บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 324 สามารถมีลูกกับเขาได้
บทที่ 324 สามารถมีลูกกับเขาได้
คำว่าเล่นนกฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ จูนจิ่วไอแห้งๆก่อนเอ่ยปากอธิบาย“ข้าเป็นภาษานก ”
สีหน้าของชิงหยู่ยิ่งอึ้งไปเลย ยังมีใครร้ายกาจกว่าศิษย์น้องอีกหรือไม่ พรสวรรค์ขั้นเจ็ดสีม่วง ความสามารถก็สูง ฉลาดล้ำเลิศแล้วยังสวยล่มเมือง และยังเป็นนักกลั่นยา ตอนนี้ยังรู้ภาษานก ชิงหยู่สูดหายใจเข้าลึกๆ กุมที่หน้าอกไว้ “ศิษย์น้อง ยังมีอะไรที่เจ้าไม่เป็นอีกหรือไม่”
“มี”
“เรื่องอะไร”ชิงหยู่รู้สึกรอคอยอย่างตื่นเต้น
ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มีเลศนัย จูนจิ่วอุ้มเสี่ยวอู่พูดขึ้นว่า “ข้าไม่สามารถทำให้หญิงสาวตั้งครรภ์ได้”
ทั้งหมดเงียบไปอย่างประหลาดอยู่ชั่วครู่ ชิงหยู่จึงสำลักออกมา “ฟู่เฮอะๆๆๆ”
ผู้หญิงกับผู้หญิง ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมีลูกกันได้ นี่ศิษย์น้องมีอารมณ์ขันหรือต้องการแหย่เขากันแน่
ยิ้มร้ายมองไปยังชิงหยู่ สายตาของจูนจิ่วมีแววล้อเล่นวาบผ่าน โม่อู๋เยว่ก็คงจะได้ยินอยู่ในที่ลับ อยากรู้เหลือเกินว่าเขาจะมีสีหน้าอย่างไร
เหมือนกับจูนจิ่ว ตอนนี้เหลิ่งยวนกำลังแอบเหล่มองสีหน้าของโม่อู๋เยว่ แต่พอเห็นแล้ว ก็เกือบจะถูกรัศมีทำให้ตาบอด
โม่อู๋เยว่ยิ้ม มองอย่างหลงใหลหยาดเยิ้ม เหลิ่งยวนจับแก้มของตัวเอง แล้วก็หันศีรษะไปกะพริบตาหลายครั้งค่อยปรับตัวได้ นี่มันทรุณคนไร้คู่ชัดๆ นี่ขนาดไม่ได้อยู่ด้วยกันยังจะทำให้อิจฉาจนตาจะบอดแล้ว
ปฏิกิริยาของเหลิ่งยวน โม่อู๋เยว่สังเกตเห็นแล้ว เขายังคงยิ้มอย่างหลงใหล สายตาเต็มไปด้วยความอบอุ่น เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มีลูกกับเขาก็ได้นี่นา
ทันใดนั้น แววตาของโม่อู๋เยว่ก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นทันที ปรายตาของเขามองไปยังที่ที่ไกลออกไปอย่างเย็นชา ไม่เพียงแต่เขา จูนจิ่วเองก็รู้สึกได้ ตลอดทางมีคนคอยตามหลังพวกเขามาตลอด ตั้งแต่ออกจากสำนักศึกษาไท่ชูแล้ว ไม่รู้ว่าต้องการอะไร
สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง จูนจิ่ววางเสี่ยวอู่ลงก้าวเท้าเดินไป“ไปเถอะ พวกเราเข้าไปในภูเขาหนานกัน”
“อะแฮ่ม ดี ”ชิงหยู่ไอค่อกแค่ก จึงเก็บอาการบนใบหน้ากลับไปอย่างยากเย็น ศิษย์น้องร้ายกาจจริงๆ เขาที่เป็นศิษย์พี่ช่างจนใจเสียเหลือเกิน
หลังจากที่พวกเขาเดินเข้าภูเขาหนาน คนที่สะกดรอยตามหลังก็ร่นระยะทางสั้นลงไม่น้อย
และทำให้ชิงหยู่รู้สึกได้ ยังไม่ทันเอ่ยปาก จูนจิ่วก็ส่งสายตา เห็นดังนี้
ชิงหยู่ก็รีบเก็บอาการ ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเดินต่อไป
ฝูงนกที่ออกไปดูลาดเลากลับมาแล้วไม่น้อย จูนจิ่วรวบรวมข่าว ชิงหยู่รับผิดชอบทำเครื่องหมายบนแผนที่
นี่คือจุดที่พวกเขาต้องไปค้นหา หญ้าสวนยิงอยู่ในนั้น
กระทั่งท้องฟ้ากลายเป็นสีดำแล้ว พวกเขาก็ไปมาสิบกว่าจุดแล้ว จากการเปรียบเทียบจากข่าวได้เลือกห้าจุดที่มีความน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด ชิงหยู่พูดว่า“ศิษย์น้อง พรุ่งนี้เราออกเดินทางตามเส้นนี้ เดินไปทั้งห้าจุดที่ทำเครื่องหมายไว้ หากไม่มีหญ้าสวนยิง ค่อยไปยังจุดอื่นๆ ”
“อืม”จูนจิ่วพยักหน้า
นางนิ่งอยู่บนยอดไม้ ปล่อยนกตัวสุดท้ายออกไป
ที่ไกลออกไป หยุนหนีที่แอบดูอยู่ก็รีบตามไป นางแอบจับนกไว้ได้ตัวหนึ่ง
จับปากของนกไว้แน่นเพื่อไม่ให้มันส่งเสียง หยุนหนีจ้องนกอย่างจับพิรุธทั้งบนล่างซ้ายขวา กระทั่งง้างปากของนกขึ้น
ไม่เห็นมีอะไรเลย หยุนหนีขมวดคิ้วในใจยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น
นางไม่ได้ยินที่จูนจิ่วคุยกับชิงหยู่ แต่เห็นว่าหลังจากที่นกทุกตัวมาแล้ว
ชิงหยู่ก็จะขีดๆวาดๆบนแผนที่ หยุนหนีมั่นใจว่าฝูงนกพวกนี้กำลังส่งข่าวให้พวกเขาแน่
แต่นางไม่เจออะไรเลย หรือว่านางจะคาดเดาผิด หยุนหนีส่ายหน้า “ต้องเกี่ยวกับนกพวกนี้แน่”
แล้วนางก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังจูนจิ่วกับชิงหยู่ หยุนหนีหรี่ตาพึมพำ “ขอแค่ข้าสะกดตามพวกเขาไป ไม่ช้าก็ต้องรู้ พวกเขาอย่าคิดว่าจะได้หญ้าสวนยิง เพื่อจะได้กลับไปเข้าร่วมการแข่งขันลูกศิษย์”
ถ้าจูนจิ่วกับชิงหยู่เข้าสู่ภายในสำนักได้ อาศัยความสามารถกับพรสวรรค์ของพวกเขา คงจะต้องได้รับการฝึกฝนจากทรัพยากรหลักแน่นอน ถึงตอนนั้นนางคิดจะจัดการพวกเขาก็ยากแล้ว อีกอย่างการลงมือในสำนักไม่ง่ายเหมือนนอกสำนัก ฉะนั้นหยุนหนีไม่ให้พวกจูนจิ่วทำภารกิจสำเร็จเด็ดขาด
หยุนหนีกำลังใช้ความคิด ไม่ทันรู้สึกว่าด้านหลังนางมีนกตัวหนึ่งกำลังเอียงคอมองนางอย่างวิเคราะห์
ใต้ราตรี นั่งอยู่ข้างกองไฟที่ดับมอดเพื่อรับความอบอุ่น ชิงหยู่ส่งเสียงให้จูนจิ่ว “ศิษย์น้อง คนที่ตามอยู่ข้างหลังพวกเราคือใคร ”
“หยุนหนี ”
“เอ๋”ชิงหยู่ประหลาดใจ หยุนหนี นั่นมันคนที่ช่วยพวกเขาที่จวนเจ้าเมืองไท่ชูไม่ใช่หรือ ทำไมต้องสะกดรอยตามพวกเขาด้วย
แววตาขรึมครุ่นคิด ชิงหยู่เก็บรอยยิ้มผ่อนคลาย เขาครุ่นคิดอย่างจริงจัง ค่อยส่งเสียงถามจูนจิ่ว “หยุนหนีเป็นหลานของผู้อาวุโสใหญ่ และเกี่ยวข้องกับผู้ดูแลหวาง หรือว่าเรื่องหญ้าสวนยิงก็เป็นแผนของนาง”
“ไม่ตัดความเป็นไปได้ในข้อนี้ แต่ว่าจนถึงตอนนี้นางก็แค่สะกดรอยพวกเรา ไม่ได้ลงมือ ไม่ง่ายที่จะคาดเดาเป้าหมายของนาง”จูนจิ่วตอบ
ชิงหยู่ “นางจะฆ่าคนปล้นของหรือเปล่า ”
หญ้าสวนยิงล้ำค่ายิ่งนัก อีกทั้งยังมีม้าลายเสือดาวคอยเฝ้าอยู่ อย่าเห็นว่าเป็นแค่สัตว์ทิพย์ระดับห้า ระดับความยากในการต่อกรนั้นแม้แต่ชิงหยู่ยังไม่กล้าผลีผลาม พรสวรรค์ในการรับรู้ของม้าลายเสือดาวนั้นยอดเยี่ยมมาก ยากที่จะต่อกรด้วย
ชิงหยู่คาดเดา หยุนหนีเป็นนักจิตชั้นเก้าไม่มียาทิพย์ใหญ่ก็บรรลุไม่ได้มิใช่หรือ ใช่ต้องการยืมมือพวกเขาฝ่าอันตรายเพื่อชิงหญ้าสวนยิงมา จากนั้นนางก็แอบขโมยหญ้าสวนยิงไป ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าการคาดเดานี่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด
แต่จูนจิ่วไม่ได้รู้สึกเช่นนี้
หากวิเคราะห์แยกแยะอย่างละเอียด นำเบาะแสที่ได้มาวิเคราะห์ทีละอย่าง แม้ว่านางจะไม่เคยพบกับผู้อาวุโสใหญ่มาก่อน แต่ดูจากหยุนหนีแล้วก็เห็นเพียงแต่ความพิรุธไม่ปกติ
คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำไมต้องจงใจหาเรื่องพวกเขา หากเป็นศัตรู แล้วทำไมต้องช่วยพวกเขาที่จวนเจ้าเมืองด้วย หากเป็นเพื่อน ทำไมหยุนหนีต้องสะกดรอยตามพวกเขาด้วย เรื่องน่าสงสัยแต่ละอย่าง จูนจิ่วมีสัญชาตญาณว่านางเข้าไปภายในสำนักได้แล้วจึงจะได้คำตอบ
ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ ไปเอาหญ้าสวนยิงให้ได้ก่อน
นิ้วมือหยุดนิ่งอยู่ในกลุ่มขนแมวหน่านุ่มของเสี่ยวอู่ ใจของจูนจิ่วค่อยๆสงบลง หลังพิงต้นไม้ค่อยๆหลับตาลง “พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีงานอีกมาก”
“ศิษย์น้องเจ้าพักเถอะ ข้าจะเฝ้ายามเอง”ไกลออกไปยังมีหยุนหนีคอยจ้องดูอยู่ ชิงหยู่จะกล้าพักได้อย่างไร อีกอย่างเขาเป็นผู้ชายอกสามศอก ไม่นอนทั้งคืนก็ไม่เป็นไร แต่ศิษย์น้องต้องพักผ่อนดีๆ ต้องดูแลหญิงสาวให้ดีที่สุด
ไร้สุ้มเสียงทั้งคืน
แสงอรุณเพิ่งจะโผล่พ้นขึ้นมา จูนจิ่วกับชิงหยู่ก็เริ่มออกเดินทาง เสี่ยวอู่สี่ขารวดเร็วราวสายฟ้า ไปสำรวจทางอยู่ด้านหน้าที่ไกลออกไป พวกเขาเริ่มค้นหาจากจุดที่ใกล้ที่สุดจุดหนึ่ง จุดที่หนึ่งไม่ใช่ จุดที่สองก็ไม่ใช่ ค้นหาตั้งแต่เช้าจนถึงกลางวัน แสงแดดร้อนแรงแผดเผา พวกเขาเพิ่งจะค้นหาตรงจุดที่สี่เสร็จ ม้าลายเสือดาวก็ไม่ได้อยู่ที่นี่
จูนจิ่วพูด “ที่นี่ล้วนเป็นที่ที่ม้าลายเสือเคยปรากฏตัวมาก่อน เหลือจุดที่ห้า หากไม่มีก็ต้องไปหาที่อื่นแล้ว ”จุดอื่นๆมันไหลเกินไป อีกทั้งความเป็นไปได้ยังต่ำกว่าห้าจุดนี้ ที่สำคัญกว่านั้นคือเวลาของพวกเขาเหลือไม่มากแล้ว
“ไปเถอะ ไปจุดที่ห้ากัน”
ซาซา ทะลุผ่านยอดดงไม้อย่างด้วยความเร็ว จูนจิ่วกับชิงหยู่เร่งไปยังจุดที่ห้า หุบเขาที่เปิดกว้าง หญ้าเขียวขจี เสี่ยวอู่กระโดดโลดเต้นกลับมาจากหุบเขา
“เจ้านายเป็นที่นี่”