บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 336 ถูกบังคับกอดซ้ายกอดขวา
บทที่ 336 ถูกบังคับให้กอดซ้ายกอดขวา
เมืองไท่ชูมีห้องกลั่นยาใหญ่เพียงแห่งเดียว มีชื่อว่าห้องกลั่นยาซานเซิ่ง ที่คือห้องกลั่นยาที่ดำเนินงานโดยสำนักศึกสามทั้งสาม ไม่ต้องพูดถึงว่าทั้งตัวสมุนไพรและสรรพคุณนั้นยอดเยี่ยมขนาดไหน แต่ราคาก็สูงตามไปด้วยเช่นกัน
จูนจิ่วกับโม่อู๋เยว่เดินเข้าไปในห้องกลั่นยาซานเซิ่ง หน้าตาที่โดดเด่นของนางดึงดูดสายตาของผู้คนไม่น้อย แต่เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของโม่อู๋เยว่แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าหันมามองซ้ำ ทุกคนจำได้เพียงแค่ว่าเป็นคนสวยที่ดูน่าทึ่งคนหนึ่ง ในอ้อมกอดอุ้มแมวสีขาวที่สวยงามเอาไว้
เมื่อได้เห็นจูนจิ่วพวกเขาก็เดินเข้ามาใกล้ จากนั้นจึงมีเด็กเด็กรับใช้ก้าวขึ้นมาต้อนรับ ด้วยรอยยิ้มที่สดใสร่าเริง “ไม่ทราบว่านายท่านทั้งสองต้องการจะซื้ออะไร ?”
“เจ้าลองแนะนำห้องกลั่นยาซานเซิ่งของเจ้าดูก่อนสิ “ จูนจิ่วยกมือขึ้นแล้วโยนหินทิพย์ชั้นที่หนึ่งให้แก่เด็กรับใช้หนึ่งก้อน เด็กรับใช้คว้าพินทิพย์เอาไว้แล้วยิ้มออกมาอย่างดีใจ ลืมความสงสัยว่าทำไมจูนจิ่วจึงไม่รู้จักห้องกลั่นยาซานเซิ่งไปโดยสิ้นเชิง แล้วค่อยๆ พูดอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด
เด็กรับใช้แนะนำว่า : “ห้องกลั่นยาซานเซิ่งของเราแบ่งออกเป็นสามชั้น ชั้นที่หนึ่งคือที่ที่พวกท่านยืนอยู่ตอนนี้ ที่นี่มีสมุนไพรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด สินค้าทุกชนิดล้วนแล้วแต่มีคุณภาพสูง ! ชั้นที่สองคือสมุนไพรหายาก คุณภาพดี ราคาก็ยุติธรรม ส่วนชั้นที่สามคือยาที่นักกลั่นยากลั่นออกมาด้วยตัวเอง ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองอยากจะดูที่ไหนก่อน ?”
อย่าคิดว่าห้องกลั่นยาซานเซิ่งมีเพียงแค่สามชั้น เพราะแต่ละชั้นกว้างใหญ่ไพศาลเป็นอย่างมาก จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นก็ไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของห้องกลั่นยาได้
จูนจิ่วไม่อยากเสียเวลากับชั้นที่หนึ่ง นางใช้นิ้วคีบจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมาแล้วยื่นให้เด็กรับใช้ “สมุนไพรที่เขียนอยู่ในนี้ จงไปจัดมาให้ข้าสามห่อ”
“ได้ ! ท่านทั้งสองโปรดรอสักครู่” เด็กรับใช้รีบนำใบสั่งยาไปมอบให้คนอื่น จากนั้นเขาก็เห็นจูนจิ่วเดินขึ้นไปชั้นสองจึงได้รีบตามขึ้นไปทันที
เขาไม่พูดอะไรมาก แต่เมื่อจูนจิ่งต้องการก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยปาก ทำเพียงแค่หันไปมองเขาก็จะเอ่ยปากแนะนำโดยทันที เช่นนี้ถือว่าช่วยจูนจิ่วได้มาก
ที่ชั้นสอง จูนจิ่วเดินอย่างอดทน ถ้ามีสิ่งที่ต้องการ นางก็จะบอกให้เด็กรับใช้นำไปจัดห่อให้ ถ้าไม่มีก็เดินต่อไปเพื่อหาของที่ต้องการ
เด็กรับใช้เดินตามข้างๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ชั้นที่หนึ่งไม่พูดอะไร แต่เมื่อถึงชั้นสองกลับเลือกซื้อสมุนไพรโดยไม่กระพริบตา หยิบโดยไม่เอ่ยปากถามราคา นี่ถือเป็นลูกค้ารายใหญ่จริงๆ ! วันนี้ขายดีจริงๆ !
ขณะที่กำลังเดินอยู่ จู่ๆ ด็ได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากชั้นล่าง นางเดินไปดูที่หน้าต่าง ก็เห็นมีคนคนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชนที่คับคั่ง แล้วเข้ามาในห้องกลั่นยาซานเซิ่ง เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว จูนจิ่วหันกลับไปมองที่บันได มีคนขึ้นมาแล้ว
เขาเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าที่งดวามเหมือนผู้หญิง มีดวงตาที่เหมือนกับงูพิษ ในมือถือพัดกวัดแกว่งไปมา แล้วเดินย่างกรายขึ้นมาบนชั้นสองอย่างงดงาม จากนั้นจึงเดินต่อขึ้นไปยังชั้นสามโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง
เหมือนจะสังเกตเห็นสายตาของจูนจิ่ว ชายผู้งดงามคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามอง แววตาเย็นชาและดุร้าย เพียงแค่แวบเดียวก็ผละสายตาแล้วเดินต่อขึ้นไปชั้นบน จูนจิ่วผละสายตากลับมา แล้วเอ่ยปากถามเด็กรับใช้ว่า : “เขาเป็นใคร ?”
“นักกลั่นยาพิษ นามว่าเฟยชิง คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ นักกลั่นยาพิษจะมาที่เมืองไท่ชู !” คนที่ตอบกลับไม่ใช่เด็กรับใช้ แต่เป็นคนที่ขึ้นมาซื้อยาที่ยืนอยู่ข้างๆ
จูนจิ่วเลิกคิ้ว นักกลั่นยาพิษ เฟยชิง ?
ชื่อของนักกลั่นยาพิษ นางได้ยินมานานแล้ว ยาพิษที่จูนหยูนเสวี่ยเคยนำออกมาใช้ ก็เป็นยาพิษที่นักกลั่นยาพิษผลิตขึ้นเอง ที่สองสำนักสิบแคว้น ยาพิษของนักกลั่นยาพิษมีชื่อเสียงดังกระฉ่อน เป็นที่น่าทึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะมีโอกาสได้พบกันที่นี่
จุนจิ่วได้ยินคนที่ยืนข้างๆ พูดอีกว่า : “ดูเหมือนว่าที่นักกลั่นยาพิษมาครั้งนี้ ก็มาเพื่อผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักไท่ชู”
“ผู้อาวุโสใหญ่ ?”
“ใช่แล้ว ! ผู้อาวุโสใหญ่เชิญให้นักกลั่นยาพิษมาปรุงยาทิพย์ใหญ่ เจ้าจำหลานสาวของผู้อาวุโสใหญ่ได้หรือไม่ เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในสำนักไท่ชูของเรา น่าจะเป็นคุณหนูหยุนหนีสินะ ? ยาทิพย์ใหญ่นี้จะต้องปรุงขึ้นเพื่อคุณหนูหยุนหนีอย่างแน่นอน !”
ผู้อาวุโสใหญ่เป็นผู้เชิญให้มากลั่นยาทิพย์ใหญ่นี่เอง ! พวกเขาพยักหน้าและตระหนักขึ้นมาได้ในทันที
จู่ๆ ก็มีคนพูดแทรกขึ้นมา “แต่ก็อาจจะมาเพราะหมอเทวดาที่ชื่อจุนจิ่วผู้นั้นก็เป็นได้ คนที่มาจากสองสำนักสิบแคว้นคนนั้น ร่ำลือกันว่าเป็นนักกลั่นยาที่มีฝีมือเยี่ยมนามว่าจุนจิ่ว !”
คำพูดนี้ถูกคนหัวเราะเยาะขึ้นทันที แล้วพูดขึ้นว่า : “เป็นไปไม่ได้หรอก หมอเทวดาจุนจิ่วสำคัญขนาดไหนกันเชียว ? จะไปเทียบชั้นกับนักกลั่นยาพิษได้อย่างไร ข้ายังไม่เคยได้ยินชื่อนางเลยด้วยซ้ำ”
จุนจิ่วได้ยินเช่นนี้ จุนจิ่วก็หรี่ตาแล้วหันไปมองอย่างเย็นชา นางผละสายตาแล้วหันกลับมาเลือกซื้อสมุนไพรต่อ แต่ชื่อของนักกลั่นยาพิษก็เข้ามาฝังอยู่ในความทรงจำของจุนจิ่วเล็กน้อยในทันที คนที่ไม่มีค่าพอจะต้องเอ่ยถึง แต่จู่ๆ ก็มีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกัน จุนจิ่วจะต้องหาคนคนนี้ให้เจอในทันที
จุนจิ่วตั้งใจซื้อหาสมุนไพร ตอนที่เด็กรับใช้ ถามนางว่าต้องการจะขึ้นไปบนชั้นสามหรือไม่ จุนจิ่วได้ตอบปฏิเสธอย่างไม่แยแส ขณะที่นางหอบยาทั้งหมดกลับไป ก็มีเด็กรับใช้กลุ่มหนึ่งวิ่งลงมาจากชั้นสามอย่างเร่งรีบ ในมือถือใบสั่งยาอยู่
ในห้องส่วนตัวบนชั้นสาม
นักกลั่นยาพิษ เฟยชิงมองใบที่ใบสั่งยาใบสุดท้ายที่ส่งกลับมา เขาหรี่ตาเรียวยาวที่เหมือนกับดวงตาของงู เขาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม มองดูจนแต่ละคนรู้สึกกลัว
เฟยชิงแสยะยิ้มออกมา “ห้องกลั่นยาซานเซิ่งของพวกเจ้ามีสมุนไพรแค่นี้เองหรือ ? ของแค่นี้ไม่มีทางพอหรอก !”
“ท่านนักกลั่นยาพิษอย่าเพิ่งโมโห ! สมุนไพรที่ท่านต้องการเหล่านี้ มีบางชนิดที่เมื่อครู่เพิ่งมีคนมาซื้อไป ข้าน้อยไม่รู้ว่าท่านนักกลั่นยาพิษต้องการ ดังนั้นจึง……ขอท่านนักกลั่นยาพิษอย่าเพิ่งโมโห พวกเราจะจัดหาสมุนไพรที่ท่านต้องการมาให้จากอีกสองเมือง” เจ้าของห้องกลั่นยาซานเซิ่งตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟยชิงก็หรี่ตาลงจนป็นเส้นตรงเส้นเดียว “เมื่อครู่มีคนเอาสมุนไพรอะไรไปบ้าง ?”
มีคนนำใบสั่งยาที่มีรายชื่อสมุนไพรอยู่เข้าไปยื่นให้ในทันที เฟยชิงหยิบมาดูก็ขมวดคิ้วทันที ในนั้นมีสมุนไพรหลายชนิดที่เขาต้องการเป็นอย่างมาก เป็นสมุนไพรที่ต้องใช้สำหรับนำมากลั่นยาทิพย์ใหญ่ ทำไมถึงได้มีคนต้องการเช่นกัน ?
หรือว่าในสำนักไท่ชูมีคนที่กลั่นยาทิพย์ใหญ่เป็นด้วย ? ไม่สิ เฟยชิงส่ายหัว ถ้าหากมีจริงๆ ล่ะก็ แล้วผู้อาวุโสใหญ่จะอุตส่าห์เชิญเขาให้เดินทางมาไกลเช่นนี้เพื่ออะไร มิหนำซ้ำคนเมื่อครู่ยังซื้อหาสมุนไพรชนิดอื่นไปมากมายอีกด้วย เฟยชิงจึงคิดว่าน่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ จึงได้ลืมมันไป
เฟยชิงยิ้ม แล้วกล่าวออกมาอย่างน่ากลัวว่า : “ไปรวบรวมสมุนไพรที่ข้าต้องการมาให้ได้ อีกไม่กี่วันข้าจะต้องไปเข้าพบผู้อาวุโสใหญ่ ถ้าถึงเวลานั้นยังไม่ได้สมุนไพรมาล่ะก็ พวกเจ้าก็จงไปอธิบายต่อผู้อาวุโสใหญ่เองเถอะ”
……
เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันที่จะต้องเข้าไปชั้นในสำนักแล้ว
สองสามวันนี้จุนจิ่วมัวแต่ง่วงอยู่กับการจัดแบ่งประเภทสมุนไพรอยู่ภายในห้อง ถึงแม้นางจะไม่ออกไปข้างนอก แต่ในห้องก้ไม่ได้มีนางเพียงแค่คนเดียว ยังมีโม่อู๋เยว่กับเสี่ยวอู่อีก ไม่เหงาเลยสักนิด แต่กลับทำให้จุนจิ่วรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก ! เพราะโม่อู๋เยว่มัวแต่อิจฉากันไปมา คนกับแมวทะเลาะกันเพื่อที่จะแย่งว่าใครจะได้นอนบนเตียง
ทำให้จุนจิ่วโกรธจนถึงขั้นหอบผ้าห่มไปหาชิงหยู่ที่ห้องข้างๆ แต่สุดท้ายกลับมีที่ปีศาจและแมวเดินขนาบไปซ้ายขวาไม่ห่าง จุนจิ่วที่อยู่ตรงกลางจึงได้แต่รับสภาพที่ถูกกอดซ้ายกอดขวา
ใจจริงแล้วนางอยากจะเตะทั้งคนและแมวให้กระเด็นออกไปเสียจริงๆ !
มู่จิ่งหยวนเดินมาที่ประตูลานตามที่นัดเอาไว้ เขามองจุนจิ่วแล้วยิ้ม จากนั้นจึงหันไปพูดกับชิงหยู่ : “พวกเจ้าเก็บข้าวเก็บของเรียบร้อยหรือยัง ? วันนี้จะพาพวกเจ้าเข้าชั้นในสำนัก หลังจากนี่จะต้องพักอยู่ชั้นในสำนัก จะกลับมาไม่ได้อีกแล้ว”
“เก็บของเรียบร้อยแล้ว พวกเราเองก็ไม่ได้มีของอะไรที่ต้องเอาไปด้วยมากมายนัก” จุนจิ่วทิ่งของชิ้นใหญ่เอาไว้ในห้องทั้งหมด ที่เห็นคือหนึ่งคนถือกล่องใบใหญ่ไปหนึ่งใบ มู่จิ่งหยวนสั่งให้คนรับใช้ส่วนตัวของเขาจัดเก็บให้เรียบร้อย จากนั้นจึงส่งพวกเขาเข้าไปยังชั้นในสำนัก
มู่จิ่งหยวน : “ไปกันเถอะ ให้ข้าได้แนะนำสำนักไท่ชูให้พวกเจ้ารู้จักตั้งแต่ต้นอีกครั้ง”