บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 194 ช่วยข้าด้วย
บทที่ 194 ช่วยข้าด้วย
เสียงปรบมือดัง ทำให้พวกเขารีบดึงสติกลับมา ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูด ก็ได้ยินเสียงชิงหยู่หัวเราะฮ่าๆเสียงดัง “กล้าเล่นกล้าเสีย การแข่งขันใหญ่อู๋อจงครั้งนี้ข้าเป็นผู้ดำเนินการแล้ว ยินดีต้อนรับทุกท่านมาเยือนที่สำนักเทียนอู่จง ”
ทุกคน “……”
“อ่ะแฮ่มๆ เจ้าสำนักท่านจะจัดการแข่งขันใหญ่อู๋อจงจริงหรือ?” เหอซ่านไอกระแอม ขมวดคิ้วแล้วมองไปทางชิงหยู่
“แน่นอนอยู่แล้ว พวกเจ้าทั้งสี่สำนักสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันทุกปี ในปีนี้ควรถึงสำนักเทียนอู่จงแล้ว เอาล่ะพวกเจ้ายังจะพนันต่ออีกหรือไม่? ข้ายังคงเลือกว่าจูนจิ่วชนะ ห้ามใครแย่งกับข้าทั้งนั้น ฮ่าๆๆ จูนจิ่วเป็นดาวนำโชคของข้าโดยแท้ ” เขามองไปที่กระจกน้ำด้วยสีหน้าได้ใจ
ขณะที่อยู่ในห้องวิหารใหญ่ มีเพียงชิงหยู่ที่ดูหนุ่มแน่นเข้ากันไม่ได้ นำตัวออกไปไม่มีใครกล้าเชื่อว่าเขาเป็นหนึ่งในเจ้าสำนัก ทว่าไม่มีผู้ใดกล้าหาเรื่องคนบ้าอย่างเขา แล้วก็กลุ่มคนบ้าเทียนอู่จงที่อยู่เบื้องหลังเขาด้วย เหอซ่านถือเป็นคนที่ปกติดีในสำนักเทียนอู่จงแลดูน่าสงสัยยิ่ง
เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจ้องมองตัวเอง เหอซ่านไอแห้งๆหนึ่งครั้ง “พวกท่านยังจะพนันกันอีกหรือ?”
“พนันสิ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจูนจิ่วจะโชคดีไปได้ตลอด ดอกตงเตียไม่ได้หาง่ายขนาดนั้นหรอก อีกทั้งข้ายังได้ยินมาว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากหาเรื่องหมอเทวดาจูนจิ่วคนนี้ด้วย สิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าค่ายเขาวงกตคือคนต่างหาก” ผู้อาวุโสตันจงพูด
“ได้ งั้นพวกเรารอดูกันต่อเถอะ” ท่านชิงเองก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ อยากจะผ่านด่านได้ ความสามารถกับความโชคดีจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ จูนจิ่วจะรักษาระดับนี้ได้ตลอดหรือไม่?
……
เมื่อเดินจากปากทางเข้ามาแล้ว ตรงหน้าจูนจิ่วม่านแห่งค่ายเขาวงกตถูกเปิดออกหนึ่งชั้น กำแพงสีเขียวเข้มดูใหญ่และกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ระดับสายตาเปิดกว้างมากขึ้น เห็นภาพทุ่งหญ้าน้ำที่ไม่มีคนจัดสรรดูแล และเป็นวัชพืชรกร้างที่ขึ้นสูงจนถึงเอว
ขึ้นสูงถึงระดับเอวของวัยกลางคน พอจูนจิ่วเดินเข้าไป หญ้าสูงถึงระดับอก เมื่อเงยหน้ามองผ่านไป ทั่วสารทิศเต็มไปด้วยวัชพืชแบบนี้ อยากจะออกไปจากที่นี่ เป็นทางเข้าเขาวงกตสามช่องที่ถูกเปิดออก อยากไปจากที่นี่ มีทางเข้าสามทางเปิดอยู่ในเขาวงกตตรงหน้า
จูนจิ่วบ่นเสียงเบา “ยุ่งยากจริง”
หญ้าสูงและรกเกินไป แสดงว่าข้างในต้องซ่อนความยุ่งยากไว้มากมาย ซึ่งนางไม่ชอบความยุ่งยาก
ชักดาบป๋ายเย่ออกมา จูนจิ่วฟาดดาบไปในแนวนอน ซาๆๆ โดยมีนางเป็นศูนย์กลาง หญ้าที่ขึ้นอยู่รอบทิศถูกตัดสั้นลงไปสองในสามส่วน สั้นถึงระดับน่องของนาง จูนจิ่วรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง “ค่อยยังชั่วหน่อย”
เดินไปด้วยตัดหญ้าไปด้วย จูนจิ่วไม่รู้ว่า การกระทำที่บุ่มบ่ามของนาง ทำให้คนกลุ่มหนึ่งต้องมองตาค้างอีกแล้ว แต่ละคนมุมปากสั่นกระตุก อยากต่อว่าแต่กลับสรรหาคำพูดไม่ได้ พูดไม่ออกว่านางทำเช่นนี้ถูกหรือผิดกันแน่?
นางไม่กลัวแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือ?
เหวี่ยงดาบลงไปอีกครั้ง ท่ามกลางวัชพืชที่โดนตัดจนขาด จูนจิ่วได้ยินเสียงดาบปะทะเข้าหากัน ในเวลาต่อมา ตามมาด้วยดาบเย็นเยือกร้อนแรงพุ่งเข้าใส่ สายตาจ้องมองไป จูนจิ่วพลิกข้อมือพุ่งดาบเข้าไป
ตูม
แรงระเบิดจากพลังทิพย์กระจายออกบริเวณรอบๆตัวของทั้งสองคน หญ้าที่ถูกตัดขาดบินฟุ้งกระจายไปทั่ว เหมือนเม็ดฝนที่ตกลงมา
จูนจิ่วยกสายตาขึ้นมา เมื่อเห็นคนที่พุ่งเข้ามา ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ที่หนึ่งของประเทศซ่างยี้ นักจิตชั้นสามเหยียนไห่ ในเวลานี้ดวงตาเหยียนไห่แดงก่ำทั้งคู่ เหมือนคนสติบ้าคลั่ง ไม่พูดจาใดๆ ชักดาบออกมาฟาดฟันอย่างเดียว ทุกท่วงท่าร้อนแรงดุดัน ทำเหมือนว่าจูนจิ่วเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อตัวเองนั่นแหละ
จูนจิ่วฟันดาบตอบโต้ไปด้วยและยกคิ้วเอ่ยปากถามไปด้วย “โดนวางยาพิษกล่อมประสาทหรือ?”
เหยียนไห่ไม่รู้ว่าโดนวางยาพิษกล่อมประสาทได้กระไร ทำให้ต้องเสียสติไป จากนั้นก็พบนางที่นี่ และคิดว่านางเป็นศัตรูจึงชักดาบพุ่งเข้าใส่ จูนจิ่วไม่ได้สนใจว่าทำไมเหยียนไห่ถึงโดนยาพิษ สิ่งที่นางสนใจคือวิชาดาบของเหยียนไห่ต่างหาก
เขาเก่งกาจมาก
ทั้งๆที่ไม่ใช่ศิษย์สำนักเจี้ยนจง กลับเก่งกว่าศิษย์สำนักเจี้ยนจงทั้งสี่คนที่จูนจิ่วเคยเจอก่อนหน้า ทักษะการใช้ดาบเยือกเย็นดุดัน ต่อให้จะเสียสติบ้าคลั่ง การลงมือกลับไม่เสียศูนย์เลย ทุกท่วงท่าล้วนขัดขวางการจู่โจมของจูนจิ่ว หากเขาสติดีล่ะก็ มีแต่จะแข็งแกร่งยิ่งกว่า
คนที่อยู่นอกกระจกน้ำ โจ่ฉีเกรงไปทั้งตัวอย่างห้ามไม่ได้ ดวงตาเพ่งเล็งไปที่จูนจิ่วกับเหยียนไห่อย่างไม่ละสายตา คนในเน้นดูทักษะที่แท้จริง วิชาดาบของจูนจิ่วกับเหยียนไห่ดึงดูดพวกเขาอย่างลึกซึ้ง ขณะเดียวกันคนอื่นๆก็จ้องมองภาพเหตุการณ์นี้เช่นกัน เจ้าจะไปถามคนอื่นๆน่ะหรือ? จูนจิ่วคนเดียวก็ดูไม่ทันแล้ว ยังจะไปสนใจคนอื่นอีก?
เพียงพริบตาเดียว จูนจิ่วและเหยียนไห่ต่อสู้ไปแล้วสิบกว่าท่า
ดูเหมือนว่าพละกำลังของพวกเขาจะพอๆกัน แต่ในความเป็นจริงจูนจิ่วยังไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด ส่วนเหยียนไห่ก็เสียสติทำให้กำลังไม่นิ่ง ผู้คนต่างตั้งตารอคอยว่า หากพวกเขาใช้พละกำลังอย่างสุดความสามารถมันจะน่าตื่นตาตื่นใจมากเพียงใด?
ความรู้สึกที่ว่ามีการลอบสังเกตการณ์เด่นชัดอีกครั้ง จูนจิ่วขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่ชอบใจ นางเงยหน้ามองไปทางเหยียนไห่ สายตาเย็นเยือก มันควรจบลงสักที นางไม่อยากเสียเวลาที่นี่ “เวิงๆ” ป๋ายเย่ร้องเตือน เหมือนกำลังตอบสนองจูนจิ่ว
พลังทิพย์ก่อตัวขึ้นมาบนตัวดาบ จูนจิ่วมองเหยียนไห่ด้วยสายตาเยือกเย็นพร้อมฟันดาบลงไป
ดุจดั่งหิมะที่ผสมผสานเข้าไปในน้ำ ท่าดาบของเหยียนไห่ถูกจูนจิ่วไขท่าได้อย่างง่ายดาย พลังอำนาจของป๋ายเย่ไม่ลดลง เหวี่ยงฟาดลงไป แม้แต่ดาบเหยียนไห่ยังถือไว้ไม่แน่น ทำให้ดาบคมกริบหลุดบินออกไป ป๋ายเย่ออกแรงเหมือนฟันไม้ไผ่ ได้ทิ้งบาดแผลลึกไว้ที่หน้าอกของเขา
จูนจิ่วขยับตัวว่องไว ปรากฏกายตรงหน้าของเหยียนไห่ นางยกมือขึ้นมาตบเข้าที่หัวไหล่ของเหยียนไห่ จนเหยียนไห่กระอักเลือดตัวปลิวกระเด็นออกไป
ก่อนหน้านี้ใช้เวลาต่อสู้เป็นเวลากว่าหนึ่งก้านธูป แต่ความจริงใช้เพียงแค่สองท่าก็จบลงได้แล้ว
จูนจิ่วสะบัดข้อมือเล็กน้อย เพื่อสะบัดคราบเลือดที่ติดอยู่บนตัวดาบ นางไม่แม้แต่จะมองเหยียนไห่เลย กำลังจะก้าวเท้าจากไป ทันใดนั้นมีเสียงร้องเรียกจูนจิ่วด้วยความเจ็บปวด “รอก่อน”
เอะ? จูนจิ่วมองจากด้านบนลงไปด้านล่าง เหลือบตามองเหยียนไห่ด้วสายตาเย็นเยือก การฟันด้วยดาบนี้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เหยียนไห่คลานอยู่ที่พื้น เขากระอากเลือดอีกครั้ง เงยหน้ามองไปหาจูนจิ่ว แล้วเอ่ยปากพูดว่า “เจ้าเป็นนักกลั่นยาใช่หรือไม่? ช่วยข้าด้วย ข้าจะบอกเบาะแสของดอกตงเตียให้กับเจ้า”
เบาะแสของดอกตงเตีย
จูนจิ่วกระพริบตาถี่ๆ ใช่สิ นางลืมไปได้กระไร ที่หนึ่งของสิบประเทศ ล้วนรู้เบาะแสที่เกี่ยวข้องกับดอกตงเตีย อีกทั้งสิ่งที่พวกเขารู้ล้วนไม่เหมือนกัน และนี่แหละเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้พวกเขาต้องฆ่าฟันกันเอง เพื่อชิงเบาะแสในการตามหาดอกตงเตีย
เก็บป๋ายเย่เข้าที่ จูนจิ่วเดินเข้าไป ใช้เท้าเหยียบเข้าที่หัวไหล่ของเหยียนไห่เต็มฝ่าเท้า เหยียบจนเขาแนบชิดไปกับพื้นดิน จูนจิ่วยิ้มหยันอย่างบ้าครั่งหน่อยๆ นางพูดว่า “ตอนนี้เจ้าอยู่ในสภาพแบบนี้ ข้าสามารถใช้การทรมานบังคับให้เจ้าพูดออกมาได้ แล้วทำไมต้องเสียเวลาช่วยเจ้าด้วย?”
“เพราะข้าโดนวางยา หากเจ้าไม่ช่วยข้าก็จะไม่มีทางรู้ได้” ขณะที่เหยียนไห่กำลังพูด สีหน้าทุกข์ทรมานอดสู
เพราะเขายังอยู่ภายใต้การควบคุมของยาพิษกล่อมประสาท เพียงแค่พยายามอาศัยสติสัมปชัญญะที่แข็งแกร่งของตนในการต่อสู้เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ เหยียนไห่กัดฟันแน่น อาศัยความเจ็บปวดตรงอก ในการลืมตากว้าง เหยียนไห่พูดว่า “เจ้าช่วยข้า ข้าจะบอกเจ้าเอง”
“ยุ่งยากเสียจริง” จูนจิ่วออกแรงตรงปลายเท้าเพิ่ม เหยียนไห่ร้องเจ็บปวดโหยหวนทันที เมื่อเห็นเขาอ้าปาก จูนจิ่วจึงรีบดีดยาหนึ่งเม็ดเข้าไปในปากของเหยียนไห่
เหยียนไห่พูดไม่ผิด เขาโดนยาพิษกล่อมประสาท ทำให้สติสตังไม่ปกติ อาจจะพูดได้ ทว่ารับประกันไม่ได้ว่าสิ่งที่เหยียนไห่พูดจริงหรือเท็จ จูนจิ่วไม่อยากเสียแรงเปล่ากับข่าวปลอมๆ จากนั้นถอยห่างออกมาสองก้าว จูนจิ่วมองดูเหยียนไห่ด้วยสายตาที่เย็นชา
ยาออกฤทธิ์เร็วมาก หลังจากที่เหยียนไห่หายใจเหนื่อยหอบ สีหน้าแววตาดูฟื้นตัวดีขึ้น กลับมามีสีหน้าที่เย็นเยือกหล่อคมคายดั่งเดิม เขารีบกดจุดตรงหน้าอกเพื่อให้เลือดหยุดไหล แล้วนำเอายาออกมาเพื่อบรรเทาอาการ เหยียนไห่หันหน้ามองไปทางจูนจิ่ว “ขอบคุณมาก”
“เบาะแสของเจ้าคือกระไร?” จูนจิ่วถามเขาด้วยเสียงเยือกเย็น