บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 295 ตบหน้าครั้งที่สอง โหดกว่าเจ็บกว่า
บทที่ 295 ตบหน้าครั้งที่สอง โหดกว่าเจ็บกว่า
ได้ยินคำพูดนี้ของจูนจิ่ว เมิ่งจื้อหยวนก็ไม่กระอักเลือดแล้ว รีบยืดอกหลังตรงยื่นมือออกไปขวางหน้าจูนจิ่วที่กำลังจะหยิบยา เมิ่งจื้อหยวนเปิดปากพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเขียวคล้ำ “การทดลองยาย่อมต้องให้ตันจงของข้าทำ เพื่อป้องกันคนที่มีฝีมือไม่ถึง กลั่นยาทำร้ายคน”
“หึ”จูนจิ่วยิ้มเย็น นางเก็บมือแล้วปล่อยให้ตันจงทำตามใจ
เมิ่งจื้อหยวนรีบเรียกคนทดลองยาที่ได้เตรียมไว้นานแล้ว ทั้งสองต่างก็เป็นนักจิตชั้นหนึ่ง ให้กินยาเสริมพลังทิพย์ใครบรรลุนักจิตชั้นสอง หรือบรรลุทั้งสองคน พลังทิพย์ของผู้ใดแข็งแกร่งกว่าก็จะได้รู้แพ้ชนะ
ได้บอกกล่าวเกี่ยวกับกติกาในการตัดสินให้ทุกคนทราบ เมิ่งจื้อหยวนเปิดกล่องยากล่องที่หนึ่งด้วยตนเอง หยิบเอายาเสริมพลังทิพย์ออกมาหนึ่งเม็ด เห็นเพียงยานั้นกลมเกลี้ยงกลิ่นยาหอมเตะจมูก สายตาของเมิ่งจื้อหยวนร้อนขึ้น
ยาเสริมพลังทิพย์ ทั้งสำนักตันจงมีเขาเท่านั้นที่กลั่นได้ เมิ่งจื้อหยวนรู้ดีกว่าใครว่ายาที่อยู่ตรงหน้านั้นคุณภาพดีมากแค่ไหน แค่รูปลักษณ์ภายนอก ก็ดีกว่าของเขาแล้ว อู๋ซานเองก็ยังไม่มีความสามารถที่จะกลั่นยาได้ดีขนาดนี้
สายตาหมุนไป เมิ่งจื้อหยวนมองจูนจิ่วที่สีหน้าเคร่งขรึม เขาหันหน้าไปมองยังผู้ชมรอบๆเวทีประลองเห้อ เปิดปากพูดว่า “ยานี้ภายนอกดูดีมาก ถือได้ว่าเป็นยาชั้นดี ดีมาก”
พูดแล้วก็เอายาให้คนทดลองยากิน จากนั้นก็เปิดกล่องยากล่องที่สอง ตอนนี้เองเมิ่งจื้อหยวนขมวดคิ้วขึ้น อู๋ซานเองก็รีบก้มหน้างุด
เมิ่งจื้อหยวนถือเม็ดยาไว้ แกล้งทำสีหน้าดูถูกและพูดว่า “ยานี้ภายนอกดูด้อยกว่า กลิ่นก็ปกติ ไร้คุณภาพมาก เอาล่ะ ยาทั้งสองเม็ดนี้ทุกท่านได้เห็นคนทดลองยากินลงไปแล้ว ต่อไปก็รอผลแล้วกัน
ยังต้องรอผลอีกหรือ
แค่ได้ยินที่เมิ่งจื้อหยวนตัดสินเมื่อสักครู่ ก็สามารถรู้ผลแพ้ชนะแล้ว แต่ว่าผู้คนต่างก็สงสัย ไม่บอกว่ายาเม็ดไหนใครเป็นคนกลั่นออกมา พวกเขาก็ได้แต่คาดเดากัน ชิงหยู่ยืนอยู่ข้างจูนจิ่ว หรี่ตาลงถามขึ้นว่า “ศิษย์น้อง ยาเม็ดไหนที่เจ้ากลั่นออกมา ”
“ศิษย์พี่คิดว่าข้าจะแพ้หรือ”
“แน่นอนว่าไม่ ”คิดก็ไม่เคยคิด ชิงหยู่พูดออกไปอย่างเชื่อมั่นในตัวจูนจิ่ว
จากนั้นเขาก็ราวกับเข้าใจแล้ว แล้วก็มองไปยังอู๋ซานที่ใบหน้าทุกข์ใจ มุมปากมีรอยยิ้มได้ใจผุดขึ้น
ไม่ต้องพูดก็รู้ ยาที่ดีที่สุดเม็ดนั้นย่อมมาจากน้ำมือของศิษย์น้อง
ไม่ช้า การตอบสนองของคนทอลองยาทั้งสองก็ปรากฏ คนที่ได้กินยาเสริมพลังทิพย์ที่ดี ได้บรรลุการเป็นนักจิตชั้นสอง อีกทั้งยังระเบิดหินก้อนใหญ่บนลานประลองด้วยหมัดเดียว ระดับของพลังทิพย์ที่เต็มที่สามารถเทียบได้กับนักจิตชั้นสองระดับกลาง
ผู้คนโห่ร้องอย่างตื่นตะลึง คนที่สองก็บรรลุนักจิตชั้นสอง แต่เขาเพิ่งจะลุกขึ้นยืน ก็ชะโงกหน้ากระอักเลือดออกมา สลบล้มลงกับพื้นไม่ตื่น มีเสียงถอนหายใจและเสียงหัวเราะเยาะดังมาจากกลุ่มผู้ชม รู้แพ้ชนะแล้ว
“ยาที่คุณภาพดีและยาที่ไม่มีคุณภาพ ผลของมันชัดเจนแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่ายานั้นใครเป็นคนกลั่น”
“ใช่แล้ว ทำไมยังไม่ประกาศอีกเล่า”
เมิ่งจื้อหยวนยิ้มด้วยใบหน้าชั่วร้าย เขายกมือขึ้นบนเวทีก็ค่อยๆเงียบลง เมิ่งจื้อหยวนถ่ายพลังทิพย์ไปยังลำคอ น้ำเสียงชัดเจนส่งไปทั่วทั้งสี่ทิศของลานประลอง เขาพูดว่า “รู้ผลแพ้ชนะแล้ว ทุกท่านได้เห็นกับตาตัวเอง อู๋ซานแห่งสำนักตันจงของข้านั้นไร้เทียมทาน เป็นจูนจิ่วที่กลั่นยาได้ด้อยกว่า เป็นพิษต่อคนทดลองยา ไม่เหมาะสมที่จะเป็นนักกลั่นยา”
บึ้ม
เวทีประลองเห้อมีเสียงอึกทึกเกิดขึ้น ยาที่ด้อยคุณภาพนั้นเป็นหมอเทวดาจูนจิ่วกลั่นออกมา
ฝู้หลินจ้านนิ่งอึ้ง “เป็นไปไม่ได้”
“ในนี้มีบางอย่างแอบแฝงอยู่ ”ฝู้หลินซวงสายตาแหลมคม เขามองออกตั้งแต่แวบแรกแล้วว่าเจ้าสำนักตันจงมีปัญหา เขาสามารถดูออกได้ คนอื่นก็ต้องดูออกเช่นกัน แต่เมิ่งจื้อหยวนไม่ได้ให้เวลาพวกเขาในการคิดวิเคราะห์เลย
หมุนตัวชี้ไปยังจูนจิ่ว เมิ่งจื้อหยวนหัวเราะตะโกนเสียงดัง “จูนจิ่ว เจ้าแพ้แล้ว จ่ายผลตอบแทนมา”
“ช้าก่อน ”จูนจิ่วสีหน้าไม่เร่งร้อน ไม่มีความรู้สึกว่าตื่นกลัวจากที่นางแพ้เลยสักนิด นางแพ้แล้วต้องคุกเข่าลงคำนับ และยังต้องตะโกนคำดูถูกเหยียดหยาม แต่ใครก็ตามที่สบตาเย็นชาของจูนจิ่ว ต่างก็นิ่งเงียบไปโดยปริยาย รอนางเปิดปากอย่างสงบ เมิ่งจื้อหยวนสบตาจูนจิ่ว ในใจรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมา
อย่าให้จูนจิ่วมีโอกาสได้อธิบายเด็ดขาด สายตาของเมิ่งจื้อหยวนดุดัน น้ำเสียงยิ่งก้องกังวานมากขึ้น “จูนจิ่ว ผลแพ้ชนะออกมาแล้ว ทุกคนเห็นด้วยตา เจ้ายังอยากจะปฏิเสธอีกหรือ”
“ข้าเคยบอกหรือว่ายานั้นข้าเป็นคนกลั่นออกมา ”น้ำเสียงเย็นชา ทั้งหมดเงียบกริบ
เมิ่งจื้อหยวนราวกับแน่ใจว่าเสียงของใครใหญ่กว่า คนนั้นชนะ เขาถลึงตาใช้เสียงตะโกน เยาะเย้ยจูนจิ่ว “ยาที่ดีนั้นย่อมเป็นลูกศิษย์ข้าอู๋ซ่านกลั่นออกมา คนเป็นอาจารย์อย่างข้าจะดูผิดได้อย่างไร จูนจิ่วเจ้าไม่อยากยอมรับ หึ พวกเจ้ามาบอกสิว่ายาเป็นของใคร”
เมิ่งจื้อหยวนหมุนตัวกลับไป สายตาดุร้ายราวกับเสือจ้องมองลูกศิษย์ตันจงทั้งสองคนที่ยกยามา ลูกศิษย์ทั้งสองของตันจงถูกเมิ่งจื้อหยวนจ้องจนตัวสั่น รีบเอ่ยขึ้นว่า “นี่เป็นของหมอเทวดาจูนจิ่ว ”
“นี่เป็นของศิษย์พี่อู๋ซาน”
หลังจากที่เสียงของทั้งสองสิ้นสุดลง บรรยากาศบนเวทีประลองเห้อก็รู้สึกแปลกประหลาดขึ้น เพราะว่าที่ลูกศิษย์ทั้งสองของตันจงแนะนำ คนทดลองยาเม็ดแรกเป็นของหมอเทวดาจูนจิ่ว คนที่สองที่ด้อยกว่าเป็นของอู๋ซาน เมิ่งจื้อหยวนพูดสลับแล้ว
เพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ยะ
เมื่อสักครู่เมิ่งจื้อหยวนรู้สึกภูมิใจนักหนา หยิ่งผยองได้ใจขนาดไหน ตอนนี้ก็ถูกตบหน้าเสียงดังขนาดนั้น ตบอย่างไร้ตัวตนจนกลายเป็นหัวหมูก็ไม่มากไป
ฟู่
ไม่รู้ว่าเป็นเสียงหัวเราะของใคร คำเยาะเย้ยก็ตามมาติดๆ “ที่แท้ที่เจ้าสำนักตันจงย้ำนักหนาว่าเป็นยาของอู๋ซาน ปรากฏว่าแม้แต่ยาของลูกศิษย์ตัวเองยังดูไม่ออก”
“คิดจะเอาชนะคนบ้าไปแล้วกระมัง ยาของหมอเทวดาจูนจิ่วจะด้อยกว่าของอู๋ซานได้อย่างไร หากข้าบอกว่ายาที่ดีนั้นเป็นของข้า พวกเจ้าก็เชื่อหรือ ”
“หุบปาก ”เมิ่งจื้อหยวนเปิดตันเถียน ความกดดันของนักจิตระดับแปดได้กระจายออกมา กดต่ำจนคนที่ฝึกฝนในระดับต่ำกว่าเขาเกือบจะหายใจไม่ออก เมิ่งจื้อหยวนใช้สายตาดุดันโหดเหี้ยมมองไปยังลูกศิษย์ทั้งสองของตันจง เจ้าโง่ บังอาจทำลายเวทีของเขา
ดีที่เขาได้คิดวิธีการตอบโต้ไว้ก่อนแล้ว เมิ่งจื้อหยวนหรี่ตาลง จ้องไปยังจูนจิ่ว “ข้าไม่มีทางดูผิด เห็นได้ชัดว่าจูนจิ่วได้ทำการสลับยาของลูกศิษย์ข้าไป คิดจะเอาความดีความชอบของลูกศิษย์ข้าไป”
“ไม่ผิด ข้าและเหล่าผู้อาวุโสของตันจงเป็นพยาน ยาดีนี้เป็นฝีมือของอู๋ซาน หมอเทวดาจูนจิ่วอะไรกัน ก็แค่แม่หนูเมื่อวานซืน ไหนเลยจะสามารถสู้ฝีมือการกลั่นยาของอู๋ซานที่ฝึกฝนอย่างหนักมาสิบกว่าปี”
โอ้โห ช่างไร้ยางอาย
ลูกศิษย์ที่ถือยามาก็บอกแล้วว่ายาเป็นของใคร เมิ่งจื้อหยวนและเหล่าผู้อาวุโสยังคงกลับคำบอกว่าเป็นจูนจิ่วที่แอบเปลี่ยนยา คนที่ส่งยาเป็นลูกศิษย์ของตันจง จูนจิ่วจะมีโอกาสเปลี่ยนได้อย่างไร
เห็นพวกเขาที่เป็นคนดูตาบอดหรือไง แบ่งไม่ออกว่าอันไหนจริงเท็จดำขาว
ตอนนี้เอง อู๋ซานได้สติกลับมาจากการอึ้งตะลึง เขาไม่อยากจะพูด “อาจารย์ ผู้อาวุโสพวกท่านพูดผิดแล้ว ศิษย์กลั่นยาเองรู้ว่ายาเม็ดไหนเป็นของตัวเอง เป็นเพราะฝีมือที่ร่ำเรียนไม่ดีพอจึงเทียบกับหมอเทวดาจูนจิ่วไม่ได้ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้”
เพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ยะ
ถูกตบหน้าครั้งที่สอง โหดกว่าเจ็บกว่า การตบหน้าครั้งนี้ตบเอาความจริงที่ไร้ยางอายของเจ้าสำนักกับเหล่าผู้อาวุโสออกมา ตันจงเป็นถึงหนึ่งในห้าสำนักทั้งหมด ได้ฉายาว่าเป็นแหล่งของนักกลั่นยาชั้นดี แต่กลับไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ อีกทั้งยังพูดใส่ร้ายผู้อื่นอีก
เมิ่งจื้อหยวนมองไปทางอู๋ซานอย่างไม่อยากจะเชื่อ ลูกศิษย์คนดีของเขาก็ล้มเทวีของเขาด้วย ไร้ประโยชน์
เมิ่งจื้อหยวนยื่นมือไปคว้าตัวอู๋ซาน……