บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 300 ไร้เหตุผลก็ตี
บทที่ 300 ไร้เหตุผลก็ตี
สีหน้าของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูไม่เปลี่ยนไป แต่กลับเป็นหงยิงที่อยู่ด้านหลังก้มหน้างุด นัยน์ตามีแววอำมหิตโหดเหี้ยม ทำไมพวกเขาต้องพูดเรื่องห้าสำนักสิบประเทศ หรือว่าพวกเขาจะรู้อะไร
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูนั่งอยู่ที่ตำแหน่งของเขา หงยิงยืนอยู่ด้านหลัง นางเงยหน้าขึ้น สายตาร้ายกาจมองไปยังฝาแฝดที่อยู่ด้านหลังเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวง นักจิตชั้นสาม สำนักศึกษาจื่อเซียวมีผู้มีพรสวรรค์ที่มีชื่อ และยังเป็นลูกศิษย์ของเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว
พวกเขาเห็นหงยิง ต่างก็ขมวดคิ้วเผยสีหน้ารังเกียจ รีบเบี่ยงสายตาหลบไป ไม่อยากมองหงยิงสักนิด
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเอ่ยขึ้น แกล้งไม่รู้อะไรทั้งสิ้น “ห้าสำนักสิบประเทศเกิดอะไรขึ้น ”
“ห้าสำนักสิบประเทศขึ้นตรงกับไท่ชูของข้า ไม่นานมานี้ข้าได้ยินข่าวหนึ่ง สันติภาพของห้าสำนักสิบประเทศถูกทำลายลงแล้ว ตอนนี้สำนักเทียนอู่จงเป็นใหญ่ เหลือเพียงสองสำนักสิบประเทศ ”
เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูเปิดปากเอ่ยขึ้น
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซู “นี่มันน่าแปลกตรงไหน เทียนอู่จงมีจิตใจทะเยอทะยาน ให้คนไปฆ่าเทียนอู่จงเสียก็สิ้นเรื่อง ยังต้องให้พวกเรามาปรึกษากันที่นี่อีกหรือ ”
ขณะพูด ก็ส่งสายตาให้กับหงยิง หงยิงรีบยืนออกมา “หากว่าเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูรู้สึกอึดอัดใจ หงยิงยินดีรับหน้าที่นี้เอง นำคนไปยังห้าสำนักสิบประเทศ ทำลายสำนักเทียนอู่จงที่เป็นภัยนี้เสีย”
“หงยิงเจ้าจะไปหรือ เจ้ามีเป้าหมายอื่นใช่หรือไม่ ข้ากับหลินซวงผ่านห้าสำนักสิบประเทศ ได้ยินว่าเจ้าเคยพาเทียงฉิวไปฆ่าคนที่เทียนอู่จง ทำลายการแข่งขันทั้งห้าสำนัก และยังฆ่าคนไม่น้อย”ฝู้หลินจ้านยิ้มขำ “อ้อ แต่ว่าสุดท้ายเจ้าก็ได้รับบาดเจ็บหนีกลับมา”
“ฝู้หลินจ้าน ”หงยิงเปิดปากจะด่า แต่พอเงยหน้าก็เห็นเจ้าสำนักศึกษาทั้งสามจึงได้แต่หุบปากกลืนคำลงไป
ดวงตานางหมุนไปมา รีบอธิบายว่า “เจ้าอย่าพูดเรื่อยเปื่อย ข้าไปเทียนอู่จง เป็นเพราะผู้อาวุโสสามของข้าเทียงฉิวมาจากเทียนอู่จง เขากลับไปดูศิษย์ของตนเอง ข้าก็แต่แวะไปเท่านั้น บอกว่าข้าทำลายการแข่งขันทั้งห้าสำนัก ไร้สาระสิ้นดี”
“ทั้งๆที่เป็นจูนจิ่วของสำนักเทียนอู่จง โหดเหี้ยมทะเยอทะยาน ร่วมกับพี่น้องเทียนอู่จงต้องการจะผนวกอีกสี่สำนักเข้าด้วยกันจึงได้เปิดฉากฆ่าในการแข่งขันทั้งห้าสำนัก นี่มันเกี่ยวอะไรกับข้า ฝู้หลินจ้านเจ้าอย่าพูดไปเรื่อยเปื่อย ใส่ร้ายข้า”
สีหน้าฝู้หลินจ้านไม่น่าดู พวกเขาได้ยินกับหูตัวเองจากปากคนมากมาย หงยิงยังมีหน้าไม่ยอมรับ ฝู้หลิงซวงเอ่ยขึ้นทำเอาหงยิงหน้าเปลี่ยนสี เขาพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไม่เจ้าไม่บอกกับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูก่อน”
“ข้า ……”หงยิงไม่รู้จะตอบอย่างไร ทำได้เพียงจ้องฝู้หลินซวงอย่างดุดัน
คนอื่นอาจไม่รู้ว่าคนที่ต่อกรด้วยยากที่สุดคมกริบที่สุดก็คือฝู้หลินซวง อย่ามองเขาเย็นชา ที่จริงเจ้าเล่ห์ยากจะต่อกรด้วยที่สุด
“พอแล้ว ห้าสำนักสิบประเทศอยู่ภายใต้การนำของไท่ชู เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง ที่เชิญจื่อเซียวกับเทียนซูมาในวันนี้ ก็เพื่อจะแจ้งให้พวกท่านทราบ ตันจงถูกทำลายแล้ว หลังจากนี้หากต้องการยาเสริมพลังทิพย์ไม่ต้องหาไท่ชูแล้ว ยาไม่มีแล้ว ”
เปลี่ยนหัวข้อสนทนา เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูพูดว่า “แต่ก่อนหน้านี้ได้ยินฝู้หลินจ้านเขาสองคนพูดว่าฝีมือการกลั่นยาของหมอเทวดาจูนจิ่วนั้นเป็นเลิศ รอจับตัวนางมา ข้าจะลองใช้นางก่อนค่อยว่ากัน ”
“แล้วเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูจะจัดการกับนางอย่างไร ”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูหรี่ตาถามเสียงเย็น
“สำนักเทียนอู่จงเป็นผู้นำ ก็จับตัวเจ้าสำนักเทียนอู่จงกับจูนจิ่วมา ส่วนเรื่องลงโทษ ก่อนอื่นคงต้องไตร่ถามให้ได้ความกันก่อน หากเรื่องที่เกิดมีมูล เช่นนั้นก็ลงโทษตามหลัก หากก่อเรื่องเป็นภัยด้วยไร้เหตุผล ทำลายพวกตันจง เทียนอู่จงเองก็เก็บไว้ไม่ได้ ”
เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูพูดแล้วก็ลุกขึ้น กล่าวลาแล้วเดินเข้าไปสู่จุดขนส่งออกจากที่ตรงนี้ จากนั้นเป็นเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวกับสองพี่น้องฝู้หลินจ้านที่จากไป
หลังจากออกไปแล้ว เจ้าสำนักจื่อเซียวก็เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูเป็นกลางและฉลาด หากว่าที่พวกเจ้าพูดไม่ผิด เป็นพวกตันจงที่กรรมสนองเอง เทียนอู่จงกับจูนจิ่วคนนั้นย่อมไม่เป็นอะไร”
“แต่ทำไม่อาจารย์ถึงไม่บอกเรื่องราชาทิพย์กับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู เตือนเขา”ฝู้หลินจ้านถาม
“ก่อนอื่นจะเป็นราชาทิพย์หรือไม่ ยังไม่มีข้อพิสูจน์ ส่วนเรื่องที่สอง เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูไม่ได้ต้องการทำลายเทียนอู่จง เมื่อเป็นเช่นนี้ อาจารย์เองก็ยิ่งอยากรู้ว่าหงยิงฆ่าคนของทั้งห้าสำนักทำไม ผู้อาวุโสสามเทียงฉิวร่างถูกฝังที่เทียนอู่จง นางเองก็บาดเจ็บสาหัส เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ”
ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงประสานสายตากัน พวกเขาก็แค่ได้ยินคำบอกเล่า ไม่สามารถตอบกลับอาจารย์ของตัวเองได้ หากไม่ก็ต้องรอผลการตรวจสอบของเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู หรือไม่พวกเขาก็ต้องไปถามจูนจิ่วด้วยตนเอง
สุดท้ายเหลือเพียงเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูที่สีหน้าเคร่งขรึมไม่พูดจา
“อาจารย์ อย่าให้จูนจิ่วตกอยู่ในมือของเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูเด็ดขาด หากว่าเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูพบว่าของล้ำค่าถูกแย่งไปแล้วจะทำอย่างไร ”หงยิงเห็นว่าไม่มีคนอื่น รีบเปิดปากเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเหลือบมองอย่างเย็นชา “ที่สำนักศึกษาไท่ชูมีคนของเราซ่อนอยู่หรือไม่”
“มี ”
“ดีมาก รอให้เขาไปจับจูนจิ่ว หลังจากจับได้แล้วค่อยให้คนของเราลงมือ เอาของล้ำค่าแล้วฆ่าจูนจิ่วป้ายความผิดให้กับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูไม่ดีกว่าหรือ”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูมองไปยังหงยิง เอ่ยอย่างแนะนำว่า“หงยิงเจอปัญหาอย่าร้อนรน ย่อมต้องมีทางออกแน่นอน”
หงยิงได้ยินก็คำนับ “เจ้าค่ะ หงยิงจะจำคำสั่งสอนของอาจารย์เอาไว้ แต่หงยิงไม่เข้าใจ แค่จูนจิ่วคนเดียวไยต้องป้ายความผิดให้กับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูด้วย พวกเราฆ่านางเสีย ใครยังจะกล้าล้างแค้นแทนนางเป็นปรปักษ์กับพวกเรา”
หงยิงสงสัย เบื้องหลังของจูนจิ่วก็แค่กองทัพเย่สิง ตอนนี้มีเทียนอู่จงเพิ่มมาอีกหนึ่ง ทั้งสองรวมกัน ยังใหญ่ไม่เท่าหัวนิ้วโป้งของสำนักศึกษาเทียนซู ไหนเลยจะต้องเสียเวลาไปป้ายความผิดให้กับสำนักศึกษาไท่ชู
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูไม่ได้อธิบายอะไร เขาเพียงแต่มองไปยังหงยิง จะยิ้มก็ไม่ยิ้มพูดขึ้นว่า
“หงยิง ภายหน้าเจ้าจะเข้าใจถึงเจตนาของอาจารย์ ตอนนี้เจ้าไปติดต่อกับคนของเราที่อยู่ที่สำนักศึกษาไท่ชูก่อน ”
“เจ้าค่ะ”หงยิงพยักหน้า
……
สำนักศึกษาทั้งสามจะส่งคนมาตรวจสอบ จุดนี้สำนักเทียนอู่จงทั้งบนล่างต่างก็รู้แล้ว และได้เตรียมการไว้แต่เนิ่นๆแล้วด้วย
วันนี้หวางฉี่อ๋างตอนที่กำลังนำลูกศิษย์ของเทียนอู่จงผลัดเปลี่ยนเฝ้ายาม ได้พบเข้ากับกลุ่มคนที่ท่าทีหยิ่งผยอง มีดวงตาผุดอยู่ที่หัวตรงใต้ภูเขา บุรุษวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าช่างอวดดียิ่งนัก เห็นเขาแล้วก็โบกมือเรียกราวกับสุนัขที่เลี้ยงไว้ “นี่ เจ้านั่นแหละ มานี่ ”
สายตาคมของหวางฉี่อ๋างมองคนที่มาอย่างประเมินด้วยสายตาเย็นชา ยืดอกเชิดหน้าเดินเข้าไป “เจ้ามาทำอะไร”
“เจ้าหนุ่ม ปู่เจ้าคนนี้เป็นทูตที่มาจากสำนักศึกษาทั้งสาม น้ำเสียงของเจ้าให้มันเคารพหน่อย ไม่อย่างนั้นระวังข้าจะหักคอเจ้าเสีย ใช้หัวเจ้าเป็นลูกหนัง ฮึ เจ้ารีบไปรายงานเจ้าสำนักเทียนอู่จงของเจ้า ให้เขาจับตัวคนที่ชื่อจูนจิ่วเอาไว้ มารอต้อนรับข้าที่ประตู”
“เจ้าพูดว่าอะไร จับใคร”
“จูนจิ่ว หูเจ้าหนวกหรือไง ”บุรุษวัยกลางคนไม่ค่อยพอใจ
หวางฉี่อ๋างหัวเราะ เขาหมุนตัวหันไปมองเหล่าลูกศิษย์ของเทียนอู่จง หวางฉี่อ๋างถามเสียงดัง “คนคนนี้พูดว่าจะจับตัวอาจารย์อาของพวกเรา พวกเจ้าว่าควรจะทำอย่างไรดี”
“ตีมัน”
ถลกแขนเสื้อกำหมัดแน่น ลูกศิษย์ของเทียนอู่จงกรูกันเข้าไป ช่างใจกล้ายิ่งนัก กล้ามาจับตัวอาจารย์อาของพวกเขาถึงสำนักเทียนอู่จง จะรุมตีเจ้า บุรุษวัยกลางคนตกใจสะดุ้ง “พวกเจ้าบังอาจ ข้าเป็นทูตของสำนักศึกษาทั้งสามนะ”
ทูตของสำนักศึกษาทั้งสามแล้วอย่างไร ยังคงต้องตีไม่เว้น หวางฉี่อ๋างเดินเข้าไปยกขาเตะไปหนึ่งที เจ้าสำนักพูดเอาไว้ ทูตที่มามีเหตุผลพวกเขาก็มีเหตุผล หากไร้เหตุผลก็ตี