง
เมื่อกลับถึงที่พัก เหอซ่านเพิ่งจะนั่งลง จูนหยูนเสวี่ยผลักประตูพุ่งเข้ามาอย่างอดใจรอไม่ไหว เอ่ยปากก็พูดว่า “ท่านเหอ ข้าให้ท่านฆ่าจูนจิ่ว วันนี้ท่านก็เห็นนางแล้วสินะ? แล้วก็รู้จักแล้วด้วย”
เหอซ่าน “แม่นายจะให้ข้าลงมือฆ่านางเมื่อไหร่?”
จูนหยูนเสวี่ยตอบ “คืนนี้ ไม่สิ พรุ่งนี้ข้ายังต้องประลองฝีมือกับนาง คืนนี้ไม่ได้ งั้นพรุ่งนี้ดีกว่า นางจะต้องแพ้ ต่อให้จะโชคดีที่ไม่โดนตัวข้า ก็ห้ามให้นางไปที่อู๋อจง มันฆ่าล้างโครตตระกูลข้า ข้าจะสับนางเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้นให้นางตายทั้งเป็น”
เหอซ่านเงยหน้าขึ้นมา สายตาที่เย็นเยือกเหมือนมีดอันคมกริบแทงลึกเข้าสู่หัวใจของจูนหยูนเสวี่ย มองจิตใจนางอย่างทะลุปรุโปร่ง เห็นว่าข้างในเป็นสีอะไรกันแน่ ภายใต้สายตาเขา จูนหยูนเสวี่ยยอมปิดปากเงียบโดยที่ไม่รู้ตัว
เหอซ่านพูดว่า “แม่นาย ข้าอยากถามว่า ของมีค่าที่กองทัพเย่สิงส่งมอบไปให้ท่านทุกปี ตอนนี้ของมีค่าเหล่านั้นอยู่ที่ใด? ของมีค่าไม่ใช่ของที่จะถูกไฟไหม้ทำลายได้ง่ายๆ”
“ของมีค่าอยู่ที่อื่น แม่เลี้ยงข้าบอกที่อยู่กับข้าแล้ว”
“ดี งั้นตอนนี้เราไปดูกันเถอะ” เหอซ่านลุกขึ้นยืน ไม่พูดมากให้เสียความรวบตัวจูนหยูนเสวี่ยแล้วเดินออกไปข้างนอกทันที……