บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 195 ดอกตงเตียชอบน้ำที่มีปลาฉนาก
บทที่ 195 ดอกตงเตียชอบน้ำที่มีปลาฉนาก
“ดอกตงเตียชอบน้ำ” เหยียนไห่พูด
จูนจิ่วหรี่ตานิดหน่อย ดอกตงเตียชอบน้ำ? มันเชื่อมโยงกับเบาะแสที่นางได้คือดอกตงเตียไม่อยู่บนพื้นดิน ไม่อยู่บนพื้นดินแต่อยู่ในน้ำ ซึ่งมันไม่ได้ขัดกันแต่อย่างใด ฉะนั้นนางก็แค่ไปตามหาสถานที่ที่มีน้ำก็จะสามารถหาดอกตงเตียพบ
หลังจากที่จูนจิ่วทราบเบาะแส รีบหมุนตัวจากไปทันที เหยียนไห่นิ่งอึ้งไปทันที เขากำลังอ้าปากยังไม่ทันได้พูดเลย เขาคิดไม่ถึงว่าจูนจิ่วจะเป็นคนตรงไปตรงมาขนาดนี้ ไม่มีอารมณ์สนใจเขาแม้แต่น้อย นางไม่แปลกใจที่จะถามเขาว่าโดนใครวางยาพิษกล่อมประสาทบ้างเลยหรือ?
เหยียนไห่ได้ข้อสรุปในใจว่า จูนจิ่วคนนี้ เลือดเย็นไร้ความรู้สึกสิ้นดี
กระพริบตาถี่ๆ เหยียนไห่สูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกุมแผลตรงอกไว้แล้วลุกขึ้นยืน เบาะแสของเขาบอกกับจูนจิ่วไปแล้ว แต่เขากลับไม่ได้กระไรเลย จะหยุดอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว จะต้องไปตามหาดอกตงเตีย ยิ่งล้าหลังไปมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะแพ้ก็ยิ่งมีมาก
จูนจิ่วคือหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งของเขา
จูนจิ่วไม่สนใจความคิดของเหยียนไห่ว่าจะเป็นกระไร นางเดินทะลุผ่านทุ่งหญ้าน้ำ เข้าไปในเขาวงกต เขาวงกตที่ทางคดเคี้ยวซับซ้อน ข้างหน้ามักจะมีทางแยกที่นับไม่ถ้วน นำคนไปสู่ความตาย หรือ หนทางที่ไม่ทราบเหตุการณ์ข้างหน้า
นางมักจะเลือกเส้นทางที่มีความชื้นสูงที่สุด ตลอดทางที่เดินมา จูนจิ่วเจอทั้งทะเลสาบและบึงน้ำ แต่กลับมองไม่เห็นร่องรอยของดอกตงเตียเลย ทว่านางมีจุดสังเกตอื่น
ปลายนิ้วปัดใบไม้ของเถาวัลย์ออกไป จูนจิ่วสัมผัสเบาๆตรงรอยสลักบนกำแพง นี่คือสัญลักษณ์ที่เคยตกลงกับพวกหยูนเฉียว จูนเสี่ยวเหล่ย กู่ซง ในตอนที่อยู่ที่เขาปู้หว่ง ถึงแม้สุดท้ายตอนที่กลุ่มหมาป่าละโมบลอบทำร้าย สัญลักษณ์นี้ไม่ได้ใช้ ทว่าตอนนี้ มีคนทิ้งสัญลักษณ์บอกทางไว้ให้
ไม่รู้ว่าเป็นจูนเสี่ยวเหล่ยหรือหยูนเฉียว จูนจิ่วรีบเดินไล่ตามสัญลักษณ์นั้นมุ่งไปข้างหน้า
เสียงน้ำซู่ๆ
เสียงน้ำที่จูนจิ่วได้ยิน ยังมีเสียงฝีเท้าที่เหมือนกำลังลังเลใจ นางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เดินผ่านทางคดเคี้ยวข้างหน้าอย่างว่องไว ทันใดนั้นสายตาเปิดกว้าง ทะเลสาบที่กว้างใหญ่ปรากฏในสายตาของจูนจิ่ว นอกจากทะเลสาบนี้แล้ว ยังมีจูนเสี่ยวเหล่ย
จูนเสี่ยวเหล่ย ยังไม่รู้สึกว่าจูนจิ่วกำลังเดินไปหา นางลังเลและเป็นกังวลใจอยู่ริมทะเลสาบ ทั้งยังตื่นเต้นดีใจจ้องมองไปยังใจกลางทะเลสาบ จูนจิ่วเดินเข้าไปใกล้อีกหลายก้าว มองตามสายตาของนาง ใจกลางทะเลสาบมีดอกลอยตัวอยู่ ซึ่งนั่นก็คือดอกตงเตีย
ดอกตงเตียอยู่ที่นี่
หรี่สายตาเล็กน้อย จูนจิ่วเข้าใจจูนเสี่ยวเหล่ยแล้วว่าทำไมถึงหยุดชะงักที่นี่ นางเอ่ยปากพูด “ว่ายน้ำไม่เป็นหรือ?”
จูนเสี่ยวเหล่ยรู้สึกตัวทันที นางรีบชักมีดสั้นตรงเอวออกมา หันหน้าหมุนตัวอย่างระวังตัว พร้อมมองไปยังคนที่เข้าใกล้ด้วยสายตาดุดัน ทว่าสายตาที่ตกกระทบไปที่ตัวจูนจิ่ว จูนเสี่ยวเหล่ยเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “พี่สาวเก้า”
“ข้าเปล่งเสียงพูดเจ้าถึงจะรู้ตัวว่ามีคนมา หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ตอนนี้เจ้าคงได้สิ้นชีพไปแล้ว” จูนจิ่วเดินเข้าไป ยกมือขึ้นมาลูบหัวของจูนเสี่ยวเหล่ย
สัมผัสนุ่มนิ่ม ทว่าความนุ่มสบายสู้ขนของเสี่ยวอู่ไม่ได้ จูนจิ่วรู้สึกว่าฝ่ามือของตัวเองว่างเปล่า จึงรีบดึงมือกลับมา
จูนเสี่ยวเหล่ยไม่ได้ตอบโต้ พยักหน้าตอบรับโดยดี “ใช่ ข้าจะจำไว้ ต่อไปจะไม่ลืมตัวอีกแล้ว พี่สาวเก้าดูสิ ข้าหาดอกตงเตียพบแล้ว มันอยู่ตรงใจกลางทะเลสาบ แต่ว่าข้าว่ายน้ำไม่เป็น ไปเอาไม่ได้”
ขณะที่พูด จูนเสี่ยวเหล่ยยักไหล่ด้วยความคร่ำเครียด
ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะว่านางว่ายน้ำไม่เป็นล่ะก็ คงลงไปในน้ำตั้งนานแล้ว เมื่อหาดอกตงเตียพบก็ผ่านด่านได้แล้ว
หยุนเฉียวแอบมองดูจุนจิ่ว,ในใจคิดว่า。นางได้พนันกับหยุนเฉียวว่าใครจะผ่านด่านก่อน คนที่ผ่านด่านได้ก่อน จะต้องได้รับความชื่นชอบและความชมเชยจากพี่หญิงจิ่วเป็นแน่,นางจูนเสี่ยวเหล่ยต้องชนะอย่างแน่นอน!
จูนเสี่ยวเหล่ยที่แอบมองจูนจิ่ว คิดในใจว่า นางพนันกับหยูนเฉียวไว้แล้วว่า หากใครผ่านด่านไปก่อน คนที่ผ่านด่านไปได้ จะต้องได้รับการเชยชมและชื่นชอบจากพี่สาวเก้าแน่ๆ จูนเสี่ยวเหล่ยจะต้องเอามาให้ได้แน่นอน
จูนจิ่วเงยหน้ามองไปยังดอกตงเตียที่อยู่ใจกลางทะเลสาบ นางพูดออกมาทันที “เจ้าว่ายน้ำไม่เป็นนับว่าเป็นเรื่องที่ดี”
“หา?” จูนเสี่ยวเหล่ยทำหน้างง
จูนจิ่วกำลังจะเอ่ยปากพูดอธิบาย ทว่าการฟังที่เฉียบคมของนางได้ยินเสียงฝีเท้า จูนจิ่วหุบปากเงยหน้ามองไป เพียงไม่นาน มีคนสามคนเดินออกมาจากตรงทางโค้งนั่น พวกเขามองเห็นจูนจิ่วกับจูนเสี่ยวเหล่ย รีบเตรียมตัวตั้งรับทันที
มีคนหนึ่งเปิดปากพูด “เอ๊ะ สาวน้อยรูปงาม พวกข้าควรจะเหอะๆ……”
“เจ้าหุบปากไปเลย รู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร? หมอเทวดาจูนจิ่วเชียวนัก แม้แต่มู่หรงหนันจีนยังกล้าชกต่อย ต่อหน้ารองเจ้าสำนักเจี้ยนจงยังกล้าบีบคอคนเลย เจ้าอยากรนหาที่ตายเจ้าก็ไปเลย อย่าเอาพวกข้าไปด้วย ” มีคนรู้จักจูนจิ่ว รีบกระวนกระวายต่อว่าเพื่อนร่วมทีม
เมื่อได้ยินเช่นนั้นคนที่เปิดปากพูดก่อนรีบหุบปากลงทันที จูนจิ่วไม่ใช่คนที่ใครๆก็กล้าหาเรื่องหรอก แค่อาศัยว่านางสามารถชกต่อยมู่หรงหนันจีนได้ ไม่ใช่นักจิตชั้นสาม ใครมันจะไปกล้า?
เวลานั้น หนึ่งใน เพื่อนร่วมทีมร้องตะโกนเสียงดัง “พวกเจ้าดูนั่นสิมันคือกระไร นั่นคือดอกตงเตีย”
ดอกตงเตียในน้ำดึงดูดคนทั้งสาม พวกเขาเพ่งสายตาตรงไป สีหน้าดูหิวกระหาย โดยที่เฝ้าระวังจ้องมองจูนจิ่วไปด้วย และเดินไปยังริมทะเลสาบด้วยความโลภ เมื่อเห็นเช่นนั้น จูนเสี่ยวเหล่ยร้อนรนใจ “พี่สาวเก้า พวกเขากำลังจะไปแย่งดอกตงเตียแล้ว”
“ให้พวกเขาไปเถอะ ”
จูนเสี่ยวเหล่ยอยากถามว่าทำไม แต่ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมามองเห็นสีหน้าเยือกเย็นของจูนจิ่ว นางอ้าปากแล้วหุบลง ต่อด้วยหันหน้ามองไปทางทะเลสาบ ด้วยสีหน้าที่รู้สึกเสียดายและเสียใจ ถ้าหากนางสามารถว่ายน้ำได้ คงแย่งชิงดอกตงเตียได้ตั้งนานแล้ว คงไม่ต้องมาเสียเปรียบให้ไอ้คนสารเลวพวกนี้
เมื่อพวกเขาเห็นจูนจิ่วไม่แย่งชิง จึงรีบกระโดดลงทะเลสาบไปตามๆกัน ว่ายน้ำมุ่งไปทางดอกตงเตีย เพราะดอกตงเตียมีเพียงดอกเดียว ทว่าทีมที่มาถึงทะเลสาบก่อน กลับต้องมาต่อสู้กันเอง เลือดสดซึมกระจายไปทั่วทะเลสาบ
จูนเสี่ยวเหล่ยอดใจดูไม่ได้จนอยากจะหันหน้าหลบไปทางอื่น มือข้างหนึ่งยื่นเข้ามาบิดคางของนางไว้ “ลืมตากว้างแล้วดูไว้ให้ดี ”
“ได้” เมื่อจูนเสี่ยวเหล่ยได้ยินเสียงของจูนจิ่ว ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี การมองดูไป ทำให้จูนเสี่ยวเหล่ยตะลึงตาค้าง ชี้นิ้วไปทางใจกลางทะเลสาบอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
จูนจิ่ว “ไม่เห็นดอกแล้วใช่หรือไม่?”
“ใช่ๆ พี่สาวเก้าดอกตงเตียไม่เห็นแล้ว แต่ว่าพวกเขายังไม่ได้ดอกตงเตียนิ ทำไมถึงไม่เห็นแล้วล่ะ?”
“ก็เพราะว่าดอกเป็นของปลอม” จูนจิ่วพูดอธิบายด้วยความนิ่งเฉยเย็นชา
จูนเสี่ยวเหล่ยยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ดอกเป็นของปลอม?
เสียงน้ำซู่ๆ ดังสนั่นอยู่ข้างหู พวกนางมองไปยังใจกลางทะเลสาบ ภาพเหตุการณ์ที่เห็นน่าตกตะลึงมาก ในทะเลสาบมีปลาขนาดใหญ่ถึงสามเมตรหนึ่งตัว ปากมีเขี้ยวแหลมคม กัดเข้าใส่หนึ่งในพวกเขาจนขาดออกเป็นสองท่อน หางที่ดูดุร้ายตบสะบัด ทำให้อีกสองคนจมหายเข้าไปในทะเลสาบ
คลื่นน้ำสะบัดรุนแรง ทะเลสาบเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ทั้งสามคนไม่มีใครโผล่หัวออกมาอีกเลย พวกเขายังไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือเลยก็ต้องตายไปเสียแล้ว ผลที่ได้ไม่ต้องพูดแล้ว จูนเสี่ยวเหล่ยเห็นหมดแล้ว
พวกเขาโดนปลาใหญ่กัดกินเสียแล้ว
กลืนน้ำลายลงคออึกๆ จูนเสี่ยวเหล่ย ทั้งตกใจและงงงัน “พี่สาวเก้านี่คือกระไร?”
“ปลาฉนากสัตว์ทิพย์ชั้นสาม ดอกตงเตียที่เจ้าเห็นเป็นของปลอม เพราะว่ามันขึ้นอยู่ใจกลางทะเลสาบ แต่กลับไม่มีแม้แต่เงา ปลาฉนากมีพรสวรรค์อย่างหนึ่ง มันสามารถทำให้บนผิวทะเลสาบ ปรากฏภาพหมอกตาขึ้น ทำให้คนสามารถมองเห็นสิ่งที่ในใจอยากได้มากที่สุด ซึ่งนั่นก็คือดอกตงเตีย”
“เฮือก โชคดีที่ข้าว่ายน้ำไม่เป็น” จูนเสี่ยวเหล่ยที่ได้ยินเช่นนั้นรู้สึกใจหายใจคว่ำ
เมื่อเทียบกับจุดจบของคนโลภมากทั้งสามคน จูนเสี่ยวเหล่ยดูโชคดีมากจริงๆ จูนจิ่วหัวเราะ หมุนตัวแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ ไปตามหาดอกตงเตียที่แท้จริง