บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 267 สมบัติของเทียงฉิว
บทที่ 267 สมบัติของเทียงฉิว
เทียงฉิวเดิมเป็นองค์กรที่สร้างสำนักศึกสามทั้งสาม หงยิงคือสาวกสำนักศึกสามทั้งสามเป็นเรื่องปกติมาก ดังนั้นทุกคนมองไปที่ผู้อาวุโสวู ไม่เข้าใจว่าที่เขาพูดหมายความว่าอย่างไร?
ผู้อาวุโสวูพูดต่อ: “สำนักศึกสามทั้งสาม เทียนซู จื่อเซียว ไท่ชู ข้าตรวจสอบชัดเจนแล้วว่าหงยิงคือสาวกโดยตรงของเจ้าสำนักสำนักศึกษาเทียนซู”
ทุกคนสีหน้าแย่ลงในทันใด หรือว่าสถานะของหงยิงในเทียงฉิวนั้นสูงศักดิ์แม้แต่ผางชิงเยว่ผู้อาวุโสคนที่สามของเทียงฉิวที่ตายไปยังต้องคำนับและเรียกว่าคุณหนูหงยิง ความจริงแล้วนางก็คือศิษย์ของเจ้าสำนักเทียนซู
“ตอนนี้เข้าใจทุกอย่างแล้ว หงยิงหนีไปด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส มีความไม่พอใจฉะนั้นจึงกดดันเจี้ยนจงพวกเขา ล่อเจี้ยนจง ตานจงและชางไห่จงจัดการกับพวกเรา เกรงว่าสิ่งแรกคือส่งมอบตัวจูวจิ่วให้ สิ่งที่สองคือทำลายสำนักเทียนอู่จงของเรา มีทั้งสองจุดประสงค์!” โจวเตี๋ยพูด
ชิงหยู่พูดขึ้น: “นอกจากปัจจัยกดดันแล้ว พวกเขายังมีความต้องการเอาใจหงยิงอีกด้วย”
โลกชั้นต่ำสามชั้น แบ่งออกเป็นสามภูมิภาคบนแผ่นดินใหญ่ หนึ่งในนั้น ก็คืออาณาจักรทั้งสิบประเทศของพวกเขาทั้งห้าสำนัก ข้างบนมีห้าสำนัก ข้างล่างมีสิบประเทศ
แต่มากกว่าห้าสำนัก อยู่เหนืออีกสองภูมิภาค คือสำนักศึกสามทั้งสาม! ทั้งห้าสำนักครองสิบประเทศ แต่เมื่อตรงหน้าสำนักศึกสามทั้งสามยังต้องก้มหัว ไม่กล้าสร้างปัญหา แต่สำนักศึกสามทั้งสามไม่ใช่จุดสูงสุดของโลกชั้นต่ำสามชั้น ยังมีจวนหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ด้านบน
มันเหมือนกับหอคอยหลังหนึ่ง ยิ่งขึ้นสูงยิ่งแกร่ง โลกกว้างไกลกว่าสิ่งที่เจ้าสามารถมองเห็นและรับรู้ มันกว้างไร้ขอบเขต และทรงพลังราวกับต้นไม้ที่สูงตระหง่าน ทุกคนกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อปีนขึ้นไป!
ชิงหยู่บีบกลางคิ้ว น้ำเสียงอ่อนล้า เขาพูดต่อ: “ยังไม่พูดถึงหงยิง ในเมื่อนางกดดันให้สามสำนักจัดการกับเรา ในระยะเวลาอันสั้นนางไม่มีทางลงมืออีกอยากนางบาดเจ็บสาหัสมีใจแต่ไร้เรี่ยวแรง จัดการเจี้ยนจงพวกเขาก่อนเถิด”
“เจ้าสำนักอยากทำอย่างไร?”
“พวกเขาอยากทำลายสำนักเทียนอู่จงของเรา งั้นเราก็ทำลายพวกเขาก่อน” เสียงของจูนจิ่วดังมาในตำหนัก ทุกคนหันหน้าไปมองด้วยความตะลึงพร้อมกัน
“ศิษย์น้อง!” ชิงหยู่ลุกขึ้น ก้าวเท้ายาวไปตรงหน้าจูนจิ่ว เขาทั้งประหลาดใจและดีใจ พูดอย่างตื่นเต้น: “ศิษย์น้องเจ้าตื่นแล้ว? ยังมีที่ใดไม่สบายตัวหรือไม่ ข้าไปเรียกนักกลั่นยา เจ้าไม่ต้องพูดอะไร ศิษย์พี่รู้ว่าเจ้าคือนักกลั่นยา แต่ตอนนี้เจ้าบาดเจ็บควรพักฟื้น ก็อย่างลำบากเลย”
“ใช่ จูนจิ่วเจ้าควรกลับไปพักผ่อนให้ดี!” ผู้อาวุโสโจวเตี๋ยพูดขึ้นทันที
เหอซ่านมองไปที่จูนจิ่วด้วยน้ำตาคลอเบ้า เห็นในที่สุดนางก็ตื่นแล้วหินใหญ่ในใจวางลงได้ทันที เหอซ่านเดินมาพูดขึ้น: “แม่นาย ท่านกลับไปพักผ่อนเถอะ ที่นี่มีพวกข้า!”
“มีพวกเจ้า?” จูนจิ่วหัวเราะเบาๆ นางลูบเสี่ยวอู่ด้วยปลายนิ้วและเดินไปรอบๆ ผู้คนในตำหนัก
ด้วยความเย็นชา จูนจิ่วพูดขึ้น: “หากข้าไม่มาตำหนักเป่าถัง พวกเจ้าก็จะปิดบังข้าไปตลอดใช่หรือไม่? สำนักเทียนอู่จงมีปัญหา ข้าในฐานะอาจารย์อาของสำนักเทียนอู่จง มีหน้าที่ดูแลปกป้องสำนักเทียนอู่จง ข้าไม่ใช่ดอกไม้บอบบางที่จำเป็นต้องมีคนมาปกป้อง”
ทุกคนสำลัก เต็มไปด้วยความลังเล
ชิงหยู่: “ศิษย์น้อง เจ้าทำเพื่อสำนักเทียนอู่จงมามากแล้ว! ห้องลงโทษ ที่ลานฝึกวิทยายุทธเฉียนคุนเจ้าช่วยพวกเราทุกคน ตอนนี้ถึงเวลาที่ศิษย์พี่และสำนักเทียนอู่จงปกป้องเจ้า ไม่มีทางปล่อยให้หงยิง ทำให้สามสำนักทำร้ายเจ้า!”
“งั้นศิษย์พี่ลองพูดดู ท่านอยากจัดการเรื่องนี้อย่างไร?” จูนจิ่วถาม
ชิงหยู่ตอบออกมาได้ที่ไหนล่ะ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก! เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของสำนักเทียนอู่จง ไม่มีผู้ใดกล้าตัดสินใจอย่างง่ายดาย
ภายในทั้งห้าสำนัก เจี้ยนจงแข็งแกร่งที่สุด! ชางไห่จงแม้ว่าจะเป็นผู้หญิง แต่อย่าประมาท ตานจงมียาสำหรับสนับสนุนเจี้ยนจงและชางไห่จง ยังสามารถเรียกคนทั้งโลกด้วยยา เป็นมิตรที่ดีกับนักกลั่นยา เชื่อว่าตานจงแค่เรียกหลายคนยินดีที่จะเข้าร่วมสงครามปราบปรามครั้งนี้ สามสำนักต่อหนึ่งสำนัก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอ่อนแอ
เมื่อจูนจิ่วมองท่าทางของชิงหยู่ก็เข้าใจแล้ว นางยกมุมปากอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก้เป็นไปตามที่ข้าพูด ทำลายพวกเจี้ยวจงทั้งสามสำนัก”
“แม่นาย นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก” สีหน้าตกใจของเหอซ่างดสับสนมาก
“ข้ารู้นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่ในเมื่อข้าพูดเช่นนี้ ก็จะต้องทำได้แน่นอน! เมื่อไม่มีเจี้ยนจง ตานจงและชางไห่จง สำนักหุ้นหยวนไม่เป็นศัตรูกับเรา หงยิงยังจะใช้ผู้ใดได้อีก?” ขณะที่จูนจิ่วพูด ความทรงจำในสมองนึกถึงดวงตาสีแดงของหงยิง
ดวงตาเป็นประกาย เย็นชาและอาฆาต จูนจิ่ว: “หงยิงมาอีกครั้ง ข้าจะฆ่านางทันที! นางมีโอกาสหลบหนีเพียงครั้งเดียว ใช้ไปแล้ว”
พลังที่แหลมคมและเยือกเย็นแพร่ไปทั่ว ทำให้ทุกคนในตำหนักสั่นสะท้าน ทุกคำที่จูนจิ่วพูดนั้นจริงจัง!
ใขณะที่พวกเขาเงียบไปสักพักและไม่รู้จะพูดอะไร จูนจิ่วเงยหน้ามองเหอซ่านพูด: “ผู้อาวุโสเหอซ่าน ข้าอยากถามเรื่องหนึ่ง เทียงฉิวจับจูนหยูนเสวี่ยเพื่อขู่กองทัพเย่สิง พวกเขาอยากทำอะไรกันแน่?”
เมื่อได้ยินคำนี้ ชิงหยู่รีบพูดขึ้น: “ผู้อาวุโสทั้งหลายพวกข้าออกไปจัดการธุระของสำนักเทียนอู่จงก่อน ศิษย์น้อง ท่านเหอพวกเจ้าไม่ต้องมาแล้ว”
พูดอยู่ ชิงหยู่รีบออกไปพร้อมกับเหล่าผู้อาวุโส เว้นช่องว่าให้จูนจิ่วและเหอซ่านได้คุยกันตามลำพัง เกี่ยวข้องกับกองทัพเย่สิงและความลับของจูนจิ่ว พวกเขาไม่มีเจตนาที่จะต้องรู้ และไม่ต้องการให้มีความขุ่นเคือง
จูนจิ่วเชิญเหอซ่านนั่งลง จากนั้นรอเขาตอบ
โจ่ฉีรีบกลับไปที่เจี้ยนจง พยายามป้องกันไม่ให้เจี้ยนจงโจมตีสำนักเทียนอู่จง ดังนั้นที่นี่จึงเหลือเหอซ่านคนเดียวที่รู้ แต่เหอซ่านก็ยังมีเครื่องหมายคำถามและไม่เข้าใจ
เขาพูดขึ้น: “สิ่งที่เทียงฉิวต้องการคือสมบัติล้ำค่ามากชิ้นหนึ่ง! แต่ของสิ่งนี้ ผู้นำทุกคนของพวกเรากองทัพเย่สิงไม่เคยเห็น เพียงแค่หงยิงพูดคำเดียวว่า สมบัติชิ้นนี้ต้องอยู่ในมือพวกเราแน่ ฉะนั้นจึงให้คนจับจ้องพวกเรา”
“ต่อมาจูนหยูนเสวี่ยได้แทนที่แม่นายท่านเผยแพร่ชื่อเสียงออกไป จึงทำให้เทียงฉิวตัดสินใจจับนางและขู่ให้เรามอบสมบัติออกมา แต่พวกเราไม่รู้จริงๆ! อีกอย่าง สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติมีเพียงของที่แม่ทัพและฮูหยินทิ้งไว้ให้ท่าน”
ได้ยินดังนั้น จูนจิ่วเลิกคิ้ว “บางทีสมบัติที่เทียงฉิวต้องการ ก็คือสิ่งที่อยู่ในสิ่งเหล่านี้”
เหอซ่านตะลึง พบว่าที่จูนจิ่วพูดมีเหตุผล! เขาลืมไปเลย ยังมีสิ่งนี้ด้วย เทียงฉิวรู้ว่าสมบัติชิ้นนี้ต้องผ่านแม่ทัพและฮูหยิน ฉะนั้นสมบัติเป็นไปได้มากว่าจะเก็บไว้ในของที่ให้จูนจิ่ว
แต่สิ่งนั้นจะเป็นอะไร?
จูนจิ่วถามต่อ: “ของที่พวกเขาทิ้งไว้ให้กับครอบครัวของจูนหยูนเสวี่ยทั้งหมดเลยหรือ?”
“ไม่ๆ สมบัติที่แม่ทัพและฮูหยินทิ้งไว้ เพียงพอแค่แม่นายท่านใช้ทั้งชีวิต สมบัติในมือของจูนหยูนเสวี่ย แค่เพียงส่วนน้อยเท่านั้น” เหอซ่านพูด
“แล้วที่เหลืออยู่ที่ใด?”
“สมบัติถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนจัดเก็บแยกกัน กุญแจข้าและโจ๋วชิว ยังมีสวีฉี่ยู่นมีคนละดอก แย่แล้ว!” เหอซ่านลุกขึ้นอย่างกะทันหัน สีหน้าย่ำแย่มาก เขามองไปที่จูนจิ่ว ทั้งเครียดและโมโหโทษตัวเอง
เหอซ่านพูด: “สวีฉี่ยู่นเคยถูกหงยิงจับตัวสอบปากคำ กุญแจจะต้องถูกเอาไปแล้วแน่ๆ! คราวนี้แย่แล้ว!”
“คลังสมบัติอยู่ที่ใด? ไปดูก่อนค่อยว่ากัน”