บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 313 ข้าเชื่อจูนจิ่ว
บทที่ 313 ข้าเชื่อจูนจิ่ว
“ศิษย์น้อง ”ชิงหยู่พลิกมือไปกำข้อมือของจูนจิ่วเอาไว้ เขากลืนเลือดที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในคอกลับลงไปทั้งหมด “ศิษย์น้องเจ้ารีบหนีไป เขาเป็นนักจิตชั้นเก้า เจ้ากับข้าไม่มีทางสู้เขาได้ เจ้ารีบไป ศิษย์พี่จะขวางเขาเอาไว้เอง”
“ทั้งท่านและข้าก็สู้ไม่ได้ ข้ายิ่งทิ้งท่านไว้คนเดียวไม่ได้ ”จูนจิ่วสายตาเย็นชา จ้องไปที่เจ้าเมืองไท่ชูหมุนมือขวา ป่ายเย่ประกายแสงเย็น นักจิตชั้นเก้า นางจะลองต่อกรดูไม่ได้หรือ
ในสมองของจูนจิ่วมีแสงวาบผ่าน รีบค้นหายาพิษที่จะสามารถฆ่าหรือทำร้ายนักจิตชั้นเก้าอย่างรวดเร็ว เสี่ยวอู่กางกรงเล็บอันแหลมคมออก ยืนอยู่ข้างกายจูนจิ่วจ้องมองไปที่เจ้าเมืองไท่ชูตาเขม็ง เกิดการต่อสู้ขึ้นมามันก็ช่วยได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า”เจ้าเมืองไท่ชูเงยหน้าหัวเราะ “หนีก็หนีไม่พ้น ยังกล้าจะลงมือกับข้าอีก นี่เป็นเรื่องที่น่าขันที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ข้าขอเตือนให้พวกเจ้ายอมให้จับแต่โดยดี ข้ายังเมตตาให้พวกเจ้ามีศพครบชิ้นส่วน ไม่เช่นนั้น หากข้าจับพวกเจ้าได้ ต้องแล่เนื้อพวกเจ้าออกทีละชิ้นทีละชิ้น เพื่อแก้แค้นให้กับวิญญาณลูกชายข้า”
เจ้าเมืองไท่ชูพูดจบ ฝ่ามือกำหมัดแน่นพลังทิพย์ไหลเวียนกึกก้อง หมัดของเจ้าเมืองไท่ชูที่เต็มไปด้วยไอสังหารพุ่งตรงไปยังจูนจิ่วและชิงหยู่ อำนาจของหมัดนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก นอกจากนักจิตชั้นเก้าแล้วก็ไม่สามารถจะต้านทานได้
จูนจิ่วไม่สนใจเสียงขอร้องของชิงหยู่ นางนิ่งสงบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นิ้วมือหนีบเม็ดยาพิษเอาไว้สมองก็คิดหาวิธีที่จะหลบหลีกการโจมตีของเจ้าเมืองไท่ชูอย่างรวดเร็ว จะทำการยิงยาพิษออกไปยังไงให้ตรงเป้า พอเห็นหมัดที่พุ่งเข้ามา ไม่สามารถต่อต้านได้ ขณะจูนจิ่วกำลังจะลากชิงหยู่ถอยหลังออกไป เงาร่างแสงสีทองสายหนึ่งก็เข้ามาขวางอยู่ตรงหน้าพวกเขา
ไม่ผิด เป็นแสงสีทอง
จูนจิ่วถูกแสงกระทบตาแวบหนึ่ง หูได้ยินเสียงปังดังขึ้นหนึ่งเสียง เงยหน้าขึ้น หมัดของเจ้าเมืองไท่ชูถูกหมัดเดียวกันของบุรุษคนหนึ่งพุ่งอัดจนพลังทิพย์แตกซ่าน สลายไปกับอากาศ
บุรุษยืนหันหลังให้กับนาง จูนจิ่วเห็นเพียงเบื้องหลังของบุรุษที่ผ่ายผอมแต่ยืนอยู่อย่างองอาจ ผมสีดำรวบสูง ชุดสีขาวดิ้นทอง ปลายแขนเผยให้เห็นเสื้อสีดำที่ใส่อย่างรัดกุมไว้ภายใน ชุดสีขาวภายนอกที่เขาสวมใส่ไว้บนร่างยังใช้ดิ้นทองปักเป็นรูปก้อนเมฆอย่างละเอียด ดูแล้วหรูหราสวยงาม แต่ก็ไม่ละทิ้งความสง่างาม
ไม่เห็นหน้าตาของบุรุษคนนี้ จูนจิ่วก็ได้ข้อสรุปแล้ว นี่เป็นคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทอง ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติร่ำรวย ใจกว้างสง่างาม
“นายน้อย”เจ้าเมืองไท่ชูร้องขึ้นอย่างตกใจ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันแล้วรีบคุกเข่าคงคำนับ “เจ้าเมืองไท่ชูจูเก๋อหุนคำนับนายน้อย”
“ท่านเจ้าเมือง ท่านมาทำอะไรนอกสำนักศึกษาไท่ชู ”บุรุษที่ถูกเรียกขานว่านายน้อยเปิดปากเอ่ยขึ้น น้ำเสียงสูงส่งสง่า แววตาของจูนจิ่วไหววาบ คนที่อยู่ในสำนักศึกษาไท่ชูและสามารถได้รับการเรียกขานว่านายน้อยนั้น ก็มีเพียงศิษย์เอกที่ได้รับการท่ายถอดโดยตรงจากเจ้าสำนักศึกษาเท่านั้น มู่จิ่งหยวน
เจ้าเมืองไท่ชูลุกขึ้น ใบหน้าบิดเบี้ยวของเขาเงยหน้าขึ้น จ้องจูนจิ่วกับชิงหยู่ด้วยสายตาโหดเหี้ยม เจ้าเมืองไท่ชูจูเก๋อหุนเอ่ยอย่างโมโห “นายน้อย นางสารเลวคนนี้กับชายชู้ของนางฆ่าลูกชายของข้าจูเก่อชิว ตอนนี้ข้ากำลังจับตัวพวกเขาเพื่อแก้แค้นให้กับลูกชายข้า ”
ความคิดที่จะฆ่าจูนจิ่วกับชิงหยู่ของเจ้าเมืองไท่ชู ไม่มีการปิดบังซ่อนเร้นเลยสักนิดเดียว
ทั้งสองคนนี้ก็แค่ศิษย์นอกสำนักทั่วไปเท่านั้น ชีวิตไม่ได้มีค่าไปกว่าสุนัขข้างถนน เขาฆ่าพวกเขาก็เหมือนฆ่าสัตว์เดรัจฉานไม่มีใครถามถึง แต่คิดไม่ถึงว่าคนสองคนที่เดิมทีจะจัดการได้ง่ายดายนั้น เป็นจูนจิ่วที่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บก่อน จากนั้นก็เป็นมู่จิ่งหยวนที่ปรากฏตัวออกมาขัดขวางอย่างกะทันหัน
ดวงตาของเจ้าเมืองไท่ชูแดงก่ำ เขาประสานมือขึ้นคารวะพูดอย่างเกลียดชังว่า “ขอนายน้อยได้โปรดถอยออกไปด้วย ให้ข้าได้ฆ่าพวกเขาเพื่อแก้แค้นให้กับลูกชายข้าก่อน แล้วค่อยเชิญนายน้อยดื่มชาและคุยกัน”
“ช้าก่อน ”มู่จิ่งหยวนยกมือขึ้นตัดบทเจ้าเมืองไท่ชู
เขาหมุนตัวมองไปยังจูนจิ่ว คิ้วเรียวดุจดาบตาเป็นประกายดุจดาว มุมปากแฝงรอยยิ้มอ่อนสง่างาม จูนจิ่วประสานสายตากับเขา มองเห็นสายตาของมู่จิ่งหยวนมีแววตกตะลึงในความงาม แต่ทันใดนั้นชิงหยู่ก็รีบเอาตัวไปบังจูนจิ่วเอาไว้ มู่จิ่งหยวนอึ้งไปสักครู่จากนั้นก็หัวเราะออกมา
แล้วก็หันไปมองยังเจ้าเมืองไท่ชู มู่จิ่งหยวนเอ่ยขึ้นว่า “ข้ารู้สึกเรื่องนี้มันไม่ถูกต้อง เกรงว่าท่านเจ้าเมืองจะเข้าใจผิดให้ร้ายคนอื่นแล้วกระมัง”
“เป็นไปไม่ได้ ผู้ดูแลหวางบอกเองว่า เห็นลูกชายข้ากับหญิงสารเลวคนนี้อยู่ด้วยกัน ไม่ใช่นางฆ่าลูกชายข้า แล้วเป็นใคร นายน้อยอย่าได้ให้ความงามของนางสารเลวคนนี้ยั่วยวนหลอกล่อเด็ดขาด”ความโมโหจู่โจมใจของเจ้าเมืองไท่ชู พลั้งปากพูดออกไป
หลังพลั้งปากพูดออกไปก็เห็นมู่จิ่งหยวนขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์ เจ้าเมืองไท่ชูรีบแก้ตัวทันที “นายน้อย ลูกชายข้าตายอยู่ตรงหน้าประตูของห้องหนังสือ เห็นได้ชัดว่านางสารเลวคนนี้คิดจะขโมยตำราของสำนักศึกษาไท่ชู จึงได้ใช้ความงามหลอกล่อลูกชายของข้ามา จากนั้นก็มีดสั้นฆ่าลูกชายข้า ”ระหว่างที่เจ้าเมืองไท่ชูพูด ในใจก็เจ็บเหลือทน
จูเก่อชิงจะไม่เอาไหนอย่างไร แต่เขาก็คือลูกชายคนเดียวของเขา หยุนหนีบอกว่าเขายังสามารถใช้กำเนิดทายาทได้ เขามีลูกสาวยี่สิบกว่าคนกว่าจะมีลูกชายคนนี้ คนต่อไปไหนเลยจะง่ายดายเช่นนี้
เจ้าเมืองไท่ชูย่อมต้องเคียดแค้นเกลียดชังคนที่ฆ่าลูกชายเขาแน่นอน เขาสาบาน เขาต้องจับตัวมือสังหารจูเก่อชิวเพื่อแก้แค้นให้กับลูกชายเขาให้ได้
แต่จูนจิ่วได้ยินคำพูดนี้ ก็ขมวดคิ้ว มีดสั้น นางไม่เคยแตะต้องจูเก่อชิวเลย เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเป็นคนฆ่า ยังมีที่บอกว่าผู้ดูแลหวางเห็นกับตา จะเป็นไปได้อย่างไร เมื่อวานที่จูเก่อชิวนำทาง ตลอดทางก็มีนกน้อยคอยสอดส่อง รอบข้างไม่มีผู้คน ผู้ดูแลหวางจะรู้เห็นได้อย่างไร แววตาเย็นชา จูนจิ่วเดินออกมาจากด้านหลังของชิงหยู่ นางมองไปยังเจ้าเมืองไท่ชูด้วยแววชาเย็นเยือก “ข้าไม่ได้เป็นคนฆ่าจูเก่อชิว”
“โกหก นังสารเลวอย่าคิดว่าจะตบตาข้าได้ ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้”เจ้าเมืองไท่ชูตะโกนเสียงดัง หากไม่ใช่เพราะมู่จิ่งหยวนอยู่ด้วยที่นี่ เจ้าเมืองไท่ชูคงตรงเข้าไปฆ่าอย่างบ้าคลั่งแล้ว
ขณะที่สถานการณ์คับขัน ไอสังหารคุกรุ่นนี้เอง มู่จิ่งหยวนมองเจ้าเมืองไท่ชู แล้วก็มองจูนจิ่วกับชิงหยู่ เขาเปิดปากพูดทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไป มู่จิ่งหยวนพูดว่า “ข้าเชื่อจูนจิ่ว หากนางฆ่าจูเก่อชิวจริง คงต้องหนีไปตั้งนานแล้ว ทำไมจึงต้องอยู่รอให้ท่านมาจับอยู่ที่นี่ด้วย ”
“นายน้อย”
“ฟังข้าพูดให้จบก่อน แม้ว่าจูนจิ่วจะเป็นแค่ศิษย์นอกสำนักทั่วไปก็ตาม ก็ไม่สามารถจะคาดโทษสังหารนางโดยไร้หลักฐานได้ อีกอย่างชิงหยู่ เขาเป็นเจ้าสำนักเทียนอู๋จง ตอนนี้สถานะในสองสำนักสิบแคว้นนั้นไม่ธรรมดา เจ้าเมืองจูเก่อคิดจะจับพวกเขา ฆ่าพวกเขาก็ได้ แต่ต้องเอาหลักฐานออกมาก่อน ”มู่จิ่งหยวนพูด
เจ้าเมืองไท่ชู “ข้ามีหลักฐาน พยานก็คือผู้ดูแลหวาง วัตถุพยานก็คือศพของลูกข้า”
ผู้ดูแลหวางได้ยินคนเรียกชื่อตน ก็ตกใจจนเข่าอ่อน เขาไม่ได้เห็นกับตาจริงๆ
เป็นหยุนหนีที่ให้เขาพูดเช่นนี้ ตอนนี้เห็นมู่จิ่งหยวนกับจูนจิ่วมองมาที่เขา คนแรกว่าน่ากลัวแล้วคนหลังน่ากลัวยิ่งกว่า ผู้ดูแลหวางควบคุมตนเองไม่ได้จนตัวสั่นงั่นงก
เห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเงื่อนงำ
มู่จิ่งหยวนเปิดปากเอ่ยขึ้น “ร่างของจูเก่อชิวอยู่ที่จวนเจ้าเมืองไท่ชูของท่านหรือ”
เห็นว่าเจ้าเมืองไท่ชูพยักหน้า มู่จิ่งหยวนก็พูดต่อว่า “ถ้างั้นก็เอาอย่างนี้ ทุกคนไปที่จวนเจ้าเมืองเพื่อยืนยัน เรื่องนี้ข้าจะตัดสินใจเอง หากว่าเป็นจูนจิ่วกับชิงหยู่ร่วมมือกันฆ่า ข้าจะมอบทั้งสองคนให้ท่านเจ้าเมืองจัดการ หากไม่ใช่ ท่านเจ้าเมืองก็อย่าได้ลงมือทำให้พวกเขาต้องได้รับความลำบากอีก ”
“ศิษย์น้อง ”ชิงหยู่เรียกจูนจิ่วเบาๆ สีหน้าเขาขาวซีดแต่แววตามีแววประหลาดใจ นายน้อยคนนี้ฐานะไม่ธรรมดา อีกทั้งพวกเขาก็ไม่รู้จักกัน ทำไมต้องช่วยพวกเขาด้วย สามารถเชื่อเขาได้หรือ
จูนจิ่วขยิบตา ยิ้มให้กับชิงหยู่ยิ้มและปลอบว่า “ศิษย์พี่วางใจได้ เราไม่ได้ฆ่าใครจะกลัวไปทำไม ไปดูกับตาเดี๋ยวก็รู้เอง”