บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 271 ถ่ายทอดคำสั่งทั้งบนล่างสำนักเจี้ยนจง
บทที่ 271 ถ่ายทอดคำสั่งทั้งบนล่างสำนักเจี้ยนจง
เหยียนไห่?
ผู้อาวุโสชางไห่จงหัวเราะพลางหันไปทางเจ้าสำนักเจี้ยนจง ปริปากถามว่า “ได้ยินมาว่าเหยียนไห่ผู้นี้เป็นหลานของผู้อาวุโสใหญ่เจี้ยนจง พรสวรรค์โดดเด่น เป็นชายหนุ่มรูปงามผู้มีเคล็ดวิชากระบี่ยอดเยี่ยมเหนือธรรมดา ไฉนวันนี้จึงไม่เห็นเขากันเล่า”
ผู้อาวุโสใหญ่แห่งเจี้ยนจงได้ล่วงลับไปตั้งนานแล้ว ด้วยเหตุนี้เจ้าสำนักเจี้ยนจงเลี้ยงดูปูเสื่อเหยียนไห่จนเติบโตมาด้วยตัวเอง ดังนั้นเหยียนไห่จึงมีเคล็ดวิชากระบี่อันเฉียบแหลมดุดันก่อนหน้าที่จะเข้าสู่สำนักเจี้ยงจง เมื่อได้ยินดังนี้ เจ้าสำนักเจี้ยนจงจึงเบือนหน้าหันไปถามไถ่ลูกศิษย์
จากนั้นเขาพลันตอบว่า “เหยียนไห้เด็กคนนี้ไม่ค่อยสบายตัวจึงกลับไปพักผ่อนแล้ว ในเมื่อท่านชางไห่จงอยากจะพบหน้าค่าตา เช่นนั้นก็ให้เหยียนไห่เข้ามาสักเที่ยวเสีย”
“ไม่ได้!” กูซูหยิงลุกพรวดพราดขึ้นยืนจากที่นั่งอย่างกะทันหัน ชั่วขณะนั้นนางมีอาการว้าวุ่นสับสน แม้จะปิดซ่อนอย่างรวดเร็วก็ยังถูกชางไห่จงและเจี้ยนจงสังเกตเห็นเข้าจนได้
เผชิญหน้ากับสายตาที่ทยอยมองมาที่นาง กูซูหยิงรีบร้อนอธิบาย “ในเมื่อเหยียนไห่เจ็บป่วยไม่สบายแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ต้องเรียกเขาหรอก รอให้เขาพักผ่อนเต็มที่แล้ว พวกเราค่อยพบกันใหม่ในวันพรุ่งนี้ก็มีค่าเท่ากัน ผู้อาวุโสท่านว่าถูกต้องหรือไม่” กูซูหยิงหันหน้าไปมองผู้อาวุโสชางไห่จงด้วยความหวังริบหรี่
จักปล่อยให้พวกเขาไปพบเหยียนไห่มิได้เป็นอันขาด!
เมื่อครั้นการคาดเดาของนางแม่นยำ การไปหาเหยียนไห่ในตอนนี้ก็จักเผยพิรุธแล้ว นางต้องปกป้องเหยียนไห่ พวกเขาเป็นสหายกันมานานหลายปี ไหนจะกองทัพเย่สิงอีก พวกเขาเป็นคนของจูนจิ่ว จูนจิ่วช่วยชีวิตนางเอาไว้นางก็ควรตอบแทนเช่นเดียวกัน
กูซูหยิงรู้ว่าการตอบสนองของตนมันมากเกินไป แลดูน่าสงสัย นางจึงกล่าวเสริมอย่างระวาดระไว “พวกเรามิได้รีบร้อนในตอนนี้ มิใช่หรือ”
ผู้อาวุโสชางไห่จงนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำแล้วมองทางกูซูหยิงอย่างเย็นชา เจ้าสำนักเจี้ยนจงเอ่ยปาก “ไปเรียกเหยียนไห่เข้ามา”
หมดกัน!
สีหน้าของกูซูหยิงขาวซีดลงทันใด ขณะที่ลุกศิษย์กลับมาอย่างรวดเร็วแล้วแจ้งว่าเหยียนไห่ไม่อยู่ในห้อง สายตาดุกร้าวทั่วสนามก็มองไปทางกูซูหยิงอีกครั้ง เพียงแต่ไม่ต้องให้พวกเขาซักไซ้กูซูหยิง เมื่อครั้นศิษย์ที่กลับมารายงานบอกว่าเหยียนไห่ไปพบโจ๋วชิว เจ้าสำนักเจี้ยนจงพลันหยัดกายลุกขึ้นทันที
เขากล่าวด้วยสีหน้าอึมครึม “ถ่ายทอดคำสั่งทั่วบนล่างสำนักเจี้ยนจง ข้าต้องการทราบเบาะแสที่อยู่ของรองเจ้าสำนักเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ!”
“กูซูหยิงเจ้ารู้อะไรบ้าง” ผู้อาวุโสชางไห่จงมองไปที่กูซูหยิงอย่างเย็นยะเยือก
กูซูหยิงก้มหน้างุด ส่ายหน้าเต็มแรง นางปริปากเอ่ยว่า “ข้าทราบเพียงแต่เหยียนไห่ไม่อยู่ในห้อง อย่างอื่นข้าไม่ทราบทั้งนั้นเจ้าค่ะ”
“จริงหรือ?”
“เจ้าค่ะ กูซูหยิงมิกล้าปิดบังผู้อาวุโสเด็ดขาด ผู้อาวุโส ไม่เช่นนั้นให้ข้าไปช่วยตามหารองเจ้าสำนักด้วยเช่นกันเถิด?” กูซูหยิงกล่าวอย่างระมัดระวัง
“เจ้าอย่าได้คิดไปไหนทั้งนั้น! เจ้าคิดหรือว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าอยากไปแจ้งข่าวเหยียนไห่? ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ โจ๋วชิวเป็นคนของกองทัพเย่สิง และก็เป็นศัตรูของพวกเราด้วย! หากเข้าส่งตัวจูนจิ่วยอมรับโทษ พวกเรายังพออภัยให้เขาได้ ถ้าหากเขาคิดช่วยจูนจิ่ว…แม้ว่าเขาจะเป็นรองเจ้าสำนักเจี้ยนจง ทั้งบนล่างของเจี้ยนจงก็มิอาจปล่อยเขาไปได้ทั้งนั้น! นับประสาอะไรกับชางไห่จงอย่างข้า”
ได้ยินผู้อาวุโสชางไห่จงกล่าวเช่นนี้ กูซูหยิงก็อดโต้แย้งมิได้ “แต่ว่าจูนจิ่วไม่ใช่ศัตรูของพวกเรา นางช่วยชีวิตศิษย์ของชางไห่จงและเจี้ยนจงในการแข่งขันทั้งห้าสำนักเชียวนะ!”
เพียะ!
ฝ่ามือหนึ่งลอยสะบัดใส่กูซูหยิง ร่วงฟุบลงกับพื้นเสียงดังตุบจนใบหน้าบวมเป่งในชั่วขณะ มุมปากยังมีคราบเลือดไหลซิบออกมาด้วย
ผู้อาวุโสชางไห่จงกล่าวอย่างพิโรธ “ช่วยชีวิต? จูนหยูนเสวี่ยศิษย์สายตาของสำนักเจี้ยนจงตายในสำนักเทียนอู่จง ท่านชิงแห่งชางไห่จงของข้าก็ตายในสำนักเทียนอู่จงเช่นเดียวกัน แล้วไหนจะศิษย์ชั้นยอดนับไม่ถ้วนอีกเล่า! สำนักเทียนอู่จงกับจูนจิ่วก็คือนักโทษ พวกเขาจักต้องชดใช้ด้วยชีวิต! ส่วนเจ้าถ้าหากซาบซึ้งที่จูนจิ่วช่วยชีวิตแพศยาอย่างเจ้าไว้ขนาดนี้ ก็ไสหัวออกไปจากชางไห่จงของข้าเสีย คนทรยศ!”
เรียวปากของกูซูหยิงสั่นระริก นางทาบพวงแก้มที่บวมเป่งพลางก้มหน้างุด ไม่กล้าพูดอีกสักประโยค
สำนักเจี้ยนจงทั้งบนล่างต่างตามหาโจ๋วชิว แต่เวลานี้พวกเขายังไม่รู้ ภายในห้องลับจูนจิ่วกำลังยื่นมือออกมาหยิบอาวุธลับที่รูปร่างคล้ายลูกดอกพุ่งแหลนชุดหนึ่งออกมาสำรวจ โจ๋วชิวเห็นเข้าก็รีบเดินเข้ามาแนะนำให้จูนจิ่วทราบโดยละเอียด
โจ๋วชิวกล่าวว่า “นี่คือลูกดอกใบหลิว รูปร่างคล้ายใบหลิวเบาบางไม่เสียความคมกริบ ต่อให้ไม่ใช่นักจิต ขอเพียงรู้วิถีลูกดอกเป็นอย่างดี ก็สามารถร่ายสำแดงพลังมหาศาลออกมาได้”
จูนจิ่วพยักหน้า วางลูกดอกใบหลิวลงแล้วมองไปทางม้วนตำราหนังแกะหนาเตอะเล่มหนึ่ง โจ๋วชิวกล่าวว่า “นี่คือเพลิงวิทยายุทธที่แม่ทัพเคยฝึกฝน เกรี้ยวกราดประหัตประหาร ดุดันยิ่งนัก! แต่ว่ามันไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงอย่างนายน้อยจะฝึกฝนเท่าใดนัก”
จูนจิ่วพลิกอ่านดูแล้วก็วางมันกลับไปอีกครั้ง โจ๋วชิวเห็นจูนจิ่วมองสำรวจทีละอัน ก็รู้ว่าจูนจิ่วกำลังหาสมบัติชิ้นนั้นที่เป็นไปได้ว่าอาจจะอยู่ในนี้ ด้วยเหตุนี้นอกจากแนะนำแล้ว โจ๋วชิวก็ไม่ได้เอ่ยปากขนาดหายใจยังค่อยๆ ปรนลมออกมาเลยทีเดียว เพื่อเลี่ยงมิให้กระทบถึงจูนจิ่วได้
กรุ้งกริ้งๆ!
เสียงก้องกังวานดังขึ้นภายในห้องลับ จูนจิ่วก้มหน้าลงไปมอง เห็นเพียงแต่เสี่ยวอู่ควักลูกบอลสีทองขนาดเล็กออกมาจากใต้ตู้ ด้านในมีของบางอย่างที่จะส่งเสียงกรุ้งกริ้งยามที่กลิ้งไปมา เสี่ยวอู่ชูบั้นท้ายวิ่งไปวิ่งมาไล่ตามลูกบอลเล็กอยู่ในห้องลับ
มุมปากโค้งงอ จูนจิ่วมองอย่างเอ็นดูแวบหนึ่ง ก่อนละสายตากลับมามองสำรวจข้าวของมหาศาลในห้องลับต่อ มองดูจวบจนบัดนี้ นางมิได้ค้นพบข้าวของที่สามารถดึงดูดพวกเทียนฉิวเลยแม้แต่ชิ้นเดียวด้วยซ้ำ
แต่โกดังสมบัติที่มีเหอซ่านและโจ๋วชิวคอยเฝ้ายามอยู่นั้น นางก็ได้ตรวจสอบมาหมดแล้ว ไม่ได้มีของที่ผ่านเกณฑ์เลยสักชิ้น! นางกลัวว่าตัวเองจะมองจนตาฝาด ซ้ำลากโม่อู๋เยว่เข้ามาดูด้วยกันอีกด้วย ผลลัพธ์คือโม่อู่เยว่ตอบนางด้วยความเย่อหยิ่งและแสนรังเกียจหนึ่งประโยคว่า นี่มันขยะทั้งเพ!
ถ้าหากไม่อยู่ที่นี่ แล้วมันไปไปอยู่ไหนได้ หรือจะอยู่ในโกดังสมบัติที่ว่างกลวงในเทียนฉิวแห่งนั้นกันเชียว? ถ้าหากเป็นเช่นนี้ก็คงแย่บัดซบ
ลูกบอลสีทองขนาดเล็กกลิ้งมายังแทบเท้าของจูนจิ่ว นางโน้มเอวลงไปเก็บขึ้นมาหมายจะโยนผลุงออกจากมือ เสี่ยวอู่รีบพุ่งปราดเข้ามาเคล้าคลอวนรอบข้างเท้าของจูนจิ่วอย่างออดอ้อวน ส่งเสียงร้องเหมียวๆ อย่างเบิกบานสำราญใจ
สัตว์จำพวกแมวไม่มีแรงต้านทานต่อลูกบอกขนาดเล็กโดยธรรมชาติ นัยน์ตาวิฬารกลมโตคู่นั้นเปี่ยมด้วยความโหยหา มันต้องการเล่นสนุกกับจูนจิ่ว
หัวเราะอย่างเอ็นดูเล้กน้อย จูนจิ่วยกมือขึ้นกำลังจะปาลูกบอลสีทองขนาดเล็กออกไป เพียงแต่วินาทีที่ยกมือขึ้นนั้น ด้านในมีของบางอย่างสว่างวูบแยงตาจูนจิ่ว “หืม?” จูนจิ่วชักมือกลับมาสำรวจลูกบอลสีทองขนาดเล็กในมือ
นางมองไปทางโจ๋วชิว “นี่คืออะไร?”
“นี่ไม่ใช่ของเล่นของเสี่ยวอู่หรอกหรือ” โจ๋วชิวทำหน้าเหลอหลา เห็นได้ชัดว่าไม่รู้จักว่าของสิ่งนี้คืออะไร เห็นว่าปฏิกิริยาของเขาดูไม่คล้ายเสแสร้ง ดวงตาของจูนจิ่วพลันฉายแววพิศวงลับผ่านไป
“เหมียว?” เสี่ยวอู่เอียงคออย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ จูนจิ่วถึงไม่เล่นกับมัน ซ้ำยังมองสำรวจลูกบอลสีทองขนาดเล็กลูกนี้อีกด้วย เสี่ยวอู่กวาดรอบบริเวณ ขยับกรงเล็บกระโจนขึ้นไปบนชั้นวางของเต้มแรง เดินไปสองสามก้าวหยุดอยู่ข้างกายจูนจิ่วชะโงกหน้าเข้าไปก็เกยบนไหล่ของจูนจิ่วได้พอดี
เสี่ยวอู่มองเห็นลูกบอลสีทองในระยะประชิด เหยียบย่ำบนชั้นโดยสัญชาตญาณอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้ พุ่งพรวดหมายจะตะปบลูกบอลสีทองออกไปเล่น เพียงแต่เห็นว่าจูนจิ่วมองสำรวจอย่างถี่ถ้วนขนาดนี้ เสี่ยวอู่ก็เก็บความตั้งใจอย่างรู้สึกละห้อยละเหี่ย
ขณะที่หัวเสียว่าไม่มีของเล่นแล้วนั้น ก็ได้ยินจูนจิ่วถามมันว่า “เสี่ยวอู่ ของสิ่งนี้เจ้าพบมันจากที่ไหน”
“เหมียว!” ที่นี่! เสี่ยวอู่ย่อตัวกระโดดลงมา ปีนขึ้นไปตบเบาๆ บนกล่องใบหนึ่ง ส่งสัญญาณบอกจูนจิ่วว่าเป็นที่นี่นั่นเอง!
โจ๋วชิวได้เห็น ก็รีบเข้าไปยกกล่องขึ้นมา บนพื้นไม่มีอะไรผิดปกติ แต่โจ๋วชิวบังเอิญพบรูช่องหนึ่งที่อยู่ใต้กล่อง ลูกบอลสีทองขนาดเล็กร่วงลงมาจากรูที่แตกออกรูนี้อย่างเห็นได้ชัด มันดันน่าแปลกที่หลังจากหยิบหินทิพย์ที่อยู่ด้านในออกมาแล้ว กลับไม่มี่หลุมใดๆ เลยด้วยซ้ำ
จูนจิ่วว่า “กล่องใบนี้มีช่องกั้น”