บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 177 สิ้นเนื้อประดาตัวเพื่อเจ้า ถือเป็นความยินดียิ่ง
- Home
- บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
- บทที่ 177 สิ้นเนื้อประดาตัวเพื่อเจ้า ถือเป็นความยินดียิ่ง
บทที่ 177 สิ้นเนื้อประดาตัวเพื่อเจ้า ถือเป็นความยินดียิ่ง
“ออกเดินทางครึ่งเดือนหลังจากนี้” เหอซ่านกวาดตามองจูนหยูนเสวี่ย น้ำเสียงเย็นชาเงียบขรึม เขาต้องกลับไปเตรียมการก่อน และพาจูนหยูนเสวี่ยกลับไปพร้อมกันจะได้แนะนำนางให้กับคนอื่นๆในกองทัพเย่สิงพอดี
จูนหยูนเสวี่ยดีอกดีใจ คิดเพียงแค่อยากไปอู๋อจง เวลานั้นเหมือนร่างกายหายเจ็บปวดและไม่ร้องเจ็บแล้ว ทว่านางรีบข่มความตื่นเต้นไว้ จูนหยูนเสวี่ยมองไปทางเหอซ่าน “แล้วเจ้าจะลงมือสังหารจูนจิ่วเมื่อไหร่รึ?”
ท่าทางเย่อหยิ่งจนควบคุมไม่อยู่ ใช้น้ำเสียงออกคำสั่งกับเหอซ่าน
เหอซ่านไม่ได้โกรธและไม่ได้ไม่พอใจด้วย เขายังคงมีท่าทีที่เงียบครึมสุขุมแล้วพูดว่า “ตอนนี้จูนจิ่วได้รับสิทธิ์ลูกศิษย์ดีเด่น เป็นลูกศิษย์กองหนุนของอู๋อจง ข้าจะไม่ลงมือกับนาง”
“กระไรรึ?” จูนหยูนเสวี่ยพูดตะโกนเสียงดัง จนกระทบโดนบาดแผล นางปวดจนใบหน้าบูดบึ้งทันที
“ชื่อเสียงเจ้าในสำนักเทียนโจ้งย่ำแย่มาก หากแพร่งพรายไปถึงอู๋อจง……ทางที่ดีเจ้าควรเก็บอาการหน่อย ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น” คำพูดที่หยุดชะงักของเหอซ่าน เห็นได้ชัดว่าตั้งใจตักเตือนจูนหยูนเสวี่ย เหอซ่านไม่ใช่ว่าจะฟังคำพูดนางทุกอย่าง อย่าคิดว่าตัวเองเป็น “แม่นาย” แล้วจะทำตามอำเภอใจได้
เมื่อเห็นใบหน้าบูดบึ้งของจูนหยูนเสวี่ย เหอซ่านทำเสียงหื้มทีหนึ่ง เขาได้ยินนอกหน้าต่างมีเสียงปีกสะบัดบิน จึงเดินไปเปิดหน้าต่าง มีนกพิราบส่งข่าวตัวหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น ร้องเรียก กู่ๆ เหอซ่านดึงจดหมายบนขาของนกพิราบมาเปิดอ่าน เขาทำเสียงเอะใจ “ถูหยุนมาเหรอ”
จูนหยูนเสวี่ยได้ยินชื่อของถูหยุน นางเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโกรธ แล้วมองไปทางเหอซ่านที่ไม่สนใจนางจากนั้นเขาหันหน้าเดินจากไปทางประตู
จูนหยูนเสวี่ยกำหมัดแน่น อดกลั้นความเจ็บปวดบนร่างกายไว้ นางโกรธมาก “ข้าเป็นถึงแม่นาย เจ้ากลับไม่ฟังคำพูดของข้า” จูนหยูนเสวี่ยยังไม่รู้ว่า สถานะของนางได้ถูกเปิดเผยต่อหน้าเหอซ่านแล้ว
……
ณ ห้องกลั่นยาของตระกูลหยูน
จูนจิ่วกลั่นยาอยู่ในห้องคนเดียวอย่างเงียบๆ เหลือเพียงเสี่ยวอู่ที่หมอบตัวอยู่ข้างๆ เพื่อให้นางได้ลูบขนแมวเล่นตอนที่เหนื่อยจากการกลั่นยา หนึ่งเดือนหลังจากนี้จะต้องไปที่อู๋อจงแล้ว จูนจิ่วตั้งใจว่าจะใช้เวลานี้กลั่นยาจำนวนมาก เพื่อมอบให้กับหยูนจ้งจิ่น
นางใช้เวลากลั่นยาหนึ่งหม้อรวดเร็วมาก พอเอาออกจากเตากลั่นเก็บใส่ลงกล่อง แล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะที่ตอนนี้เต็มไปด้วยกล่องยาสิบกว่าชนิดวางเต็มไปหมด
จูนจิ่วตบสะบัดมือ หมุนคอเบาๆ นางพูดทั้งยิ้มว่า “กลั่นยาพอแค่นี้ก่อน เสี่ยวอู่ข้าอยู่ในห้องนี้กี่วันแล้ว?”
“เหมียว ห้าวันแล้ว”
“ไปเดินเล่นข้างนอกกันเถอะ” จูนจิ่วผลักประตูออกไป ท้องฟ้ามีเมฆมาก เมื่อคืนเพิ่งฝนตกไป อากาศค่อนข้างสดชื่น จูนจิ่วเดินไปที่สวนเด็ดดอกหญ้าที่ยังไม่แห้งเหี่ยว แล้วหันหน้าโบกสะบัดมาทางเสี่ยวอู่ “เสี่ยวอู่”
“เหมียวๆ”
ดอกหญ้ากลายเป็นไม้แหย่แมวเสียแล้ว เสี่ยวอู่ร้องเหมียวๆเดินวิ่งรอบๆจูนจิ่ว แหย่เล่นได้ไม่นาน หยูนจ้งจิ่นที่ได้รับสารแล้วรีบเดินมาหาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นบรรยากาศภายในสวนสนุกรื่นเริงระหว่างคนกับแมว หยูนจ้งจิ่นชะลอฝีเท้าลง ไม่อาจขัดจังหวะทำลายภาพที่เห็นตรงหน้าได้
ทว่าตอนที่เขามาถึงจูนจิ่วก็รู้ตัวแล้ว พิงตรงโต๊ะหินอ่อนอย่างขี้เกียจ จูนจิ่วหันหน้าไปทางหยูนจ้งจิ่น “มาแล้วเหรอ? ยาทั้งหมดอยู่ในห้อง ขนย้ายไปได้เลย ”
“ได้ เป็นการรบกวนแม่นางจูนแล้ว” หยูนจ้งจิ่น เรียกคนไปขนยาในห้อง ส่วนเขาเองเดินไปหาจูนจิ่ว
หลังจากการคัดเลือกศิษย์ดีเด่น จูนจิ่วเข้าร่วมงานเลี้ยงของตระกูลหยูน หลังจากนั้นก็กลั่นยาอยู่ที่นี่ตลอด ในเวลาปกติไม่ได้พบใครเป็นพิเศษ จนทำให้ไท่ซ่างฮ่องต้องวิ่งมาดูสองสามวันทีหนึ่งและไม่พอใจเขาเป็นอย่างมาก
หยูนจ้งจิ่นขยับมุมปาก ฉีกยิ้มดุจดั่งฤดูใบไม้ผลิ เขาพูดว่า “ความเร็วในการกลั่นยาของแม่นางจูนช่างรวดเร็วยิ่งนัก เท่าที่ข้าเคยพานพบมา ยังไม่มีผู้ใดสามารถอยู่เหนือกว่า”
“เหมียวๆ” นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว อย่าหาว่าคุยโม้ เสี่ยวอู่สะบัดหางได้ใจจนตัวจะลอยขึ้นฟ้าอยู่แล้ว
หยูนจ้งจิ่นดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของเสี่ยวอู่ที่พูดในขณะนี้ เขายิ้มลุ่มลึก “ดูเหมือนว่าเสี่ยวอู่ก็ภูมิใจมากเช่นกัน สินะ นักกลั่นยาคนอื่นๆกลั่นยาหนึ่งหม้อ เร็วสุดก็ต้องใช้เวลากว่าครึ่งวัน และเมื่อกลั่นยาเสร็จจะต้องพักผ่อนอีกหลายวันถึงจะสามารถกลั่นยาต่อไป ทว่าจูนจิ่วกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถกลั่นยาออกมาหลายร้อยกล่อง เลยทีเดียว”
“ยังพอไหวแหละ” จูนจิ่วกระตุกยิ้มมุมปากบางๆ
กล่องยาสิบกว่ากล่องเมื่อครู่ เป็นยาชุดสุดท้ายที่จูนจิ่วกลั่นไว้ตลอดห้าวันที่ผ่านมา ยาที่กลั่นไว้ก่อนหน้านั้น เสี่ยวอู่ขนย้ายไปที่ประตูทางเข้าแล้ว โดยหยูนจ้งจิ่นจะสั่งให้คนมาขนไปเอง
ยาหลายร้อยกล่องใช้เวลากลั่นเพียงห้าวัน อีกทั้งยาแต่ละกล่องล้วนเป็นยาชั้นดีที่คัดสรรจากหนึ่งในหมื่น หยูนจ้งจิ่นจากตกใจจนมึนงง แปรเปลี่ยนเป็นชินชา แล้วกลายเป็นความเข้าใจจนนิ่งสงบ จูนจิ่วเก่งกาจแบบนี้แหละ หากนางทำการใหญ่สะท้านโลกอันใด เขาล้วนเชื่อทั้งนั้น
จากนั้นหยูนจ้งจิ่นเพิ่งนึกถึงคำพูดของหยูนเฉียว เขาพูดทั้งหัวเราะ “แม่นางจูน ฟังเฉียวเฉียวบอกว่าเจ้าชอบการพนันหิน ตระกูลหยูนมีโรงตัดหิน ช่วงนี้มีหินดั้งเดิมเข้ามาเพิ่มจำนวนไม่น้อย แม่นางจูนอยากจะลองไปเล่นพนันหินดูไหม?”
ถึงแม้จูนจิ่วจะเก่งกาจโครตๆ กลั่นยาโดยที่ไม่ต้องการพักผ่อน ทว่าเขาก็เป็นห่วง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ตระกูลอาจจะถูกไท่ซ่างฮ่องที่เป็นห่วงยิ่งกว่ามาถล่มบ้านได้ ฉะนั้นหยูนจ้งจิ่นจึงคิดใคร่ครวญว่าจะพูดข้อเสนอนี้หรือเปล่า
จูนจิ่วอยากจะออกไปเดินเล่นพอดี ข้อเสนอของหยูนจ้งจิ่นไม่ได้ด้อยไปกว่าการส่งหมอนให้ในตอนที่ง่วงเลย
แต่ทว่า จูนจิ่วกระตุกยิ้มมุมปากแฝงความเจ้าเล่ห์ นางมองไปทางหยูนจ้งจิ่นอย่างมีเลศนัย แล้วเอ่ยปากพูด “หยูนจ้งจิ่น เจ้าเชิญข้าไปเล่นพนันหิน ไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ตระกูลหยูนสิ้นเนื้อประดาตัวหรือ?”
“สิ้นเนื้อประดาตัวเพื่อเจ้า ข้ายินดียิ่งนัก” คำพูดที่พูดออกไปอย่างไม่รู้ตัว จูนจิ่วเลิกคิ้วขึ้นสูง หยูนจ้งจิ่นใบหน้าแดงก่ำทันที
เขาไอกระแอม รีบพูดแก้คำทันที หยูนจ้งจิ่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดใหม่ว่า “แม่นางจูน ข้าหมายความว่า เป็นเพราะเจ้าที่ยกระดับสถานะของตระกูลหยูนมาถึงจุดนี้ เพียงแค่โรงตัดหินธรรมดาๆย่อมให้ได้อยู่แล้ว ซึ่งเทียบไม่ได้กับมูลค่ายาของแม่นางจูนที่สำคัญยิ่งกว่า”
จูนจิ่วหัวเราะเสียงเบา นางโยนดอกหญ้าทิ้งไป ไม่ดูและไม่สนใจเสี่ยวอู่ทันที จูนจิ่วเอ่ยปากพูด “งั้นไปกันเถอะเล่นพนันหินดู จะได้มีหินทิพย์พกติดตัวไปอู๋อจงด้วย”
“ดี งั้นข้าไปเตรียมรถม้า” หยูนจ้งจิ่นพูดอธิบาย โรงตัดหินสร้างไว้นอกชานเมือง นั่งรถมาไปต้องใช้เวลาถึงสี่ชั่วโมง
เมื่อเห็นหยูนจ้งจิ่นจากไปเพื่อไปเตรียมตัว เสี่ยวอู่รีบเอ่ยปากพูด “นายท่าน หยูนจ้งจิ่นชอบท่านพะย่ะค่ะ”
เสี่ยวอู่พูดอย่างมั่นใจ ยืนยันแน่ชัด และยืนหยัด
ใครจะไปคิดว่าจูนจิ่ว ดูเหมือนไม่แปลกใจเลยสักนิด นางแตะที่หัวของเสี่ยวอู่เบาๆ มุมปาหเผยรอยยิ้มบางๆ เมื่อเสี่ยวอู่เห็นเช่นนั้น ตกใจจนลืมตากว้าง “เหมียว นายท่านรู้ตั้งนานแล้วเหรอ?”
จูนจิ่วพูด “หยูนจ้งจิ่นเป็นคนเก็บซ่อนความรู้สึก แต่ว่าก็เหมือนกับหยูนเฉียวแหละดูเพียงแวบแรกก็ดูออกแล้ว ทว่าหยูนจ้งจิ่น พวกข้าไม่ใช่คนทางเดียวกัน เขาเองก็รู้จักเก็บซ่อนมันเอาไว้ และไม่ได้กระทบต่อสัมพันธมิตรของเรา ส่วนคนน้องเหรอ? เป็นแค่น้องชายคนเล็กเท่านั้น”
เมื่อได้ยินจูนจิ่วพูดเช่นนี้ ทันใดนั้น เสี่ยวอู่อยากจะมอบเทียนสองเล่มให้กับหยูนเฉียวที่เป็นได้แค่“น้องชาย” มากๆ
ต่อด้วยนวดคลึงหูของเสี่ยวอู่เบาๆ จูนจิ่วหัวเราะ แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะไปเล่นที่โรงตัดหิน”
“วันนี้นายท่านจะเล่นพนันหินหรือ?”
“ใช่ วันนี้หินดั้งเดิมในโรงตัดหิน ขอเพียงแค่เป็นหินทิพย์ข้าเหมาหมด” จะไปอู๋อจง หินทิพย์เป็นสิ่งของที่ขาดไม่ได้เลย