บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 317 พอที่จะฆ่าพวกเขาร้อยครั้ง
บทที่ 317 พอที่จะฆ่าพวกเขาร้อยครั้ง
จวนเจ้าเมืองไท่ชู
จูเก๋อหุนแววตาดุร้าย กำลังจ้องมองเขม็งไปยังสองคนแก่ที่อยู่ตรงหน้าให้กินยาเข้าไป เขาพูดว่า “นี่เป็นยาเสริมพลังทิพย์ของสำนักตันจง พวกเจ้าทั้งสองคนกินแล้วก็จะสามารถเลื่อนเป็นนักจิตชั้นเก้าได้ ข้าอยากให้พวกเจ้าอาศัยความมืดไปยังนอกสำนักศึกษาไท่ชู ฆ่าจูนจิ่วกับชิงหยู่เสีย”
ใบหน้าโหดเหี้ยม จูเก๋อหุนเกลียดชังยิ่งนัก “จูนจิ่วนั่นแค่นักจิตชั้นสาม ชิงหยู่ที่แข็งแกร่งก็แค่นักจิตชั้นแปดเท่านั้น นักจิตชั้นเก้าสองคน พอจะฆ่าพวกเขาได้ร้อยครั้ง ข้าไม่สนว่าพวกเขาจะร้ายกาจอะไรตรงไหน ถึงได้มีหยุนหนีกับมู่จิ่งหยวนออกหน้าช่วย ข้าต้องแก้แค้นให้ลูกชายข้าให้ได้ ไป เอาหัวพวกมันกลับมาให้ได้ ”
“ขอรับ”คนแก่รับคำ หมุนตัวพาหน่วยกล้าตายของจวนเจ้าเมืองหายไปกับความมืด
……
อันตรายค่อยๆคืบคลานเข้ามา จูนจิ่วราวกับมีญาณรับรู้ได้ล่วงหน้า
มุมปากของนางยกขึ้น สีหน้าท่าทีหยิ่งผยองแววตาแฝงแววชั่วร้าย หลังจากที่จูนจิ่วพูดคำว่ามีเพียงอู๋เยว่ที่เข้าใจนางแล้ว ก็พูดต่อไปว่า “เจ้าเมืองไท่ชูก็ไม่เชื่อว่านั่นคือฆาตกร ภายนอกดูเหมือนวิธีการพูดของหยุนหนีจะไม่มีข้อบกพร่องอะไร ราวกับความจริงทั้งหมดกระจ่างแล้ว แต่พอคิดไตร่ตรองอย่างละเอียด ก็ต้องมีร่องรอยบางอย่างเปิดเผยออกมา ที่สำคัญกว่าก็คือ”
จูนจิ่วพูดถึงจุดสำคัญที่สุดแต่ก็หยุดเอาไว้ นางเลิกคิ้วมองไปยังโม่อู๋เยว่ เขายิ้มอย่างน่าหลงใหล พูดว่า “ที่สำคัญกว่านั้นคือ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กับเจ้าตอนนี้ก็เป็นแค่ศิษย์นอกสำนักทั่วไป มีอะไรที่สามารถทำให้มู่จิ่งหยวนกับหยุนหนีต้องออกโรงปกป้องด้วย”
“ชิ ฉะนั้นเจ้าเมืองไท่ชูก็เลยคิดว่า มู่จิ่งหยวนกับหยุนหนีกำลังช่วยพวกเราให้พ้นผิดสินะ”ชิงหยู่พูด
“ไม่ผิด ”จูนจิ่วพยักหน้า แววตาเย็นชา “เพราะฉะนั้น หากเจ้าเมืองไท่ชูไม่ฆ่าพวกเราเขาก็ไม่รามือ และความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกชายทำให้เขาทนต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าข้าเดาไม่ผิดละก็ คืนนี้เขาต้องลงมือแน่”
เพิ่งจะพูดจบไป นอกเรือนมีเสียงเคลื่อนไหวเกิดขึ้น เป็นกับดักที่ชิงหยู่วางไว้ถูกแตะต้องเข้าแล้ว
หากมาอย่างเปิดเผย เหมือนที่มู่จิ่งหยวนเข้ามาทางประตูก็จะไม่สัมผัสถูกกับดัก
แต่หากปีนกำแพงลัดเลาะตามมุม ร้อยทั้งร้อยต้องเจอกับกับดัก คนที่มาไม่คิดว่าจะมีกับดัก พวกเขาชักดาบถือมีดอย่างไม่สนใจ เดินใกล้เข้ามา
รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวภายนอก ชิงหยู่สีหน้าเคร่งขรึม “มาได้เร็วมาก ในนั้นมีนักจิตชั้นเก้าสองคน ศิษย์น้องพวกเรา……”น้ำเสียงหยุดลง ชิงหยู่อ้าปากตาค้าง
จูนจิ่วเล่า แล้วยังมีเสี่ยวอู่อีกไปไหนแล้ว
เขารีบหันไปมองทางโม่อู๋เยว่ คนหลังกำลังยืนอยู่ข้างหน้าต่างเปิดออกนิดหนึ่งเพื่อดูลานบ้าน ไม่รอให้เขาถาม โม่อู๋เยว่ชิงพูดก่อน “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กับเสี่ยวอู่ต่างก็ออกไปแล้ว ส่วนเจ้าก็นั่งเงียบๆอย่ารบกวนข้าดูฉากดีๆ”
“อะไรนะ ไม่ได้ นั่นมันนักจิตชั้นเก้าสองคนเชียวนะ จะให้ศิษย์น้องพาเสี่ยวอู่ไปต่อกรด้วยได้อย่างไร”ชิงหยู่ตื่นตกใจ รีบร้อนจะลุกขึ้นออกไปแต่ว่าจังหวะที่จะลุกขึ้นนั้นเขาก็พบว่าตัวเองขยับไม่ได้
น้ำเสียงเย็นชาชั่วร้ายของโม่อู๋เยว่ก็ส่งผ่านมา “เจ้าได้รับบาดเจ็บ หากได้รับบาดเจ็บซ้ำอีกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์คงไม่พอใจแน่”
“นี่ท่านทำให้ข้าขยับไม่ได้หรือ ไม่ใช่สิท่านผู้อาวุโสโม่ นักจิตชั้นเก้าถึงสองคนทำไมท่านจึงให้ศิษย์น้องไปเผชิญหน้าคนเดียว ท่านยังเป็นอาจารย์ของศิษย์น้องอยู่หรือเปล่า ท่านอยากให้ศิษย์น้องตายหรือ ”ชิงหยู่ทั้งโมโหทั้งร้อนรน
นักจิตชั้นเก้าสองคน ไม่รู้ว่ามีเจ้าเมืองไท่ชูอยู่ด้วยหรือไม่ เขาออกแรงทั้งหมดที่มียังยากจะต่อกรด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจูนจิ่วแล้ว ชิงหยู่ร้อนใจจนทนไม่ไหว ไม่ได้สนใจว่าทำไมโม่อู๋เยว่ต้องทำให้เขาขยับตัวไม่ได้ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เขาไม่ใช่เป็นห่วงศิษย์น้องมาตลอดหรอกหรือ และเขายังเป็นอาจารย์ของจูนจิ่วอีกด้วย
หันหลิงให้ชิงหยู่ไม่มองเขาด้วยซ้ำ น้ำเสียงโม่อู๋เยว่ทุ้มต่ำ “นักจิตชั้นเก้าสองคนข้าได้ช่วยเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ฆ่าไปแล้ว ที่เหลือให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ฝึกฝีมือไม่ดีหรือ”
พูดง่ายๆคือ จูนจิ่วไม่มีอันตรายหรอก
ชิงหยู่ได้ยินดังนี้ก็นิ่งอึ้งไป ฆ่านักจิตชั้นเก้าไปแล้ว ฆ่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเขาไม่เห็นอะไรเลย ชั่วขณะหนึ่งชิงหยู่ร้อนใจจนอยากจะไปดูสถานการณ์ภายนอก แต่เขาขยับไม่ได้ ทำได้เพียงเงี่ยหูฟังเสียงมีดดาบภายนอกที่กระทบกัน
สายตาเหลือบไปเห็นตรงจูนจิ่ว ตอนที่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในลานบ้าน จูนจิ่วก็ยกป่ายเย่ขึ้นออกไปอย่างรวดเร็ว เสี่ยวอู่ก็ตามหลังนางออกไปอย่างเงียบเชียบ
แสงจันทร์สาดส่องอยู่กลางลานบ้าน บวกกับแสงเทียนในเรือน ส่องกลุ่มคนที่อยู่ในลานบ้านอย่างรางเลือน สวมชุดสีดำเต็มไปด้วยไอสังหาร พวกเขาจ้องเขม็งไปที่จูนจิ่ว ไอสังหารพวยพุ่งดุเดือดไร้สุ้มเสียง นักฆ่ากระจายออกล้อมจูนจิ่วเอาไว้ คนที่เป็นหัวหน้าก็คือนักจิตชั้นเก้าสองคนนั้น
พวกเขาเห็นแต่จูนจิ่วที่ออกมาคนเดียว สายตาเต็มไปด้วยความดูถูก ชิงหยู่ยังถูกพวกเขาจัดการได้ง่ายดาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสาวน้อยจูนจิ่วคนนี้ แต่ว่าเป็นแค่นักจิตชั้นสาม แค่กระดิกนิ้วก็สามารถบีบนางให้ตายได้แล้ว
ตาเฒ่าโบกมือ “ฆ่านาง ตัดหัวนางกลับไปตามคำสั่ง”
นักฆ่ากรูกันเข้าไป จูนจิ่วกำดาบป่ายเย่ก็ขยับเข้าโจมตีด้วยตัวมันเอง เสี่ยวอู่ที่อยู่ด้านหลังนางก็กางกรงเล็บที่คมดุจมีดออกมา
ปัง
มีดาบชนประสานกัน ครั้งแรกที่ปะทะกัน จูนจิ่วสามารถต้านรับมีดใหญ่ของนักฆ่าได้ นางเขย่งปลายเท้ากระโดดขึ้นไปเหยียบที่หลังของนักฆ่าคนนั้น ดาบเดียวแทงไปยังลำคอของตาเฒ่า ตาเฒ่าใช้ยาเสริมพลังทิพย์ นักจิตชั้นเก้าไม่เห็นจูนจิ่วอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
เห็นจูนจิ่วแทงดาบมา ตาเฒ่ายื่นมือออกไปจับป่ายเย่ในสายตามีเพียงความดูถูกเย้ยหยัน จากนั้นขณะที่ป่ายเย่ที่อยู่ในมือกำลังจะปะทะกัน สีหน้าของตาเฒ่าก็เปลี่ยนไปกะทันหัน เขาขยับไม่ได้เสียแล้ว
เคลื่อนไหวไม่ได้ พลังทิพย์ทั้งร่างถูกดูดจนเหลือแค่เปลือกภายในพริบตา นี่มันเรื่องอะไรกัน ยังไม่ทันได้คิด เสียงคมดาบแทงทะลุเนื้อหนัง ตาเฒ่าเพิ่งรับรู้ถึงความเจ็บปวด ม่านตาหดเล็กลงเท่าเมล็ดถั่วเขียว เขาเห็นจูนจิ่วใช้ดาบแทงทะละฝ่ามือของเขา ดาบคมสีขาวนั้นไม่ยอมหยุดลง แทงตรงทะลุเข้าที่ลำคอของเขา
เปิดปากอยากจะพูดบางอย่าง แต่ก็เหลือเพียงเลือดที่พุ่งออกมาเท่านั้น ม่านตาค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น จูนจิ่วดึงป่ายเย่ออก ร่างของตาเฒ่าก็ร่วงลงกับพื้น
นักจิตชั้นเก้าถูกฆ่าแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไร นักฆ่าต่างก็ไม่อยากเชื่อ นักจิตชั้นเก้าอีกคนก็ตกตะลึงเช่นกัน เขารีบดึงสติคืนมาพุ่งเข้าหาจูนจิ่วด้วยความโมโหทันที แค่นักจิตชั้นสามจะฆ่านักจิตชั้นเก้าได้อย่างไร กินยาแล้วก็แค่ชั้นเก้า เขาต้องตาลายไปแล้วแน่ๆ
ตอนที่นักจิตชั้นเก้าคนที่สองถูกตัดหัวขาด เบิกตามองร่างกับศีรษะตนเองที่ไปคนละทิศละทาง ความรู้สึกก่อนตายมีเพียงความตกตะลึง
ที่แท้จูนจิ่วไม่ใช่นักจิตชั้นสาม เป็นชั้นสี่ ที่แท้นักจิตชั้นสี่สามารถฆ่านักจิตชั้นเก้าได้
ผีหลอกแล้วกระมัง ไม่รู้ว่าเขาตายไปเป็นผีจะสามารถหาคำตอบได้หรือไม่
เห็นจูนจิ่วที่ฆ่านักจิตชั้นเก้าทีละคน นักฆ่าที่เหลือตกใจจนลูกตาจะทะลุออกจากเบ้าตา อย่าว่าแต่หน่วยกล้าตายเลย ยังถูกทำให้กลัวคนหัวหด พวกเขาไม่รู้ว่าเป็นโม่อู๋เยว่ที่คอยทำให้นักจิตชั้นเก้าทั้งสองขยับตัวไม่ได้ เพื่อง่ายที่จูนจิ่วจะใช้ดาบฆ่าได้ในทีเดียว
พวกเขามองเห็นจูนจิ่วถือดาบเดินเข้ามา ทุกคนตกใจกลัวไปหมด ขณะที่ยังมึนงงอยู่ ก็ถูกจูนจิ่วปลิดชีวิตได้อย่างง่ายดาย มีบางคนหลบหนีอย่างน่าเวทนา ก็ถูกเสี่ยวอู่ไล่ตามกัดจนคอขาดตาย
โม่อู๋เยว่พิงอยู่ที่ข้างหน้าต่างอย่างเกียจคร้าน เขามองแล้วส่ายหน้า “ข้าพูดผิดไป ไก่อ่อนพวกนี้ เอามาฝึกมือยังไม่คู่ควร”
ชิงหยู่ ร้อนใจมาก ท่านปล่อยข้าเถอะ ให้ข้าดูบ้าง