บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 213 เดินหน้าเข้าหาผู้ชายที่ชอบ
บทที่ 213 เดินหน้าเข้าหาผู้ชายที่ชอบ
โม่อู๋เยว่ที่ดูไม่เต็มใจเม้มริมฝีปากที่ร้ายกาจ “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อยากจะเล่นอย่างไรรึ?”
“จุ๊ๆ! ห้ามพูด ห้ามขยับ” จูนจิ่วมีใบหน้าที่จริงจัง นางจับมือข้างหนึ่งไว้และปล่อยอีกข้างคืนเขาไป นางขีดๆเขียนๆบนฝ่ามือของโม่อู๋เยว่
โม่อู๋เยว่เคยเห็นจูนจิ่วเมาเหล้าอยู่สองครั้ง และทั้งสองครั้งก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ครั้งที่แล้วเอาตัวแทบไม่รอด ครั้งนี้กลับเป็นน่ารักติ๊งต๊องดูไม่ปกติ ค่อยๆวาดเขียนอย่างระมัดระวังลงบนฝ่ามือ ในทุกๆครั้งที่เขียนลงไปก็สัมผัสไปถึงก้นบึ้งของหัวใจเสมอ ซึ่งมันจั๊กจี้จนแทบจะชา
ไม่นานนัก จูนจิ่วก็เขียนเสร็จ โม่อู๋เยว่ครุ่นคิดพลางเอ่ยว่า: “สนุกรึ?”
“ใช่ไหมล่า เกมนี้ทำให้เจ้ารู้สึกดีใช่หรือไม่?” จูนจิ่วยิ้มกรุ้มกริ่มจนคิ้วและแววตาดูดุ๊กดิ๊ก นี่คือเกมที่นางบอกว่าสนุก เพียงแค่ได้เขียนลงบนมือของโม่อู๋เยว่ไปสองคำ
โม่อู๋เยว่มึนงงไปชั่วครู่ เพราะไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นี่เรียกว่าเกมได้ด้วยรึ? เงยหน้ามองจูนจิ่วที่รอคอยคำตอบของเขาอย่างจริงจัง โม่อู๋เยว่ยกมุมปากขึ้นพลางครุ่นคิด ว่าเหตุใดจึงไม่ตามใจจูนจิ่วเสียหน่อย?
โม่อู๋เยว่พยักหน้าเล็กน้อยและตอบว่า “มีความสุข”
“ยังมีเกมที่สนุกกว่านี้อีก อยากเล่นไหม?” จูนจิ่วยิ้มสดใสราวกับดอกไม้ แก้มที่แดงระเรื่อ ดวงตาที่เป็นประกายราวดวงดาวที่ส่องแสงเรืองรอง นางเดินข้ามมาคล้องคอโม่อู๋เยว่ ก้มศรีษะจูบลงบนหน้าผากของโม่อู๋เยว่
ฟืด! เสียงสูดหายใจที่ชัดเจนดังขึ้นจากด้านนอก
จูนจิ่วหันหน้าไปมองด้วยความสงสัย ได้เห็นพวกหยูนเฉียวทั้งสามคนผ่านหน้าต่างบานที่เปิดอยู่ พวกเขาจ้องมองมาอย่างว่างเปล่า ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง แน่นอนว่า ได้เห็นภาพที่จูนจิ่วเพิ่งจูบโม่อู๋เยว่เป็นแน่
แก๊ก แก๊ก ——หยูนเฉียวรู้สึกได้ถึงอาการอกหักเหมือนเด็กผู้ชาย! กู่ซงเองก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่ที่น่าตกใจกว่าคือจูนจิ่วมีความสัมพันธ์ที่มิอาจพรรณนาได้กับปรมาจารย์ของนาง ทันใดนั้น โม่อู่เยว่ก็ตกเป็นเป้าสายตาของพวกเขา
ฟืด!
เสียงสูดหายใจชัดเจนมากยิ่งขึ้น กู่ซงตัวสั่นไปชั่วขณะ ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอยู่รอด ทำให้เขาคว้าหยูนเฉียวด้วยมือเดียว อีกมือก็คว้าจูนเสี่ยวเหล่ยที่หน้าแดงระเรื่อหนีออกไป กล่าวออกมาในขณะที่กำลังจะหนี: “พวกเจ้าไปกันต่อ!”
จูนจิ่ว: “เอ้ จะไปแล้วรึ? ข้าจะถามว่าพวกเจ้าจะเข้ามาดื่มกันสักสองแก้วรึไม่”
“เจ้ายังไม่เมาอีกรึ? ยังจะดื่ม?” โม่อู๋เยว่เชยคางของจูนจิ่ว ทำให้นางหันหน้ากลับลงมามองตัวเอง ประกายวอบแวบราวกับดวงดาวในแววตานั้น งดงามโดนใจเสียเหลือเกิน
ครั้งนี้จูนจิ่วมิได้โต้ตอบโม่อู๋เยว่ นางเพียงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม นางมึนๆเล็กน้อย คงจะเมาแล้วกระมัง? นางมองมาที่โม่อู๋เยว่ งอมุมปากเล็กน้อย: “เช่นนั้นข้าไปนอนละ เมื่อกี้เป็นการจุ๊ปบอกฝันดี แล้วพรุ่งนี้เจอกัน!”
พูดจบ จูนจิ่วก็ดึงมือของโม่อู๋เยว่ออก นางหาวพลางมุ่งไปยังเตียงทันที โม่อู๋เยว่เงยหน้าขึ้นพลางมองไปยังจูนจิ่วที่กางผ้านวมออก พร้อมหมุนตัวลงผ้านวมจนกลายเป็นลูกบอล และหลับไปหลังจากล้มตัวลงไม่ถึงสองวินาที
โม่อู๋เยว่เลิกคิ้ว เหตุใดจึงหลับเร็วถึงเพียงนี้? ไม่เกรงว่าเขาจักทำมิดีมิร้ายหรืออย่างไร?
“เหมียว!” จู่ๆเสี่ยวอู๋ก็โผล่ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ พร้อมกระโดดขึ้นไปบนเตียง ดวงตาแมวจ้องมองมาที่โม่อู๋เยว่ พลางยกอุ้งมือขึ้นมาชี้ไปด้านนอก บอกเป็นนัย
มันบอกให้โม่อู๋เยว่ออกไปเสีย ไม่ให้รบกวนการนอนของจูนจิ่ว หรืออีกนัยคือมันกันท่าโม่อู๋เยว่ ครั้งนี้มันไม่เมา มันอยากที่จะปกป้องเจ้าของ สถานการณ์ของเจ้าของไม่สู้ดีนัก จะให้โม่อู๋เยว่ลวนลามเจ้านายมิได้เด็ดขาด
หากแต่ว่าเจ้าของเป็นผู้ลวนลามโม่อู๋เยว่ซะเอง มันจักแสร้งว่ามิเห็นสิ่งใด เหมียว~~
โม่อู๋เยว่มองข้ามเสี่ยวอู่ไป หลังจากที่เขามองใบหน้าของจูนจิ่วที่กำลังนอนหลับอยู่นาน ก็จากไป ขณะที่เดินออกมา ก็กวาดตามองตามสัญชาตญาณก็ได้เห็นทั้งสามคนซ่อนตัวอยู่ในความมืด โม่อู๋เยว่หมุนและหายตัวไป ณ ตรงนั้น
เมื่อเห็นว่าเขาไปแล้ว กู่ซงจึงลุกขึ้นยืนจากตรงพุ่มไม้ เขากล่าวว่า: “โม่อู๋เยว่ไปแล้ว เขาไม่ได้อยู่ในห้องจูนจิ่ว”
รอคำตอบอยู่นาน จึงมองลงไปที่หยูนเฉียวกับจูนเสี่ยวเหล่ย คนหนึ่งยังตกอยู่ในภวังค์ ในความอกหักที่ยากเกินกว่าจะปลดปล่อยตัวเองได้ อีกคนก็มีแก้มที่แดงขึ้นแดงขึ้นกว่าเดิม ก้มหน้าก้มตาไม่รู้กำลังคิดสิ่งใดอยู่ ยกมุมปากสูงขึ้นข้างหนึ่ง กู่ซงเอื้อมมือไปดึงทั้งสองคนขึ้นมา
เขาพูดขึ้นเรียบๆ: “ว่าไง หยูนเฉียว จูนเสี่ยวเหล่ย พวกเจ้าดึงสติกลับมากันได้แล้ว!”
“ข้าไปนอนก่อนละ” หยูนเฉียวไม่มองกู่ซงและจูนเสี่ยวเหล่ยแม้แต่น้อย ก้มหน้าก้มตาเดินเข้าห้องไปอย่างมึนๆ เดินผิดๆถูกๆ วนไปวนมาและก็หาทางเข้าเจอ
เมื่อได้เห็นหยูนเฉียวเป็นเช่นนี้ กู่ซงกล่าวสิ่งใดไม่ถูก เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “โชคดีที่ข้านั้นแค่เพียงชื่นชนจูนจิ่ว มิเช่นนั้นก็คงเป็นเหมือนหยูนเฉียวเป็นแน่ หากคู่แข่งเป็นถึงปรมาจารย์ของจูนจิ่ว หาได้ทันเริ่มต้นก็คงสิ้นหวังเสียก่อนแล้ว”
ร่างของโม่อู๋เยว่ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา คนใจร้ายอย่างเขา คนมีอำนาจเช่นนั้น จึงมิอาจที่จะคิดสิ่งใด ไม่อยากจะเห็นว่าจักเป็นเช่นไรต่อ
แต่คาดไม่ถึงว่าผู้ชายที่มีอำนาจยากที่จะรับมืออย่างเขา ไม่คิดว่าจะนั่งนิ่งๆให้จูนจิ่วครอบงำและจูบลงที่หน้าผากเช่นนั้น กู่ซงชื่นชมจูนจิ่วมากขึ้นและมากขึ้น! สมแล้วที่เป็นถึงหมอปราชญ์จูนจิ่ว แตกต่างจากคนทั่วๆไปโดยสิ้นเชิง
มองไปที่จูนเสี่ยวเหล่ยอีกครั้ง กู่ซง: “จูนเสี่ยวเหล่ย เจ้าคงจะไม่ได้ชอบจูนจิ่วอีกคน เช่นนั้นเจ้าคงไม่เศร้าโศกจนเสียสติกระมัง?”
“ไม่ ไม่ใช่!” จูนเสี่ยวเหล่ยรีบส่ายหน้าตอบกลับ หน้าของนางแดงระเรื่อ “ข้าแค่กำลังคิดว่า พี่จิ่วยอดเยี่ยมมากๆ เดินหน้าเข้าหาผู้ชายที่ชอบ ข้าจักต้องไปเรียนรู้จากพี่จิ่ว จะต้องไม่ขี้อายเกินไปให้ได้”
กู่ซง: ??
เดี๋ยวก่อน สาวน้อยเองก็มีความกังวลใจใช่เช่นนั้นรึ?
เมื่อเห็นจูนเสี่ยวเหล่ยที่กำลังหน้าแดง กำมือแน่นด้วยท่าทีที่เข้มแข็ง กู่ซงรู้สึกดั่งว่าวันนี้นั้นมีมนต์ขลัง สิ่งที่ได้เผชิญก็น่าเหลือเชื่อไปเสียหมด เขาจะกลับไปดื่มสักสองแก้วเพื่อสงบสติอารมณ์แล้วค่อยว่ากันอีกที!
จูนจิ่วไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดสิ่งใดขึ้นในคืนนี้ รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างนางและโม่อู๋เยว่ด้วย นางตื่นขึ้นในเช้าวันถัดมา กุมมือทั้งสองไว้บนหน้า “ทำไมถึงเมาง่ายเช่นนี้ แค่ไวน์แดงก็เมาแล้วรึ? พระเจ้า”
“เหมียว~” เสี่ยวอู่: เจ้าของ หลังจากนี้ท่านไม่ต้องดื่มเหล้าอีกแล้วนะขอรับ
“ไม่ ก็แค่เมาง่ายขึ้น หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง จำต้องฝึกฝน หากข้ากลายเป็นคนคออ่อนจักทำเช่นไร?” จูนจิ่วลูบขนของเสี่ยวอู่ อุ้มมันขึ้นมาพลางกล่าว
เสี่ยวอู่ปัดอุ้งมือไปมา พลางร้องเหมียวเหมียว: “ข้าปกป้องท่านได้!”
ร่างจริงของมันคือเสือขาวที่สง่างามและทรงอำนาจ! แต่เสี่ยวอู่ก็ครุ่นคิด และรู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าของพูดนั้นก็ถูก การดื่มต้องฝึกฝน เมื่อพบเจอผู้อื่น มันก็สามารถปกป้องเจ้าของได้! แต่เมื่อได้พบกับโม่อู๋เยว่ กลับขัดขวางสิ่งใดไม่ได้เลย
ปากของจูนจิ่วโค้งงอ เมื่อได้ยินคำของเสี่ยวอู่ เสี่ยวอู่ที่รักของนางช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน!
ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวเล็กน้อย จึงมองออกไปนอกประตู และแล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ซึ่งเป็นเสียงต่ำของเหอซ่าน “เหอซ่านขอพบแม่นายขอรับ”
เหอซ่านมาแล้ว ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่จูนจิ่วคาดหวัง เมื่อวานจูนหยูนเสวี่ยตื่นขึ้นมาในตำหนักยอดเขาพร้อมแผลงฤทธิ์อย่างโอหัง เหอซ่านจำต้องมาตามหานางเป็นแน่ โจ่ฉีไม่มาด้วย เช่นนั้นก็หมายความว่าเขามาด้วยเรื่องจูนหยูนเสวี่ยเป็นการส่วนตัว
จูนจิ่วนวดหูของเสี่ยวอู่ “ไปบอกให้เขารอเสีย ข้าจักไปล้างหน้าล้างปากก่อน แล้วค่อยมาเจอเขาอีกที”
“เหมียว!” เสี่ยวอู่พยักหน้า และแมวอีกสองสามตัวก็ทำท่าทีเหมือนกำลังเดินแบบ เดินลอยๆผ่านทางหน้าต่างออกไป เงยหน้าขึ้นมองเหอซ่านพลางร้องเรียกเหมียวเหมียว เหอซ่านมีสีหน้าที่มึนงง ไม่รู้เลยว่าควรทำสิ่งใด มันหมายถึงสิ่งใดกัน