บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 231 เอาหมาบ้านี่ออกไปเสีย
บทที่ 231 เอาหมาบ้านี่ออกไปเสีย
“หึ” จูนจิ่วยิ้มอย่างเยือกเย็น
แววตาเจ้าเหมียวเสี่ยวอู่จ้องมองอย่างดุร้าย พลางกระโดดจากอ้อมแขนของจูนจิ่วไปบนที่พักแขน เสี่ยวอู่พุ่งตัวออกมาดั่งสายฟ้าฟาด ไม่นานจากนั้น หญิงสาวที่โวยวายจะเป็นจะตายในโถงนั้น ก็กรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าสังเวช
ความตกใจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ทุกๆคนไม่ทันได้ตอบสนอง! เมื่อได้สติแล้ว ก็เห็นหญิงสาวเอามือกุมหน้า กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อเอามือออกจากหน้าและมองลงไป ก็เห็นเลือดอยู่เต็มฝ่ามือ บนใบหน้ามีรอยตะปบอันน่าทึ่งสามรอย ที่ทำให้ผิวหนังถึงกับเหวอะหวะอยู่บนนั้น
ดวงตาหญิงสาวเบิกกว้างด้วยใบหน้าที่ยู่ยี่ “ไอ้สัตว์นรก เอ็งกล้าข่วนข้าอย่างนั้นรึ! ข้าจะถลกหนังเอ็ง!”
“เหมียว!” เสี่ยวอู่หมอบตัวลงบนโต๊ะ พลางมองไปที่หญิงสาวอย่างดูถูกดูแคลน กล้าพูดแย่ๆกับนายของข้า ปากพล่อยมันต้องโดน! เมื่อหญิงสาวเห็นหน้ากวนโอ๊ยของแมวนั้น ก็กรีดร้องจนควันออกหู งุ้มมือเรียงห้านิ้ว เพื่อคว้าคอเสี่ยวอู่อย่างโหดเหี้ยม นางอยากจะบีบคอไอ้สัตว์เดรัจฉานนั่นให้ตายๆไปซะ จากนั้นก็ถลกหนังและตรึงเส้นเอ็นมัน แต่เมื่อเสี่ยวอู่ขยับอุ้งเท้านั้น ก็หลบหญิงสาวได้อย่างง่ายดาย
ขณะที่หลบเลี่ยงนั้น ก็กระโดดไปเกาะบนร่างหญิงสาว โดยใช้กรงเล็บทั้งสี่จิกเข้าไป ซึ่งได้ทิ้งร่องรอยมากมายไว้บนตัว
กรี๊ด!
หญิงสาวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด นางพยายามอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถจับเสี่ยวอู่ไว้ได้ ในทางกลับกันผู้คนต่างหัวเราะดังลั่น และเหยียดว่า: “ห่วยแตก! แค่แมวก็ยังจับไม่ได้”
“ว่าแต่แมวตัวนี้มาจากแห่งหนใดกัน?” มีคนสงสัยที่จู่ๆแมวตัวนี้ก็โผล่มา เหมือนดั่งว่าเป็นศัตรูของสาวกหญิงแห่งตันจง ประหลาดเสียจริง!
หยูนจ้งจิ่นรีบมาในทันทีที่ทราบเรื่อง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็ได้เห็นเสี่ยวอู่ ใจสั่นระรัว เสี่ยวอู่จริงๆด้วย!
หยูนจ้งจิ่นกวาดสายตาไปรอบๆโถงตามสันชาตญาณเพื่อหาตัวจูนจิ่ว และหยูนจ้งจิ่นก็ได้สบตากับจูนจิ่วในระยะไกล มุมปากยกสูงขึ้นพลางยิ้มปรีดาอย่างสุภาพอ่อนโยน หยูนจ้งจิ่นมีความสุขอย่างเต็มเปี่ยมเพราะจูนจิ่วอยู่ที่นี่ด้วย
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่เข้าไปช่วยเสี่ยวอู่รึ?” โม่อู๋เยว่ที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อม จูนจิ่วหันกลับมาทางเขา
เลิกคิ้วพร้อมโค้งริมฝีปาก “เสี่ยวอู่หาได้ต้องการความช่วยเหลือจากข้าไม่”
ได้เห็นเสี่ยวอู่หยอกล้อกับหญิงสาวผู้หนึ่งเฉกเช่นกำลังเล่นละครลิง เพียงแต่ทิ้งรอยข่วนไว้ทั่วตัวนางเท่านั้นเอง หกเดือนที่ผ่านมา เสี่ยวอู่ได้ฝึกร่างกายที่สืบทอดกันมาช้านาน สามารถเทียบได้ถึงนักจิตชั้นสามระดับกลาง นี่ก็เป็นดั่งการหยอกล้อกับหญิงสาว มิได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
โม่อู๋เยว่รู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวอู่ไม่ต้องการความช่วยเหลือ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็บรรลุเป้าหมายของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเงยหน้าขึ้น โม่อู๋เยว่ก็ค่อยๆกวาดสายตาอันโอหังอย่างเหยียดๆ
ฉิ้ง!
เสียงดาบอันแหลมคมถูกชักออกจากฝัก เห็นหญิงสาวชักดาบออกมาพร้อมกับพลังแห่งจิตวิญญาณที่หลั่งไหลเข้าสู่ดาบ ง้างและฟันไปทางเสี่ยวอู่อย่างเหี้ยมโหด หยูนจ้งจิ่นสูดลมหายใจเข้า “เสี่ยวอู่ระวัง!”
เสี่ยวอู่มิได้หลบหลีกแต่อย่างใด เพียงยกอุ้งมือขึ้นและปัดดาบนั้น หญิงสาวมองรอยร้าวที่ดาบอย่างมิอาจเชื่อในสายตา เป็นเช่นนี้ได้เยี่ยงไร? เสี่ยวอู่ส่งเสียงเหมียวเหมียวอย่างภาคภูมิใจ กรงเล็บโผล่ออกมา และตะปบไปที่ดาบอย่างรุนแรง
แก๊ง! เสียงกระแทก——
ภายในโถงประมูล ทุกคนต่างตกตะลึง สติหลุดกันชั่วขณะ และจ้องมองดาบยาวที่หักเป็นสองท่อนหล่นกระทบพื้นอย่างไม่เชื่อสายตา
ดาบนี้ถูกตีขึ้นด้วยเหล็ก! เพียงถูกตะปบโดยแมวตัวหนึ่งกลับหักลงเสียได้ นี่พวกเขาตาพล่ามัว หรือว่ากำลังฝันกลางวันอยู่กันแน่? แต่ไม่ว่าจะขยี้ตาอย่างไร แสงกระทบที่อยู่ตรงหน้าก็ยังคงสว่างไสว นี่ของจริงเป็นแน่
ฟืด!
เสียงหายใจเข้าพร้อมๆกันอย่างเป็นเอกฉันท์ ทุกๆคนมองไปยังเสี่ยวอู่ด้วยความรู้สึกดั่งว่า มันคือปีศาจร้าย นี่มันน่ากลัวมาก ยังเป็นแมวอยู่อีกรึนี่?
“เหมียว ~” เสี่ยวอู่เงยหน้าขึ้นพลางมองไปทางจูนจิ่วอย่างภาคภูมิใจ หางยาวขนปุกปุยสีขาวพลิ้วไหวอย่างร่าเริง ขณะที่ทุกคนกำลังจะมองตามสายตาของเสี่ยวอู่ ทันใดนั้น หญิงสาวก็พุ่งพรวดเข้ามา
ดวงตาที่แดงก่ำ และใบหน้าอันน่ารังเกียจ “ไอ้สัตว์นรก! เอ็งกล้าดียังไงมาทำลายกระบี่ของข้า ข้าจะฉีกเอ็งเป็นชิ้นๆ!”
“เหมียว—-” เสี่ยวอู่หันหน้าไปถ่มน้ำลายใส่หญิงสาวผ่านนิมิต คนหยาบช้าเช่นเจ้า ต่อให้ยันชาติหน้าก็เอาชนะมันไม่ได้
กรงเล็บอันแหลมคมทั้งห้าโผล่ออกมา กะว่าจะสั่งสอนหญิงสาวสักหน่อยเล็กๆน้อย ชายร่างกำยำสองคนเดินเข้ามา จับมือทั้งสองข้างและลากนางออกไป หยูนจ้งจิ่นหน้านิ่วคิ้วขมวดเดินเข้ามา “สร้างปัญหาแก่โรงประมูล แห่งตระกูลหยูน บังอาจนัก!”
“ปล่อยข้า! ตระกูลหยูนของเจ้าหาได้เกี่ยวข้องอันใดไม่ ข้านั้นเป็นถึงสาวกแห่งตันจง พวกเจ้ากล้าหยาบคายกับข้าได้เยี่ยงไร! ปล่อยข้า!” บนใบหน้าของหญิงสาวมีรอยข่วนมากมายนับไม่ถ้วน สีหน้าเคียดแค้นที่ดูไม่ค่อยสู้ดียังคงโอหัง
นางพยายามชี้นิ้วไปยังหยูนจ้งจิ่น เอ่ยว่า: “เจ้าคือผู้ดูแลโรงประมูลใช่หรือไม่? ข้าจะบอกเจ้าให้นะว่า โรงประมูลของพวกเจ้าจักต้องตกเป็นของข้า! หมอเทวดาจูนจิ่วบ้าบออะไร? นักกลั่นยาระดับสามแห่งตันจงนั้นเป็นที่ยอมรับ ทั้งยังถูกประมูลในราคาสูง แต่กลับไม่รับยาของสาวกแห่งตันจง พวกเจ้าคิดต่อต้านพวกเราตันจงเช่นนั้นรึ?”
“ยังมีอีก! เอาไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่มา ข้าจักฆ่ามัน!” พลางจ้องมองเสี่ยวอู่ด้วยความเกรี้ยวกราด หญิงสาวเกลียดมันเข้าไส้ ความเจ็บปวดที่แทรกซึมไปทั่วร่างกาย ยังไม่เท่าหัวใจที่เจ็บจนใจจะขาดดิ้น
เมื่อได้ยินหญิงสาวบังอาจกล่าวคำแย่ๆแก่จูนจิ่ว เสี่ยวอู่ก็ยกกรงเล็บขึ้นพร้อมที่จะพุ่งตัวใส่หญิงสาวปากมาก แต่เสียงของจูนจิ่วก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “เสี่ยวอู่ กลับมาเถิด”
“เหมียว ~”
เจ้าเหมียวที่ป่าเถื่อนเมื่อครู่ กลับกลายเป็นแมวน้อยอ่อนปวกเปียก ดูนุ่มนิ่มน่ารัก เดินคลอเคลียถูไปถูมาร้องเหมียวๆอยู่รอบจูนจิ่ว ทุกคนต่างหันมองทางจูนจิ่วราวกับต้องมนต์
แม่นางผู้นวลละออโฉมยง!
หยูนจ้งจิ่นมองไปยังจูนจิ่วพร้อมรอยยิ้ม พลางเอ่ยว่า: “แม่นางจูนจิ่ว คุณชายโม่” เขาพยักหน้ากล่าวทัก
เมื่อทุกคนได้ยินคำว่าจูนจิ่วนั้น ก็ต่างตกตะลึง จูนจิ่ว? หมอเทวดาจูนจิ่ว! “นางคือหมอเทวดาจูนจิ่วอย่างนั้นรึ?”
“ได้ยินมาว่าหมอเทวดาจูนจิ่วได้เข้าสำนักเทียนอู่จง นางปรากฏตัวที่นี่อยู่บ่อยครั้ง ทั้งยังมีเจ้าแมวตัวนั้น หมอเทวดาจูนจิ่วมิใช่ผู้ที่เลี้ยงดูแมวสีขาวอยู่ตัวหนึ่งหรอกรึ เช่นนั้นจักต้องเป็นนางโดยแท้”
พวกเขายังได้ยินมาว่าหมอเทวดาจูนจิ่วยังสาวยังสวย แต่คำเล่าลือนั้นหาเชื่อถือได้ไม่ จูนจิ่วมิใช่เพียงแค่สวยงาม! เพราะมิอาจมีหญิงใดที่พวกเขาเคยพบเห็นเทียบเคียงนางได้เลย แม้แต่ในตอนนี้ก็มิอาจรู้ได้เลยว่า ในอนาคตนางจะงดงามบานสะพรั่งได้ถึงเพียงไหน
“จูนจิ่วอย่างนั้นรึ!” เสียงแหลมอันแข็งกร้าวดังขึ้นขัดการคาดเดาของทุกคน
จูนจิ่วถ่อมตัวรับคำเหล่านั้น พลางมองไปที่หญิงสาวอย่างเย็นชา หลังจากได้มองไปที่นางอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “เอาล่ะ แม่หญิงจูนจิ่ว! เจ้ากล้าดียังไงปล่อยให้แมวมาข่วนข้า เจ้าหมิ่นตันจงของข้า! ตันจงของข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่! ส่วนโรงประมูลของพวกเจ้า ข้าจักกลับไปฟ้องร้องพวกเจ้า”
“ลากเจ้าหมาบ้านี่ออกไปที” จูนจิ่วละสายตา และมองไปยังหยูนจ้งจิ่นพลางถาม: “พวกหยูนเฉียวเขาอยู่ที่นี่กันแล้วหรือยัง?”
น้ำเสียงเย็นชาสุดขั้ว ต่อล้อต่อเถียงกับหญิงสาวนั้นเสียเวลาเปล่า ถึงเป็นเช่นนั้นก็หาได้มีผู้ใดคิดว่าจูนจิ่วบ้าเกินไป พวกเขาต่างแอบเบ่งบานอยู่ลึกๆในใจ ทั้งยังชื่นชมจูนจิ่วกันอย่างบ้าคลั่ง หากคิดว่าตนนั้นเป็นสาวกแห่งตันจง จักยโสโอหัง แล้วผู้คนจำต้องยอมรับนับถือ ฝันกลางวันอยู่หรือ?
หยูนจ้งจิ่นพยักหน้า “พวกเขาอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว ผู้คุ้มกัน เอาตัวนางออกไปเสีย นับแต่เพลานี้ไป ตระกูลหยูนจักมิร่วมทำการค้ากับนาง หากพบอีกก็ลากออกไปเสีย