บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 347 ได้รับความรักเอ็นดูเพียงคนเดียวพวกเขาไม่ยอม
- Home
- บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
- บทที่ 347 ได้รับความรักเอ็นดูเพียงคนเดียวพวกเขาไม่ยอม
บทที่ 347 ได้รับความรักเอ็นดูเพียงคนเดียวพวกเขาไม่ยอม
ตั้งแต่การทะลุเวลาจนถึงตอนนี้ จูนจิ่วยังไม่เคยใช้พลังจิตทั้งหมดที่มีมาก่อน ร่างนี้เหมาะสมกับวิญญาณของนางที่สุด แต่ไม่สามารถรองรับพลังจิตของนางได้ฉะนั้นจึงได้เก็บไว้ตลอดมา ภายใต้ขอบเขตที่สามารถทนรับได้ จูนจิ่วค่อยๆเพิ่มพลังจิตทีละนิด
พลังจิตแผ่กระจายไปทั่วทั้งชั้นสามของห้องสมุด ครั้งนี้จูนจิ่วไม่เห็นโม่อู๋เยว่ ในใจอดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายยาก แต่เพียงพริบตาก็ถูกทิ้งไว้ด้านหลังแล้ว จูนจิ่วหลับตาลงตั้งใจใช้พลังจิตเข้าสู่ชั้นที่สี่ของห้องสมุด
ชั้นที่สี่ของห้องสมุดไม่มีคนอยู่ จูนจิ่วเริ่มจากจุดที่ใกล้ที่สุด ค่อยๆค้นหาครั้งละยี่สิบเล่ม
หนังสือข้างบนนี้ แม้ว่าจะไม่มีวิชาฝึกตนชั้นที่สี่ แต่ก็เป็นหนังสือล้ำค่าไม่ธรรมดา อย่างน้อยดูแล้วก็ไม่เสียเปล่า
ตอนที่จูนจิ่วกำลังอ่านหนังสือได้ครึ่งหนึ่งของชั้นสี่อย่างราบรื่นนั้น จู่ๆก็มีคนเดินลงมาจากชั้นห้ามายังชั้นสี่ จูนจิ่วหัวใจกระตุก รีบเก็บพลังจิตกลับมาทันที ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าคนหนึ่งทำเสียงประหลาดใจ มองไปยังทิศทางที่พลังจิตของนางถอยกลับออกไป
ซวยแล้ว เหมือนจะถูกจับได้แล้ว
จูนจิ่วลืมตาขึ้น สีหน้าเปลี่ยนแปลงกะทันหันนางรีบลุกขึ้นเดินไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งเดินไปหาชิงหยู่ ชิงหยู่ยังอยู่ในสีหน้าไม่รู้เรื่อง จูนจิ่วเอ่ยขึ้นว่า “ศิษย์พี่ ท่านดูกระบวนท่านี้เป็นอย่างไร พวกเราฝึกดีหรือไม่”
หา ชิงหยู่ยิ่งมึนงงไปใหญ่ มองจูนจิ่วแล้วมองไปยังหนังสือที่อยู่บนมือจูนจิ่ว ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก เขาตั้งสติไม่ทัน
ตอนนี้เองมีเสียงใจดีของผู้เฒ่าดังขึ้นมาว่า “นี่คือท่าเท้าลมย้อนแฉลบหลิว เหมาะกับสตรี ศิษย์พี่เจ้าฝึกท่านี้ไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่ แต่เจ้าสามารถลองดูได้”
ปิดหนังสือลง สีหน้าไร้ความตะลึงมึนงงใดๆโดยสิ้นเชิง นางหันไปมอง เกร็งร่างมองไปยังผู้เฒ่าที่เข้ามาใหม่ “ท่านเป็นใคร”
“!”ชิงหยู่นับว่าได้สติคืนมาแล้ว เขาก้าวใหญ่ๆไปบังหน้าจูนจิ่วไว้ จ้องผู้เฒ่าอย่างวิเคราะห์ “เจ้าเป็นใคร ทำไมต้องแอบฟังข้ากับศิษย์น้องคุยกันด้วย”
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ปฏิกิริยาเมื่อครู่ของศิษย์น้องนั้นต้องมีความหมายแอบแฝงแน่ ต้องให้ความร่วมมือศิษย์น้องก่อน กลับไปค่อยถาม แล้วก็จ้องมองผู้เฒ่าเขม็ง ชิงหยู่รู้สึกตื่นตัวระมัดระวัง เขาไม่รู้เลยว่าผู้เฒ่าคนนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่สามารถบอกชัดได้เรื่องเดียว การฝึกบำเพ็ญของเขาสูงมาก ไกลเกินกว่านักจิตชั้นแปดอย่างเขามาก
ชิงหยู่ต้องป้อมขึ้นมา บังจูนจิ่วจนมิดไม่ให้ผู้เฒ่ามองเห็น เห็นดังนี้ ผู้เฒ่าก็คือเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูเลิกคิ้วมองชิงหยู่ เขาจับที่เคราแล้วยิ้ม “ไม่ต้องตื่นเต้น ข้าเพียงแค่เดินผ่านมาแล้วได้ยินพวกเจ้าคุยกัน ก็เลยพูดเตือนเท่านั้น”
“ออ พวกข้าไม่ต้องการท่านมาเตือน”ชิงหยู่ปฏิเสธเสียงเย็น
เห็นการตอบสนองของชิงหยู่ แววตาของเจ้าสำนักไทชูก็มีรอยยิ้มผุดขึ้น เขาคิดอยากจะเหลือบมองเจ้าจิ้งจอกน้อยที่แสนเจ้าเล่ห์ที่อยู่หลังชิงหยู่ แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ถูกชิงหยู่บดบังไว้หมด
เจ้าสำนักไท่ชูรู้สึกขำ ในใจยังมีความประหลาดใจในตัวจูนจิ่ว เขาเพิ่งจะรับรู้ถึงพลังจิตที่แทรกเข้าไปยังห้องสมุดชั้นที่สี่ พอตามมาก็เห็นจูนจิ่วกับชิงหยู่คุยกัน สายตาของเจ้าสำนักคมปลาบ แวบเดียวก็มองออกแล้วว่าพลังจิตเมื่อครู่นี้เป็นของจูนจิ่วแน่ๆ
หมอเทวดาจูนจิ่ว ได้ยินครั้งแรกก็รู้แล้วว่านางไม่ธรรมดา แม้แต่มู่จิ่งหยวนยังชื่นชม เจ้าสำนักไท่ชูจะไม่ใส่ใจได้อย่างไร
เขาพูดยิ้มๆ “ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร ”
“ศิษย์พี่”จูนจิ่วเรียกชิงหยู่ เขาเดินออกมาจากด้านหลังชิงหยู่เงยหน้าขึ้นมองเจ้าสำนักไท่ชู จูนจิ่วยกมือขึ้นคำนับ “จูนจิ่วคำนับท่านเจ้าสำนักไท่ชู”
หา ผู้เฒ่าคนนี้เป็นเจ้าสำนักไท่ชูหรือ หลังจากตกตะลึงไปชั่วครู่ชิงหยู่ก็ได้สติคืนมา ไม่ผิด นอกจากเจ้าสำนักไท่ชูแล้วจะมีใคร ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสรองผู้อาวุโสสามพวกเขาก็เคยเห็นหน้ามาแล้ว ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าเห็นได้ชัดว่ามีพลังเหนือกว่าพวกเขาสามคน เช่นนั้นก็คงเหลือแต่เจ้าสำนักเท่านั้นแล้ว
ชิงหยู่รีบปรับสีหน้า คำนับเช่นเดียวกัน “ชิงหยู่คำนับท่านเจ้าสำนักไท่ชู”
“จูนจิ่ว ชิงหยู่ พวกเจ้าสองคน ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว วันนี้ก็ค่ำแล้ว ไม่สู้พวกเจ้าตามข้าไปกินข้าวด้วยกันเถอะ”เจ้าสำนักไท่ชูเชิญชวนอย่างกะทันหัน ทำให้จูนจิ่วกับชิงหยู่นิ่งอึ้งไป เชิญพวกเขากินข้าว
ขณะที่กำลังรู้สึกประหลาดใจ ก็ได้ยังเจ้าสำนักไท่ชูพูดว่า “วางใจเถอะ วันนี้ถือว่าข้าทำพวกเจ้าเสียเวลา เรื่องห้องสมุดนี้ จะชดเชยให้พวกเจ้าอีกหนึ่งวัน เป็นอย่างไร”
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนักไท่ชู พวกข้าไม่มีปัญหา”จูนจิ่วพยักหน้ารับทันที
ผลประโยชน์ที่ส่งมาถึงหน้าประตูใครไม่รับก็โง่แล้ว แม้จะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆท่านเจ้าสำนักไท่ชูต้องเชิญพวกเขากินข้าว แต่จูนจิ่วก็เปิดใจกว้างตามไป
เพราะไม่ว่าจะมาไม้ไหนก็รับมือได้อยู่แล้ว นางยังคงนิ่งสงบ
เจ้าสำนักไท่ชูก้มหน้ามองไปยังแมวน้อยที่นั่งอยู่ข้างเท้าของจูนจิ่ว อย่างสงบไม่วุ่นวาย
เจ้าสำนักไท่ชูลูบเครา “แมวนี่เชื่อฟังจริงๆ”
“เหมียว”เสี่ยวอู่เอียงหน้า ร้องขึ้นด้วยเสียงออดอ้อน เจ้าสำนักไท่ชูหัวเราะออกมา “ฟังภาษาคนรู้เรื่องด้วย เป็นแมวที่ฉลาดจริงๆ ข้าได้ยินมาว่าข้างกายของหมดเทวดาต้องมีแมวสีขาวตัวหนึ่ง คงเป็นมันกระมัง ดีจริงๆ”
จูนจิ่วพยักหน้าอย่างมีมารยาท
เจ้าเมืองไท่ชูนำทางอยู่ข้างหน้า หลังจากที่ออกจากห้องสมุดชั้นใน เพิ่งสังเกตว่าลูกศิษย์ที่อยู่ในห้องสมุดชั้นนอกนั้นไม่น้อยลงเลย พวกเขากำลังจ้องมอง ราวกับกำลังหาใครบางคน
พอเห็นเจ้าเมืองไท่ชู ต่างก็คุกเข่าคำนับอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นก็มองเห็นจูนจิ่วกับชิงหยู่ที่เดินพูดคุยหัวเราะออกมาอยู่ด้านหลังเจ้าสำนักไท่ชู ทุกคนต่างเบิกตากว้างจนลูกตาจะถลนออกมาแล้ว ทั้งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทั้งกำหมัดแน่น ต่างก็อิจฉาจนจะบ้าไปแล้ว จูนจิ่วมีโชคดีอะไรหนักหนานะ มีผู้อาวุโสใหญ่รักและปกป้อง ศิษย์พี่หยุนหนีเจอใครก็ชื่นชมจูนจิ่วให้ฟัง ตอนนี้แม้กระทั่งเจ้าสำนักไท่ชูก็ใจดีเป็นกันเองกับจูนจิ่ว
จูนจิ่วเพิ่งมาสำนักศึกษาไท่ชูได้ไม่นาน แต่กลับได้รับความเอ็นดูจากผู้ที่กำอำนาจสูงสุดทั้งหมดในสำนักศึกษาไท่ชูไป เพียงพริบตาก็กลายเป็นที่รักใคร่ไปแล้ว เหล่าลูกศิษย์อิจฉาไม่พอใจ ก็แค่ชนชั้นต่ำที่มาจากสองสำนักสิบแคว้น ทำไมจึงได้รับความเอ็นดูแค่คนเดียว พวกเขาไม่พอใจ
ต่อหน้าเจ้าสำนักไท่ชูพวกเขาไม่กล้าพูดอะไร แต่พอเจ้าสำนักไท่ชูจากไปแล้วทุกคนก็ก่นด่าทันที สาบานว่าจะสั่งสอนจูนจิ่วให้ได้สักครั้ง
เกียรติยศและความเอ็นดูมีเพียงพวกเขาที่เป็นคนของเมืองไท่ชูเท่านั้นสมควรจะได้รับ ชนชั้นต่ำที่มาจากสองสำนักสิบแคว้นสมควรได้รับสิทธิ์นี้ จูนจิ่วเป็นนักกลั่นยามิใช่หรือ นางคงใช้ยายาสลบกับเจ้าสำนัก ผู้อาวุโสใหญ่เป็นแน่ พวกเขาจะเปิดโปงเรื่องหลอกลวงนี้ เผยข้อเท็จจริงให้ได้
ตอนที่หยุนหนีได้ยินเรื่องนี้ ทั้งดีใจแล้วก็ไม่เป็นสุข นางดีใจที่แผนทั้งหมดราบรื่น แต่กังวลใจว่าทำไมท่านเจ้าสำนักจึงไปอยู่กับพวกจูนจิ่วได้
โดยไม่พูดถึงพวกเขา อีกฝั่งหนึ่งจูนจิ่วกับชิงหยู่มาถึงที่อยู่ของเจ้าสำนักไท่ชู โต๊ะเต็มไปด้วยอาหารเลิศรส เหล้าดีรินเต็มจอก มู่จิ่งหยวนต้อนรับทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มสง่าดูดี เขาพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าท่านปู่จะเชิญพวกเจ้ามาเป็นแขก ยินดีต้อนรับ”
ได้ยินมู่จิ่งหยวนเรียกเจ้าสำนักไท่ชูว่าท่านปู่อย่างสนิทชิดเชื้อ แต่ไม่ได้เรียกอาจารย์ จูนจิ่วหรี่ตา นัยน์ตามีแววครุ่นคิด
เจ้าสำนักไท่ชูพูดว่า “วันนี้พวกเจ้าไม่ใช่ลูกศิษย์ในสำนัก แต่เป็นแขกที่มาจากสำนักเทียนอู่จง ถือว่าเป็นแขกของข้า เชิญ “ได้ยินเจ้าสำนักไท่ชูเอ่ยถึงสำนักเทียนอู่จง
จูนจิ่วกับชิงหยู่ประสานสายตากันราวกับกำลังสื่อสารกัน