บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 341 เข้าร่วมสาขา
บทที่ 341 เข้าร่วมสาขา
จูนจิ่วใช้สายตาเย็นชากวาดมองใบหน้าผู้อาวุโสทั้งสาม ตั้งแต่การทดสอบพรสวรรค์ จนกระทั่งรู้ผล จูนจิ่วไม่หยิ่งและไม่ร้อนใจ เฉยชาและปกติจนเหมือนกับว่าไม่ได้รู้สึกดีใจหรือภูมิใจในพรสวรรค์ที่น่าตกใจของตัวเองเลยสักนิด
จิตใจเช่นนี้ ยิ่งทำให้ผู้อาวุโสรองกับผู้อาวุโสสามรู้สึกคันยิบๆในใจอย่างยากจะทนได้ ปฏิกิริยากับพรสวรรค์ของจูนจิ่ว แน่ยิ่งกว่าแน่ว่าถ้านางไม่ละทิ้งกลางคัน ภายหน้าคงต้องผู้ที่แกร่งที่สุดจนโลกตกตะลึงแน่ๆ หากว่าพวกเขารับจูนจิ่วเอาไว้ และเป็นอาจารย์ของจูนจิ่ว ชื่อเสียงแพร่ออกไปจะมีความภาคภูมิใจมากขนาดไหน
ต่างก็กำลังรออย่างใจจดใจจ่อให้จูนจิ่วเอ่ยปาก พูดว่านางจะเลือกใคร ชิงหยู่ก็มองจูนจิ่ว เขาแอบส่งเสียง “ศิษย์น้องเจ้าเลือกใคร”
จูนจิ่วพูดว่า“ผู้อาวุโสทุกท่านต่างก็ไม่เลว แต่ข้าจูนจิ่วมีเรื่องหนึ่งอยากจะขอร้อง หากใครสามารถตอบตกลงได้ข้าจะเข้าร่วมสาขาของคนนั้น ”
“ข้อร้องเรื่องอะไร”
“ข้าเคยไหว้ครูรับอาจารย์มาแล้ว ให้อภัยด้วยที่ข้าจูนจิ่วนั้นไม่สามารถมีอาจารย์สองคนพร้อมกันได้ ข้าสามารถเรียกพวกท่านว่าอาจารย์ แต่ไม่สามารถทำพิธีไหว้ครูได้”จูนจิ่วพูด ทุกคนในนี้ต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไป จูนจิ่วมีอาจารย์แล้ว
ชิงหยู่ได้ฟังแล้วก็ประหลาดใจ ศิษย์น้องเห็นผู้อาวุโสโม่สำคัญขนาดนั้นเชียว
นอกตำหนัก โม่อู๋เยว่ที่ได้ยินดังนี้ก็ยิ้ม เขารู้ว่าจูนจิ่วไม่อยากไหว้ครู จึงได้ลากเขาเอาไปเป็นกระดานกันลูกศร แต่เขานั้นมีเพียงหนึ่งเดียวไม่มีใครแทนที่ได้ แม้จะเป็นแค่ในนามเท่านั้นก็ตาม และเพราะจูนจิ่วจึงทำให้ไม่เป็นไปอย่างธรรมดา
แต่สำหรับผู้อาวุโสทั้งสามที่อยู่ในตำหนัก และยังมีหยุนหนีกับมู่จิ่งหยวน พวกเขาคิดว่าอาจารย์ของจูนจิ่วก็คือท่านเจ้าสำนักเทียนอู่จงคนก่อน สีหน้าจึงได้เปลี่ยนไปไม่น่าดูนัก
หยุนหนีขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น “จูนจิ่วทำไมเจ้าจึงแยกแยะหนักเบาไม่ออก อาจารย์ดุจบิดา มีความสำคัญมาก แต่นักจิตนั้นมีชีวิตที่ยืนยาว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอาจารย์แค่คนเดียว อีกอย่างเจ้าสำนักเทียนอู่จงคนก่อนก็ได้ตายไปนานแล้ว จากนี้ไปเจ้าจะไม่ไหว้ครูรับอาจารย์ ไม่อยากมีอนาคตแล้วหรือ”
“จูนจิ่วเจ้าอย่าทำเป็นไม่รู้ชั่วดี ข้าเป็นถึงหนึ่งในสามของผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชู ยังเทียบกับคนที่ตายไปแล้วไม่ได้อย่างนั้นหรือ”ผู้อาวุโสรองพูดขึ้น สีหน้าโกรธเกรี้ยวไม่น่ามอง
เห็นพวกเขาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเจ้าสำนักเทียนอู่จงคนก่อน จูนจิ่วก็ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร
นางยังคงสีหน้าเฉยชา “ข้ามีเรื่องเดียวที่อยากขอร้อง ขอพวกท่านโปรดอภัยด้วย”
“เจ้า เหลวไหล”ผู้อาวุโสสามจ้องเขม็ง
ในสายตาของพวกเขา จูนจิ่วนั้นทั้งโง่ทั้งดื้อ ขอเพียงแค่คำนับพวกเขาเป็นอาจารย์ ไม่ว่าจะคนไหน อนาคตของจูนจิ่วก็จะไร้ที่สิ้นสุด แต่จูนจิ่วไม่ยอมไหว้ครูรับอาจารย์ แล้วใครจะรับนางเป็นศิษย์
พวกเขาลืมไปว่า ผู้อาวุโสใหญ่ยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร
ผู้อาวุโสใหญ่หรี่ตาจ้องมองจูนจิ่ว “ได้ ข้าตกลง เจ้าเรียกข้าอาจารย์ก็พอแล้ว”
ชิ
ผู้อาวุโสรองกับผู้อาวุโสสามตกตะลึง มู่จิ่งหยวนก็เช่นกัน ผู้อาวุโสยอมถอยให้ในที่สุด
พระอาทิตย์จะโผล่จากทางทิศตะวันตกหรือไม่ มีเพียงหยุนหนีเท่านั้นที่รู้ว่าท่านปู่ของนางมีเป้าหมายอะไร ฉะนั้นไม่ว่าอย่างไรก็จะรับจูนจิ่วเอาไว้แน่นอน
ขยับปากเล็กน้อย หยุนหนีไม่พูดอะไร นางจ้องไปที่ดวงตาของจูนจิ่ว ทั้งอิจฉาทั้งไม่พอใจ หากไม่ใช่เพราะจูนจิ่วมีสิ่งล้ำค่าของพี่หงยิงต้องการ ยังมีวิชาฝึกตนวิชาจิตที่ท่านปู่ต้องการแล้วละก็ นางจะจัดการให้จูนจิ่วน่าดูชมทีเดียว
ไม่ว่าในใจจะคิดอย่างไร แต่ใบหน้าท่าทีของหยุนหนีก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นฉายออกมา นางได้ยินก็เดินไปยังจูนจิ่ว ยื่นมืออยากจะกุมมือจูนจิ่วไว้ แต่จูนจิ่วกลับเบี่ยงตัวหลบอย่างช้าๆ หยุนหนีสีหน้าแข็งทื่อ
แต่ก็ต้องรีบเก็บอาการ หยุนหนียังคงยิ้ม “ดีมากเลย จูนจิ่วตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเจ้าก็คือศิษย์น้องของข้าแล้ว พอถึงสาขาที่สอง เจ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกข้าได้ ข้ากับเจ้าคงมีเรื่องต้องคุยกันเยอะมาก ”
“จริงหรือ ศิษย์พี่หยุนหนีคงอยากจะถามว่าทำไมข้ากับศิษย์พี่ต้องทิ้งท่านกลับมาก่อนใช่หรือไม่ ”จูนจิ่วมองหยุนหนีด้วยสายตาเย็นชา มองจนเงาร่างของนางก็แข็งทื่อตามไปด้วย
ทำไมจูนจิ่วต้องโพล่งออกมาด้วย
หยุนหนีใจร้อนรนแต่สีหน้าหนักแน่น หรือว่าจูนจิ่วจะรู้ว่านางไปภูเขาหนานทำไม ไม่ เป็นไปไม่ได้ นางไม่ได้เผยอะไรออกไปซะหน่อย จูนจิ่วจะรู้ได้อย่างไร นึกถึงตรงนี้ หยุนหนีก็เตรียมใจกำลังจะเปิดปากพูด แต่กลับถูกจูนจิ่วตัดบทซะก่อน
จูนจิ่วยิ้มเย็น นางพูดว่า “ต้องขออภัยศิษย์พี่หยุนหนีด้วย ข้ากับศิษย์ต้องเร่งกลับมาเพื่อให้ทันการแข่งขันลูกศิษย์ จึงไม่ได้รอท่านกลับพร้อมกัน ”
“ไม่ ไม่เป็นไร พวกเจ้าเข้าร่วมการแข่งขันสำคัญกว่า ”หยุนหนีพูดออกไปอย่างแห้งๆ สีหน้าแข็งทื่อ
ผู้อาวุโสรองและผู้อาวุโสสามไม่อยากจะเชื่อ ผู้อาวุโสใหญ่รับจูนจิ่วเป็นผู้เรียนไม่ใช่ลูกศิษย์ นี่มันเป็นครั้งแรกของสำนักศึกษาไท่ชูเลยก็ว่าได้ แต่ชิงหยู่ กลับไหว้ครูรับผู้อาวุโสรองเป็นอาจารย์อย่างราบรื่น เข้าสู่สาขาที่สาม
เหมือนที่มู่จิ่งหยวนเคยกล่าวไว้ หลังจากทดสอบพรสวรรค์แล้วหากสามารถเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสได้ สถานะก็ย่อมสูงตามไปด้วย
แต่วันนี้ไม่เป็นอย่างนั้น
แต่จูนจิ่วกับชิงหยู่ก็ยังคงพักอาศัยอยู่ที่ลานที่มู่จิ่งหยวนจัดหาไว้ให้ ไม่ได้คิดจะย้ายไปอยู่ที่สาขาที่สองและสาขาที่สามแต่อย่างไร เห็นผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้ ผู้อาวุโสรองก็ได้แต่แกล้งทำเป็นใจกว้างเห็นด้วยอีกคน
พวกเขาทดสอบพรสวรรค์ ได้แพร่ะสะพัดออกไปทั่วสำนักศึกษาไท่ชูแล้ว มีคนไม่น้อยต่างก็รอที่จะรู้ผลอย่างอยากรู้อยากเห็น พอผลสรุปออกมา ก็สั่นสะเทือนไปทั้งสำนักศึกษาไท่ชู
พรสวรรค์ระดับหกสีฟ้าของจูนจิ่ว พรสวรรค์ระดับห้าสีครามของชิงหยู่ทำให้คนในสำนักศึกษาไท่ชูร่วงกราวลงไปไม่น้อย ขณะเดียวกันก็มีคนอิจฉาริษยา จิตใจไม่สงบเพราะเกรงเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหน้า
……
หลังจากกลับไปยังที่พัก ชิงหยู่เงยหน้าก็มองเห็นปีศาจบางตนที่หยอกเล่นกับแมวอยู่บนตั่ง สีหน้าไม่ค่อยจะเป็นธรรมชาตินัก เมื่อคิดว่าศิษย์น้องให้ความสำคัญกับโม่อู๋เยว่มาก จนไม่สามารถรับผู้อื่นเป็นอาจารย์ได้
ในใจของชิงหยู่ก็รู้สึกมีรสเปรี้ยวขึ้นมา
“เหมียว”เสี่ยวอู่มองจูนจิ่วด้วยสายตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตา ยื่นขาออกไปขอความช่วยเหลือ มันอยู่ในมือของโม่อู่เยว่ ท่าทีที่ลูบขนเสี่ยวอู่ไม่ปล่อยให้มันได้ผ่อนคลาย กลับกันราวกับโม่อู๋เยว่กำลังลงทันฑ์มันจนร่างแข็งทื่อ โม่อู๋เยว่เหลือบมองมันแวบหนึ่ง คลายมือออกเสี่ยวอู่รีบกระโจนออกไปหลบอยู่หลังจูนจิ่วทันที
เห็นอย่างนี้ จูนจิ่วก็เลิกคิ้ว “พวกเจ้าทำอะไรกัน”
โม่อู๋เยว่ยิ้มชั่วร้าย “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ลองถามเสี่ยวอู่ดูสิ ”เสี่ยวอู่ส่ายหน้าไปมาเป็นกลองปั่น
มันจะให้จูนจิ่วรู้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นโม่อู๋เยว่จะขโมยมันออกไป แล้วยังขู่ว่าจะบอกเรื่องที่ยอมยกที่นอนของเจ้านายให้กับเจ้านายฟังด้วย เสี่ยวอู่กลัวแล้ว
แต่เสี่ยวอู่ลืมไปว่าจิตของมันกับจูนจิ่วนั้นผูกพันกัน ปิดไม่มิดอยู่แล้ว
หลังจากได้ยินเสียงในใจของเสี่ยวอู่ จูนจิ่วมุมปากกระตุก หิ้วหลังคอของเสี่ยวอู่ขึ้นมากดไว้ในอ้อมอกกดเอาไว้แน่นครู่หนึ่ง จูนจิ่วเอือมระอา “พวกเจ้าสองคนสมควรพอได้แล้ว”
“ทำไม ศิษย์น้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”ชิงหยู่มึนงง ในหัวเต็มไปด้วยคำถามมองไปยังจูนจิ่วแล้วก็มองโม่อู๋เยว่กับเสี่ยวอู่ ทำไมเขาถึงดูไม่เข้าใจถึงบทสนทนาและสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา
จูนจิ่วไม่ตอบ นางเปิดปากเอ่ยถึงเรื่องสาขาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของชิงหยู่
จูนจิ่วพูดว่า “ข้าเข้าร่วมกับสาขาที่สอง เพื่อจะได้คอยจับตาดูผู้อาวุโสใหญ่กับหยุนหนีเพราะตั้งแต่เริ่มต้นจนบัดนี้ เหมือนจะทำทุกสิ่งขัดกันไปหมด ที่แท้แล้วมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ”
“ศิษย์น้องระวังตัวด้วย เพราะไม่ว่าอย่างไรที่นี่ก็คือถิ่นของพวกเขา”
“ข้ารู้แล้ว ศิษย์พี่ก็ต้องระวังด้วย ก่อนที่จะหาตำราฝึกร่างกายขั้นที่สี่พบพวกเราจะก่อเรื่องที่สำนักศึกษาไท่ชูไม่ได้”จูนจิ่วมือเท้าคาง เอ่ยด้วยสายตาเย็นชา