บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 312 เจ้าเมืองไท่ชูมาล้างแค้น
บทที่ 312 เจ้าเมืองไท่ชูมาล้างแค้น
ในเรือนมีบรรยากาศกดดัน ผู้ดูแลหวางทนรับไม่ไหวถูกตบจนไปกองกับพื้นร้องโอดโอย หยุนหนีสีหน้าเย็นชาพูดขึ้นว่า “ผู้ดูแลหวาง ข้ามีเวลาจำกัดอย่าทำข้าเสียเวลาเปล่า ข้าให้เจ้าตอบคำถาม จูนจิ่วงามหรือไม่ ”
“งาม จูนจิ่วงามมาก ”ผู้ดูแลหวางพลางกระอักเลือด พลางตะโกนตอบ
หยุนหนีตาเป็นประกาย ยิ้มขึ้น “งามก็ดีแล้ว ได้ยินองครักษ์ของจูเก่อชิวบอกว่า เมื่อวานเขาไปกับหญิงงามมากคนหนึ่ง อีกทั้งยังใช้ยาชุนเซียวหงด้วย ”
นางคิดออกแล้ว นอกจากจะสามารถคลี่คลายเรื่องที่จูเก่อชิวถูกนางสังหารแล้ว ยังสามารถจัดการกับจุนจิ่วได้ด้วย ยิงนัดเดียวได้นกสองตัว แผนการดีเยี่ยม
หยุนหนีมองไปยังผู้ดูแลหวาง สั่งการเสียงต่ำ “เช็ดเลือดที่ปากเจ้าให้เรียบร้อย แล้วออกไปพบเจ้าเมืองไท่ชูกับข้าเดี๋ยวนี้ เจ้าเพียงแต่ต้องบอกเขาว่า เมื่อวานเจ้าเห็นว่าจูเก่อชิวอยู่กับจูนจิ่ว จากนั้นเจ้าก็พาเจ้าเมืองไท่ชูไปหาจูนจิ่ว ที่เหลือเจ้าไม่ต้องยุ่ง”
ผู้ดูแลหวางไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาก็ไม่กล้าถามหยุนหนี ทั้งคลานทั้งกลิ้งรีบออกไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย
หยุนหนีที่อยู่ในเรือยมุมปากหยักขึ้น เผยรอยยิ้มแสนสะท้านราวกับลมฤดูใบไม้ผลิ ภารกิจที่ท่านปู่มอบหมายให้นางใกล้จะลุล่วงแล้ว ตอนนี้จูนจิ่วก็แค่ศิษย์นอกสำนักธรรมดาคนหนึ่ง เจ้าเมืองไท่ชูคิดอยากจะฆ่านางแค่เอ่ยปากก็เพียงพอแล้ว รอเวลาที่จูนจิ่วใกล้จะถูกฆ่าแล้ว นางค่อยเสนอหน้าเข้าไปช่วยจูนจิ่ว ถึงตอนนั้นจูนจิ่วคงต้องซาบซึ้งในบุญคุณเป็นแน่แท้ จากนั้นนางค่อยตะล่อมถามถึงเบาะแสของสมบัติล้ำค่าก็คงง่ายดายขึ้น
คิดถึงตรงนี้ หยุนหนีป้องปากหัวเราะออกมาอย่างได้ใจ นางช่างฉลาดเหลือเกิน
……
แสงอรุณที่แสนอบอุ่น สิ่งแวดล้อมที่งดงามในลานบ้านทำให้จิตใจเบิกบาน
จูนจิ่วนั่งขัดสมาธิอยู่ในเรือน ฝึกวิชาฝึกตนหมุนเวียนพลังจิตอันหนักแน่น พลังปราณระหว่างฟ้าดินก็พรั่งพรูกันมา ไม่จำเป็นที่จูนจิ่วต้องเสียเวลาในการกลั่นกรอง พลังปราณที่สามารถเข้าสู่ร่างของนางได้ล้วนเป็นพลังปราณอันบริสุทธิ์ทั้งสิ้น การฝึกฝนนับวันยิ่งทวีความก้าวหน้า การที่จูนจิ่วจะบรรลุนักจิตชั้นสี่นั้นอยู่ไม่ไกลแล้ว
กรุ้งกริ้งกรุ้งกริ้ง
เสียงกระดิ่งแว่วเข้าหู จูนจิ่วลืมตามองไปยังข้อมือแล้วก็นิ่งอึ้ง ไม่ใช่กระดิ่งเงินของนางที่ดัง นางได้ยินเสียงกระดิ่งอีกครั้งจึงเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าเสี่ยวอู๋กำลังคาบลูกบอลสีทองเล่นอยู่
“เหมียว”เสี่ยวอู่ร้องเหมียวเหมียวอย่างออดอ้อน กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจไปนั่งอยู่ตรงหน้าจูนจิ่ว อ้าปากขึ้น เสี่ยวอู่วางลูกบอลสีทองลง เสี่ยวอู่พูดว่า “เจ้านาย ลูกบอลสีทองนี้ข้าเปิดไม่ได้ ”
ลูกบอลสีทองนี้เป็นสิ่งที่จูนจิ่วหามาได้จากมรดกที่สองสามีภรรยาจูนหมิงเย่ทิ้งเอาไว้ อีกทั้งดูแล้ว เทียงฉิวเองก็กำลังหาสิ่งนี้อยู่ แต่ภายหลังจูนจิ่วได้ใช้วิธีต่างต่างนานาก็ไม่สามารถเปิดออกได้ จึงได้วางไว้ไม่สนใจอีก เป็นเสี่ยวอู่ที่เก็บมันมา ไม่มีอะไรทำก็ใช้ลับฟันเผื่อจะเปิดออกได้
จูนจิ่วหยิบเอาลูกบอลสีทองขึ้นมาหมุนไปมาในมือ ใต้แสงอาทิตย์ ลูกบอลสีทองส่องประกายสวยงาม ผ่านเส้นกลวงเล็กๆเป็นวงสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในกำลังส่องประกายอ่อนๆ
แต่ก็เปิดไม่ออก เอาไว้ก็ไร้ประโยชน์ จูนจิ่วจึงยัดลูกบอลสีทองกลับไปที่อกของเสี่ยวอู่ “เจ้ากัดเล่นไปเถอะ แต่ว่าครั้งหน้าอย่ารบกวนข้าตอนฝึกฝนอีก”
เสี่ยวอู่ได้ยิน ก็รีบจ้องมองด้วยสายตาที่แสนน้อยอกน้อยใจ พอมองไม่เห็นจูนจิ่วมันก็ร้อนรนทันที เจ้านายอยู่ที่ไหนมันก็ต้องอยู่ที่นั่น ให้เลือกระหว่างการเล่นกับเจ้านาย เสี่ยวอู่ตัดสินใจได้อย่างไม่ลังเลที่จะยัดเอาลูกบอลสีทองคืนกลับไปยังแขนเสื้อ นั่งอย่างเรียบร้อยมองไปยังจูนจิ่วอย่างออดอ้อนเพื่อต้องการให้ลูบหัว
จูนจิ่วเพิ่งจะลูบหัวเสี่ยวอู่ ก็ได้ยินเสียงทะลุอากาศส่งผ่านมา ชิงหยู่พุ่งเข้ามาในลานบ้านด้วยความเร็ว สีหน้าเคร่งขรึมแฝงแววแจ้งเตือนส่งผ่านบานหน้าต่างเข้ามาก่อนเอ่ยขึ้นว่า “ศิษย์น้อง มีคนมา”
“คนมาหรือ”จูนจิ่วเลิกคิ้ว
นางตบหัวเสี่ยวอู่เบาๆ พลิกตัวกระโดดออกไปจากทางหน้าต่าง จูนจิ่วเดินไปยืนอยู่ข้างกายชิงหยู่ เงยหน้าขึ้นมองไปยังด้านนอกลานบ้าน เพราะเรือนนั้นตั้งอยู่บนกลางเขาจึงมองเห็นกลุ่มคนด้านล่างที่กำลังกรูกันขึ้นมาด้วยท่าทีดุร้าย ผู้ดูแลหวางก็อยู่ในนั้นด้วย แต่ว่าคนที่นำทัพไม่ใช่เขา ไม่ช้าคนเหล่านั้นก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้า ทั้งหมดกระจายออกไปล้อมจูนจิ่วและชิงหยู่เอาไว้ตรงกลาง
ชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าจ้องมองจูนจิ่วอย่างเอาเป็นเอาตาย “นางน่ะหรือจูนจิ่ว”
“ใช่แล้ว”ผู้ดูแลหวางพยักหน้า แล้วก็เห็นแววตาเย็นชาน่ากลัวของจูนจิ่วที่กวาดมองผ่านเขาไป ผู้ดูแลหวางกลัวจนตัวสั่นรีบถอยร่นไปอยู่ด้านหลังสุดของกลุ่มคนที่มาด้วย ในเมื่อเขานำพาคนมาแล้ว ที่เหลือหยุนหนีเคยบอกไว้แล้วว่าไม่ต้องยุ่ง
ชิงหยู่ดูออกว่ากลุ่มคนที่มานั้นไม่ใช่คนดี เขาเบี่ยงตัวช้าๆบังจูนจิ่วเอาไว้ขมวดคิ้วมองไปยังพวกเขา “พวกเจ้าเป็นใคร คิดจะทำอะไร”
“เจ้าหนุ่ม เจ้าเป็นชายชู้ของหญิงชั่วคนนี้กระมัง ถึงได้ปกป้องกันขนาดนี้ ฮึอย่าใจร้อน อีกเดี๋ยวก็ได้ตายกันทั้งคู่นั่นแหละ”
“ว่าไงนะ”หัวของชิงหยู่เต็มไปด้วยคำถาม ภายใต้ความสงสัยก็ยิ่งเพิ่มความคุ้มกันให้กับจูนจิ่วอย่างเคร่งครัดมากขึ้น เจ้าเมืองไท่ชูบูดบึ้งและโกรธมาก เขาเปิดปากพูดว่า “ต้องเป็นพวกเจ้าที่ร่วมมือกันฆ่าลูกชายข้าแน่ๆ ข้าเจ้าเมืองจะสับพวกเจ้าเป็นชิ้นๆ พวกเจ้า จับตัวสุนัขชายหญิงสองคนนี้ไว้”
ข้าเจ้าเมือง ได้ยินการเรียกขานนี้ จูนจิ่วก็รู้ได้ทันทีถึงสถานะของผู้มาเยือน เจ้าเมืองไท่ชู พ่อของจูเก่อชิว แต่ว่าจูเก่อชิวนั้นกรรมตามสนอง ตายอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยาชุนเซียวหงของตัวเอง ทำไมจึงรีบมาหานางจัง จูนจิ่งยังได้ยินเจ้าเมืองไท่ชูสั่งการว่า “หากกล้าขัดขืน ก็ปลิดชีวิตมันเลย”คนทั้งกลุ่มกรูกันเข้าไป มีดดาบในมือแหลมคมไร้เมตตา ชิงหยู่ไม่เอ่ยอะไรก็ตรงไปรับมือทันที แต่เขาไม่กล้าไปไกลทำได้เพียงอยู่รอบๆตัวจูนจิ่ว ต่อสู้จนคนที่เข้าใกล้ต่างก็กระเด็นกระดอนออกไป
กลุ่มองครักษ์ที่เดิมทีก็ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร ย่อมสู้ชิงหยู่ผู้ที่เป็นนักจิตชั้นห้าไม่ได้อยู่แล้ว บวกกับจูนจิ่วที่ร่วมต่อสู้ด้วยในภายหลัง ต่างก็ถูกตีอย่างน่าอนาถราวกับสุนัข เมื่อเจ้าเมืองไท่ชูเห็นเช่นนี้ แววตาดุร้ายจ้องเขม็ง “เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ยังต้องให้ข้าลงมือเอง”
เจ้าเมืองไท่ชู นักจิตชั้นเก้า
เพียงฝ่ามือหนักๆหนึ่งฝ่ามือ ไม่แบ่งศัตรูหรือคนกันเองทำให้องครักษ์ทุกคนที่ขวางอยู่ต่างกระเด็นออกไปจนกระอักเลือด สองตาแดงก่ำ เจ้าเมืองไท่ชูยังคงจดจ้องอยู่ที่จูนจิ่วกับชิงหยู่ สายตาเต็มไปด้วยไอสังหาร เขาต้องการชีวิตของพวกเขา
ชิงหยู่ “ศิษย์น้องระวังรีบหลบไป”
ชิงหยู่พุ่งเข้ามาใช้ฝ่ามือดันไปที่ไหล่ของจูนจิ่วเบาๆ ผลักนางออกไป แต่ตนนั้นกลับถูกฝ่ามือของเจ้าเมืองไท่ชูโจมตีเข้าจังๆ กระอักเลือดออกมา สีหน้าของชิงหยู่เห็นได้ชัดว่าซีดขาวลงไป นิ้วทั้งห้าเป็นกรงเล็บ เจ้าเมืองไทชูจับยอดหัวกะโหลกของชิงหยู่ด้วยความโหดเหี้ยม
หากกรงเล็บนี้จับถูกที่แล้วละก็ แม้หัวสมองจะแข็งแค่ไหนก็คงมีจุดจบไม่ต่างกับแตงโมที่ถูกทุบจนแหลก
ชิงหยู่ถูกฝ่ามือเดียวทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ เห็นว่าเขากำลังจะเสียท่าต้องสังเวยชีวิตให้กับกรงเล็บปีศาจของเจ้าเมืองไท่ชู ประกายดาบเย็นเหยียบสายหนึ่งก็พุ่งเข้าไป ปักเข้าไประหว่างเจ้าเมืองไท่ชูกับชิงหยู่และหมุนคว้าง ตัดขวางเข้าไปยังเจ้าเมืองไท่ชู
ดาบนี้ทั้งคมทั้งเร็ว ไม่ทันตั้งตัวและสามารถหลบหลีกได้ เจ้าเมืองไท่ชูรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ มีเลือดไหลออกมา
ขมวดคิ้วมุ่น เจ้าเมืองไท่ชูมองไปด้วยความโกรธ เห็นเพียงจุนจิ่วที่คุ้มกันชิงหยู่ไว้ข้างหลัง ประสานเข้ากับสายตาเย็นชากระหายเลือดคู่นั้น เจ้าเมืองไท่ชูรู้สึกสันหลังเย็นวาบ สายตาราวกับเทพพิฆาตวิญญาณ ไม่คิดว่าจะเป็นสายตาของสาวน้อยคนหนึ่ง
เจ้าเมืองไท่ชูรู้สึกนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แต่เมื่อได้สติจูนจิ่วก็ลากตัวชิงหยู่ถอยไปในระยะที่ปลอดภัยแล้ว กัดฟันถลึงตา เจ้าเมืองไท่ชูมองไปยังบาดแผลที่ข้อมือ “นังสารเลวเจ้ารนหาที่ตายแท้ๆ”