บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 330 คำเดียวที่ใช้บรรยายได้คือ อนาถ
บทที่ 330 คำเดียวที่ใช้บรรยายได้คือ อนาถ
แค่กระบวนท่าเดียว หยุนหนีพลิกจากการถูกตามไล่ล่าอย่างน่าเวทนา เปลี่ยนเป็นออกกระบวนท่าพิฆาตเพียงเสี้ยววินาที
จูนจิ่วยังรู้สึกได้ว่าหยุนหนีได้เปิดจุดตันเถียน พอพลังทิพย์ถึงจุดเดือดก็เผยอำนาจที่น่ากลัว แข็งแกร่งมาก หากนางต้องเผชิญกับหยุนหนีในจุดที่พลังสูงสุด มีเพียงค่ายกลวิญญาณเก้าภพเท่านั้นที่จะพอต่อกรได้ แต่ตอนนี้นางไม่มีหินทิพย์ระดับห้า จะทำค่ายกลวิญญาณเก้าภพก็ไม่ได้
“ฟู่”หยุนหนีฆ่าเหล่าสัตว์ทิพย์ในพริบตา และกระอักเลือดในเวลาเดียวกัน สีหน้าเริ่มซีดลง
จูนจิ่วเห็นดังนั้น สายตาก็เย็นลง นางเกาะอยู่บนต้นไม้พูดเสียงต่ำ“หยุนหนีกำลังสะกดกลั้นการฝึกฝน ฉะนั้นตลอดมาจึงไม่เคยเห็นนางเผยพลังที่แท้จริงมาก่อน แต่วันนี้ได้เผยออกมาแล้วจึงเกิดการสะท้อนกลับของพลังจนได้รับบาดเจ็บ”
“นางก็ดีๆอยู่ทำไมต้องสะกดกลั้นพลังที่แท้จริงด้วย”ชิงหยู่ไม่เข้าใจ
จูนจิ่วกะพริบตา ชาติก่อนเกิดเป็นหมอเทวดาจูนจิ่วก็เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดของการแพทย์หัวเซี่ยแล้ว ตอนนี้ฝีมือทางการแพทย์ของนางยิ่งทวีความยอดเยี่ยมไม่ธรรมดาขึ้นแล้ว อาศัยแค่สายตาคู่เดียวของนางที่ร้ายกาจมาก จูนจิ่วก็สามารถใช้สมองวิเคราะห์ถึงอาการของหยุนหนีได้อย่างรวดเร็ว
นางพูดว่า “เพราะนางบรรลุไม่สำเร็จ ตอนนี้นางเป็นนักจิตใหญ่ไปครึ่งก้าวแล้ว”
“ชิ นักจิตใหญ่ครึ่งก้าว”ชิงหยู่เบิกตาอย่างประหลาดใจ
ที่แท้หยุนหนีไม่ได้เหลือแค่ยาทิพย์ใหญ่เท่านั้นก็จะบรรลุได้ แต่นางเคยใช้ยาทิพย์ใหญ่มาแล้ว เพียงแต่บรรลุไม่สำเร็จ ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องสะกดกลั้นพลังที่แท้จริงเอาไว้ รอคอยที่จะได้ใช้ยาทิพย์ใหญ่อีกครั้งเพื่อเข้าสู่โลกของนักจิตใหญ่
ด้วยสถานะของหยุนหนี นางคงไม่ขาดแคลนยาทิพย์ใหญ่ เพียงแค่ล้มเหลวครั้งเดียว ทำให้หยุนหนีไม่กล้าจะทดลองอย่างง่ายดายอีก ฉะนั้นจึงได้สะกดกลั้นพลังฝึกฝนเอาไว้รอเวลาที่ดีที่สุดเพื่อบรรลุ แต่ตอนนี้นางได้เผยพลังที่แท้จริงและได้รับแรงสะท้อนกลับ ทำให้ห่างจากการบรรลุออกไปอย่างไม่มีกำหนด จูนจิ่วได้แต่ไว้อาลัยให้นาง แต่ไม่ได้เห็นใจนาง มีเหตุย่อมมีผล เป็นหยุนหนีที่หาเรื่องเอง
ตัวเองคิดจะวางยาเพื่อล่อให้เหล่าสัตว์ทิพย์มาทำร้ายพวกเขา แต่ตัวเองกลับตกหลุมพรางซะเอง ตอนนี้ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างสาสม เกรงว่าตอนนี้ในใจของหยุนหนีคงอยากจะกระอักเลือดจนเป็นลมล้มพับแล้ว
เงยหน้าขึ้นดู ปรากฏว่าหยุนหนีโมโหจนกระทืบเท้าจริงๆ นางเห็นสภาพตัวเองที่น่าเวทนา เสื้อผ้าขาดวิ่นไม่เหลือร่องร่อยความสวยงาม ใบหน้าบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย หยุนหนีหมุนตัวพุ่งเข้าไปในป่าลึก จูนจิ่วสายตาเย็นเหยียบ “ตามไป”
หากไม่ปักหลักเฝ้าดูหยุนหนีอย่างถ่องแท้ อาศัยพลังของนางไม่ช้าก็จะไล่ตามทัน และลงมือขัดขวางการกลับไปของพวกเขาอีกครั้ง นางจำเป็นต้องคิดหาวิธี ไม่ให้หยุนหนีตามพวกเขาได้อีก
สะกดตามหยุนหนี พบว่านางวิ่งมาจนถึงข้างทะเลสาบ และถอดเสื้อผ้าทันที สาวงามรักความสวยงาม รับไม่ได้ที่ตัวเองดูมอมแมมน่าสมเพช เรื่องแรกที่ทำคืออาบน้ำก็ถือเป็นเรื่องปกติ
จูนจิ่วลูบใต้คาง ถามชิงหยู่ขึ้นกะทันหัน “ศิษย์พี่ หยุนหนีมีเพียงเสื้อผ้าที่สวมอยู่เท่านั้นใช่หรือไม่ ”
นางเห็นหยุนหนีซักกระโปรงจนสะอาดแล้วค่อยลงไปอาบน้ำ จึงได้เอ่ยถามชิงหยู่ แต่ว่าก็ไม่ได้รับคำตอบอยู่เป็นนาน จูนจิ่วหันไปมองก็เห็นชิงหยู่ยืนหันหลังให้กับพวกนางอยู่ไกลๆ
หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง จูนจิ่วยิ้มมุมปาก
เสี่ยวอู่ “เหมียว คิดไม่ถึงว่าชิงหยู่จะเป็นสุภาพบุรุษกับเขาด้วย”
พูดเหมือนกับนางไม่ปกติอย่างไรอย่างนั้น ก้าวเท้าใหญ่ๆเข้าไปถามชิงหยู่อีกครั้ง ชิงหยู่ฟังแล้วสีหน้าประหลาด “ศิษย์น้องเจ้าคิดจะทำอะไร”
“รอดูเถอะ”
จูนจิ่วก้มลงมองเสี่ยวอู่ส่งสัญญาณมือให้มัน จากนั้นก็มองไปข้างทะเลสาบแล้วพยักหน้า เสี่ยวอู่ก็พยักหน้าตาม ใบหน้าแมวฉายแววจริงจังราวกับมนุษย์ ชิงหยู่ประหลาดใจมาก
ใบหน้าเกิดคำถามว่าข้าคือใคร พวกเขากำลังจะทำอะไร ข้าฟังไม่เข้าใจ
ฟังไม่เข้าใจไม่เป็นไร ชิงหยู่ลืมตามองดีๆก็พอ
เห็นเพียงเสี่ยวอู่คลานอยู่กับพื้น ค่อยๆย่องเข้าใกล้ทะเลสาบ ตอนนี้หยุนหนีระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก แต่เสี่ยวอู่ไม่ใช่สัตว์ทิพย์ อีกทั้งยังตัวเล็กและซ่อนอยู่หลังก้อนหินและพงหญ้า หยุนหนีหันมามองกี่ครั้งก็ไม่เห็นอะไร
จึงเข้าใกล้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เสี่ยวอู่หรี่ตา ยื่นเท้าเข้าไปใกล้
เผยกรงเล็บที่ซ่อนอยู่ในฝ่าเท้าออกมา
แคว๊กๆๆ กระชากและหมุนไปรอบๆชุดกระโปรงที่เปียกปอนที่วางอยู่กับก้อนหิน ใจสื่อถึงใจ จูนจิ่วฟังเสียงของเสี่ยวอู่ที่ดังขึ้นในใจอย่างเอ็นดู ดูกรงเล็บไร้เงาของข้าเหมียว ดูท่าเทพธิดาโปรยดอกไม้เหมียวเหมียว ระหว่างเหมียวๆ ก็มีเสียงงับดังขึ้น ทั้งข่วนทั้งกัด เสี่ยวอู่มองผลงานที่ทำสำเร็จแล้วถอยออกมาอย่างภูมิใจ ความเร็วดุจลม กลับมาอยู่ตรงหน้าจูนจิ่ว เสี่ยวอู่ยืดอกอย่างภูมใจรอคำชื่นชม
“เหมียวเหมียว เสี่ยวอู่ทำภารกิจสำเร็จแล้ว”
“ทำได้ดีมาก ”จูนจิ่วนุ่งยองๆ ยกมือลูบหัวเสี่ยวอู่ แล้วก็เขี่ยที่ขางของมันฟังเสียงสบายใจของเสี่ยวอู่
อุ้มเสี่ยวอู่ขึ้นมา จูนจิ่วเงยหน้ามองชิงหยู่ “เรียบร้อยแล้ว พวกเรากลับไปอย่างสบายใจได้แล้ว ศิษย์พี่”
ใช้มือปิดปากที่ตัวเองหุบไปได้ จากนั้นก็เก็บสายตาที่เกือบจะทะลุเบ้าออกไปแล้ว
ชิงหยู่กลืนน้ำลาย ชูนิ้วโป้งขึ้นให้กับจูนจิ่ว ร้ายกาจ แผนการของเจ้าช่างเจ้าเล่ห์มาก ข้าเชื่อว่าร้อยทั้งร้อย หยุนหนีตามพวกเขาไม่ทันแน่
นอกเสียจากว่านางเต็มใจที่จะ หึหึ
ไม่มีอุปสรรคอย่างหยุนหนีแล้ว จูนจิ่วกับชิงหยู่ก็ออกจากภูเขาหนานตั้งแต่พลบค่ำของวันนั้น
เดินทางไม่หยุดพัก ตรงกลับไปยังสำนักศึกษาไท่ชู เวลามีจำกัด พวกเขาต้องเร็ว ต้องเร็วเท่านั้น
หลังจากพวกเขาจากไปได้ไม่นาย หยุนหนีก็ทำความสะอาดร่างกายจนพอใจแล้ว
นางยืนอยู่ในน้ำลูบไปที่หน้าอก สีหน้ายังคงซีดขาว หยุนหนีบาดเจ็บไม่น้อย แต่นางยิ่งรู้สึกสงสัยไม่เข้าใจ
หยุนหนีพึมพำ “ข้าโรยผงดึงดูดสัตว์ทิพย์ไปรอบตัวพวกจูนจิ่วแท้ๆ แล้วทำไมจึงมาไล่ข้าได้นะ อีกอย่างผงดึงดูดสัตว์ทิพย์นั้นเป็นอาจารย์พิษกลั่นขึ้นมาเอง ท่านปู่เคยบอกว่ามีเพียงเทียงฉิวที่มีผงยานี้ ชนชั้นต่ำที่มาจากสองสำนักสิบแคว้น ต้องไม่รู้จักผงดึงดูดสัตว์ทิพย์เป็นแน่ ”
ฉะนั้นนางจึงได้ใช้มัน เพราะคิดว่าจูนจิ่วไม่รู้จักมัน แผนของนางก็จะไม่ถูกเปิดเผย
แต่ทำไมจึงกลับตาลปัตรไปได้ สัตว์ทิพย์ฝูงนั้นวิ่งไล่นางอย่างบ้าคลั่ง บีบให้นางต้องลงมือ ทำให้ได้รับผลสะท้อนกลับ
“หรือว่าตัวข้าพกผลดึงดูดสัตว์ทิพย์นานเกินไป จึงทำให้ น่าโมโหนัก ทำให้ข้าเสียวผงยาดึงดูดสัตว์ทิพย์ไปเปล่าๆ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ดีกว่า ข้าต้องรีบกลับไปไม่อย่างนั้นพวกจูนจิ่วต้องสงสัยแน่”หยุนหนีเดินไปข้างทะเลสาบ ยื่นมือไปเอากระโปรงของตัวเอง
นางสวมกระโปรงไปพลาง คิดไปพลางว่า นางยังมีเวลา ขอเพียงแค่ภายในวันพรุ่งนี้จูนจิ่วกับชิงหยู่กลับไปไม่ทัน ร้อยทั้งร้อยพวกเขาต้องไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันลูกศิษย์
ทันใดนั้นสีหน้าของหยุนหนีก็แข็งทื่อไป นางค่อยๆก้มลงมอง ยื่นมือยกกระโปรงของตัวเองขึ้น
เห็นเพียงกระโปรงที่ตอนถอดออกยังดีๆอยู่ มีเพียงแขนเสื้อด้านซ้ายที่ถูกสัตว์ทิพย์กัดจนขาดเท่านั้น แต่ตอนนี้กระโปรงนางกลับขาดเป็นริ้วๆ อย่าว่าแต่ปิดขาอ่อนไว้ไม่อยู่เลย แม้แต่ตรงบริเวณอกเสื้อก็เป็นรูใหญ่
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้
ชุดกระโปรงใส่ไม่ได้แล้ว แต่ตอนที่นางเร่งรีบตามพวกจูนจิ่วออกมา ไม่ได้เตรียมชุดสำรองมาด้วย ฉะนั้นจึงมีแค่ชุดที่ใส่มาชุดเดียวเท่านั้น ตอนนี้เป็นแบบนี้ไปแล้วนางจะกลับยังไง
ไม่ ข้าต้องตาฝาดไปแน่ๆ ไม่ผิด หยุนหนีหลับตา แล้วก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็ปิดตาลงอีก ทำอย่างนี้วนอยู่หลายรอบ หยุนหนีมือสั่นไม่หยุด “อ๊า”เสียงกรีดร้องทำเอาฝูงนกแตกฮือ ช่วงพลบอุณหภูมิในป่าลดลง ทำให้หยุนหนีจามออกมา
คำเดียวที่ใช้บรรยายสภาพตอนนี้คือ น่าอนาถ