บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 261 ใช้ความสง่าสร้างแรงบันดาลใจให้จูนจิ่ว
บทที่ 261 ใช้ความสง่าสร้างแรงบันดาลใจให้จูนจิ่ว
ที่ผ่านมานักค่ายกลขาดแคลนและเห็นได้น้อยมากมาโดยตลอด ที่เห็นนักค่ายกลอู๋จงที่มีชื่อเสียงมีเพียงผู้อาวุโสถูฉีของสำนักหุ้นหยวนและเจ้าสำนักของเจี้ยนจง ก่อนอื่นเป็นการนำเสนอของกลุ่มค่ายกล สุดท้ายคือเปิดค่ายกลเคนโด้และถ่ายทอดให้กับสาวกในสำนักให้เรียนรู้ค่ายกลกระบี่
นักค่ายกลสร้างค่ายกลในแบบของตนเอง สามารถก่อให้เป็นอำนาจพลิกฟ้า และเป็นศัตรูได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นนักค่ายกลได้!
อยากเป็นนักค่ายกล ก่อนอื่นจะต้องมีพลังวิชาที่แข็งแกร่งมาก ประการที่สองพลังจิตที่แข็งแกร่ง มีเพียงก่อเกิดรอยค่ายกลแรกความสำเร็จเท่านั้นถึงจะสามารถสร้างค่ายกลสำเร็จ และค่ายกลที่โม่อู๋เยว่สอนให้กับจูนจิ่วนี้ ต้องใช้รอยค่ายกลร้อยอันพอดีถึงจะสามารถกระตุ้นได้
โม่อู๋เยว่ยืนอยู่ข้างกายจูนจิ่ว พูดขึ้น: “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้าใช้พลังค่ายกลเพียงหนึ่งในร้อยก็เพียงพอที่จะฆ่าพวกเขาได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องสามารถก่อให้เกิดสามรอยค่ายกลพื้นฐานได้ แต่ตอนนี้เวลาก็ไม่เพียงพอ”
แค่เห็นเขายืกมือขึ้นโบก หินทิพย์ชั้นที่สี่เป็นก้อนๆ อยู่ดีๆ ก็ปรากฏประกายเกือบจะทำให้ดวงตาของรอยยิ้มนจิ่วแทบบอด โม่อู๋เยว่เห็นจูนจิ่วหลับตาหลบเลี่ยง ดวงตาของเขาเป็นประกายความสว่างไสวของหินทิพย์ชั้นที่สี่ระยิบระยับสลัวลงทันที เปลี่ยนเป็นแสงที่นุ่มนวล
จูนจิ่วจึงกะพริบตาและลืมตาขึ้น พูดอย่างแปลกใจ: “หินทิพย์ชั้นที่สี่เจ็ดก้อน”
“มีลานฝึกวิทยายุทธเฉียนคุนเป็นศูนย์กลาง นำหินทิพย์ชั้นที่สี่เจ็ดก้อนฝั่งในค่ายกล เช่นนี้เจ้าแค่ต้องก่อให้เกิดเพียงหนึ่งรอยค่ายกลเท่านั้น ก็สามารถกระตุ้นค่ายกลวิญญาณเก้าภพได้สำเร็จ”
“ได้!”
จูนจิ่วพยักหน้าอย่างจริงจัง นางใจจดใจจ่อจ้องไปที่ทิศทางของลานฝึกวิทยายุทธเฉียนคุน เก็บหินทิพย์ชั้นที่สี่ไว้ จูนจิ่วเดินไปโดยรอบลานฝึกวิทยายุทธเฉียนคุนอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวอู่ก้าวเดินตามหลังจูนจิ่ว มันหันกลับไปมองโม่อู๋เยว่ แอบถามจูนจิ่วในใจลึกๆ : “เจ้านาย ทันหรือไม่? ไม่อย่างนั้นเราให้โม่อู๋เยว่ลงมือจัดการโดยตรงเถิด เช่นนี้เจ้านายก็ไม่ต้องลำบากแล้ว”
“ถ้าข้าให้เขาลงมือจัดการ ความตั้งใจของเขาก็สูญเปล่าไม่ใช่หรือ”
เสี่ยวอู่สับสน “เหมียว? ความตั้งใจของโม่อู๋เยว่?”
“เขาแกร่งมาก แต่ตอนนี้เขาพอใจข้าเพียงชั่วขณะ ไม่สามารถรับประกันได้ตลอดชีวิต ต่อให้รับประกันได้ เขาไม่สามารถปกป้องข้าได้ตลอดทุกวินาที สอนค่ายกลให้กับข้าดีกว่า ให้ข้าฝึกเอง” จูนจิ่วชี้ให้เห็นความตั้งใจของโม่อู๋เยว่ เกิดรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากของนาง
โม่อู๋เยว่เป็นผู้ชายที่เผด็จการเอาแต่ใจ แต่ไม่เคยพยายามควบคุมนาง เพียงแค่หยอกล้อให้หลงเสน่ห์อยู่ในขอบเขตเส้นตายของนาง ไม่ออกนอกลู่นอกทาง
ผู้ชายเช่นนี้ แม้แต่ถามตัวเองที่เหี้ยมโหดไม่สนใจความรู้สึกอย่างจูนจิ่ว ยังอดไม่ได้ที่จะชอบเขา!
ก้นบึ้งหัวใจของจูนจิ่วพูดกับเสี่ยวอู่ต่อ: “เขาสอนค่ายกลวิญญาณเก้าภพให้ข้า ยังมอบหินทิพย์ชั้นที่สี่เจ็ดก้อนให้ ความตั้งใจเช่นนี้ ข้าทำให้เขาผิดหวังไม่ได้ ไปเถิดเสี่ยวอู่ เรานำหินทิพย์ชั้นที่สี่เจ็ดก้อนฝั่งในค่ายกก่อน”
“เหมียว~เสี่ยวอู่เข้าใจแล้ว โม่อู๋เยว่เป็นคนดี!”
“คนดี? พุ๊” จูนจิ่วหัวเราะมีเสียง ส่ายหัวเดินหน้าต่อไป นางเดินไปพร้อมกับฝึกทำท่าประสานมือเจว๋อีกด้วย พยายามรวบรัดให้ได้รอยค่ายกลแรก โม่อู๋เยว่ได้บีบอัดความต้องการสร้างค่ายกลอย่างไม่สิ้นสุดแล้ว นางจำเป็นต้องกลั่นรอยค่ายกลแรกออกมาด้วยตนเอง
กำลังแรงอยู่ที่รอยค่ายกลทั้งหมด ดังนั้นจูนจิ่วไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางที่ลึกซึ้งลุ่มลึกในเวลาอันสั้นของโม่อู๋เยว่
จ้องมองจูนจิ่วและเสี่ยวอู่ตรงหน้า แสงสีทองที่เป็นอันตรายกะพริบอย่างรวดเร็วในดวงตาสีเข้ม เส้นขอบปากน่าหลงใหล เย้ายวนเผยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์และมีความหมายลึกลับ เขาพูดเสียงเบา: “คนดี? เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ข้าไม่ใช่คนดี”
ถูกต้อง~ความจริงแล้วโม่อู๋เยว่คอยฟังเสียงสนทนาจากก้นบึ้งหัวใจของจูนจิ่วและเสี่ยวอู่ตลอดเวลา ก่อนที่จะแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่ได้ปกปิด
เวลาผ่านไปทีละนิด ผู้คนหลายร้อยคนถูกสังหารลานฝึกวิทยายุทธเฉียนคุน กลิ่นเลือดสดฉุนถูกลมเป่าออกจากลานฝึกวิทยายุทธ สำลักจนจูนจิ่วขมวดคิ้ว ในขณะเดียวกันความเร็วก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ
หินทิพย์ชั้นที่สี่เจ็ดก้อนฝังอยู่รอบลานฝึกวิทยายุทธเฉียนคุน ขณะที่ทำสิ่งนี้ จูนจิ่วต้องเร็ว! ให้ทหารหน่วยกล้าตายเทียงฉิวรู้ไม่ได้ ต่อมา นางก็ยังไม่สามารถกลั่นรอยค่ายกลแรกออกมาได้ ไม่สามารถเริ่มค่ายกลพลิกฟ้าได้!
“ธูปดอกที่สามหมดลงแล้ว ฆ่า!”
เสียงตะโกนที่เลือดเย็นและโหดร้ายดังมาที่ลานฝึกวิทยายุทธ ยกมีดฟาดฟันมีเลือดสาดกระเซ็นอีก เสียงร้องไห้ขอความเมตตาคร่ำครวญไม่หยุดหย่อน จูนจิ่วกัดฟัน โธ่เอ๊ย!
นางไม่สนใจความเป็นความตายของผู้อื่น แต่เหล่าสาวกสำนักเทียนอู่จง ยังมีพวกหยูนจ้งจิ่นพวกเขาเป็นคนของนาง ตอนนี้ขั้นด้วยเพียงแค่ลานฝึกวิทยายุทธ นางไม่รู้ว่าคนข้างในที่ตายมีหยูนจ้งจิ่นด้วยหรือไม่ หรือสาวกของสำนักเทียนอู่จง จูนจิ่วโมโหแล้ว!
นางไม่รู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้มานานแล้วแต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย นางสามารถวางยางสลบให้พวกเขาล้มได้ แต่ยาสลบไม่แบ่งศัตรูหรือพวก ยาทำให้ทหารหน่วยกล้าตายเทียงฉิวล้มแล้ว ยังจะมีคนอื่นๆ ประสบหายนะด้วยเช่นกัน ถึงตอนนั้นอาศัยแค่นาง ยังมีชิงหยู่และคนอื่นๆ ที่บาดเจ็บ ไม่มีทางที่จะเคลื่อนย้ายทุกคนออกไปจากข้างในได้
หงยิงเป็นนักจิตใหญ่ สิ่งนี้คืออำนาจอันทรงพลังที่จูนจิ่วไม่เคยสัมผัสมาก่อน นางไม่รู้ว่ายาสลบ ยาพิษของตนเองจะสามารถทำให้นางล้มได้หรือไม่ ดังนั้นไม่มีทางเลือกอื่น มีเพียงค่ายกลวิญญาณเก้าภพมีผลเร็วที่สุด!
เมื่อครู่จูนจิ่วคิ้วขมวด มือหนึ่งยื่นมานวดคิ้วที่ขมวดของนางให้เรียบด้วยแรงที่อ่อนโยน
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์~~” นิ้วของโม่อู๋เยว่เลื่อนลงไปที่ใบหน้าของจูนจิ่ว สุดท้ายจับคางนางไว้ยกเงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับเขา
มุมปากของโม่อู๋เยว่ด้วยส่วนโค้งที่เย้ายวนชวนคนหลงใหล ดวงตาสีเข้มคู่หนึ่งระยิบระยับด้วยลำแสงสีทองราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า สามารถดึงดูดวิญญาณของมนุษย์เข้าไป คำว่าปีศาจ เหมาะที่จะเปรียบเปรยกับโม่อู๋เยว่มากที่สุด! เขาไม่เพียงแค่มีรูปร่างเหมือนปีศาจ ยังแข็งแกร่งเหมือปีศาจด้วย!
โม่อู๋เยว่พูดขึ้น: “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“อะไร?”
“ความสง่างามตรงหน้า ผ่อนคลายลงบ้างหรือไม่” จูนจิ่วผงะ! นี่คือคำพูดที่ออกจากปากโม่อู๋เยว่หรือ? เขากำลังเปรียบเทียบตัวเองกับภัยพิบัติของประเทศชาติงั้นหรือ?
ที่ที่โม่อู๋เยว่จับคางของนาง ทันใดนั้นเหมือนไฟที่โหมกระหน่ำ เผาไหม้ทั่วร่างกายตั้งแต่คาง หัวใจที่ร้อนรุ่มของจูนจิ่วเต้นเร็วขึ้น ติ่งหูก็แดงแล้ว เหมือนกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอีกด้วย ขาอ่อนแรงยวบยาบเล็กน้อย
ถอยหลังก้าวหนึ่งทันที จูนจิ่วไอแห้ง “ข้ารู้สึกแล้ว!”
สวั๊บหันออกห่างจากโม่อู๋เยว่เพียงไม่กี่ก้าว จูนจิ่วทำท่าประสานมือเจว๋กลั่นรอยค่ายกล พร้อมกับพึมพำในก้นบึ้งหัวใจ: “อู๋เยว่ยั่วยวนคนยิ่งกว่าปีศาจจิ้งจอก สมกับที่เป็นปีศาจอย่างงั้นหรือ?”
“เหมียว! สำเร็จแล้ว!” เสียงอุทานแห่งความสุขของเสี่ยวอู่ดังมาที่ข้างหู จูนจิ่วก้มหน้า จึงพบว่านางกลั่นรอยค่อยกลแรกออกมาสำเร็จแล้ว มีรอยค่ายกลสีดำหนึ่งโบยบินวนเวียนอยู่ระหว่างนิ้ว รอยค่ายกลสำเร็จแล้ว นางสามารถเริ่มค่ายกลวิญญาณเก้าภพได้แล้ว!
จูนจิ่วรีบทำท่าประสานมือเจว๋เริ่มค่ายกล เสี่ยวอู่มองจูนจิ่วที่ดีใจอย่างมีความสุข หันไปมองโม่อู๋เยว่อีกครั้งดวงตาของแมวก็ประกายด้วยความตกใจ
ความจริงแล้วความสง่างามสามารถใช้ประโยชน์ได้ ได้รับความรู้แล้ว!
เหลิ่งยวนซึ่งอยู่ในอารมณ์เดียวกับเสี่ยวอู่ไม่ได้รู้สึกได้รับความรู้ เขารู้สึกแค่สามทัศนคติจะแตกร้าวอยู่แล้ว เจ้านายถึงกลับใช้ความสง่างามสร้างแรงบันดาลใจให้หญิงสาว มหัศจรรย์มาก!สิ่งสำคัญก็คือสำเร็จแล้ว
ฟิ้ว!
ตาเปล่าสามารถมองเห็นระลอกคลื่นเหมือนคลื่นน้ำในอากาศ คลื่นกระเพื่อมเป็นวงกลมเพื่อกักขังลานฝึกวิทยายุทธเฉียนคุนไว้ ฉากกำบังที่มองไม่เห็นเปิดออก ล้อมรอบลานฝึกวิทยายุทธเฉียนคุนไว้ทั้งหมด ตามด้วยหมอกทึบๆ ลอยขึ้นรอบๆ
ในหัวของจูนจิ่วพลิกเปิดความรู้ของค่ายกลวิญญาณเก้าภพ นางพูดอย่างเย็นชา: “วิญญาณแห่งสงครามอยู่ที่ใด!”
รอยค่ายกลกระพือที่ปลายนิ้ว หมอกทึบด้านหลังจูนจิ่วกลิ้งเข้าด้วยกันเป็นร่างโปร่งแสง พวกมันถือหอกขวานในมือ…