บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 352 จัดงานล่าสัตว์ทิพย์ก่อนกำหนด
บทที่ 352 จัดงานล่าสัตว์ทิพย์ก่อนกำหนด
เมื่อเห็นตันจู จูนจิ่วก็ยิ้มที่มุมปาก นางปิดผากล่องแล้วก็เก็บมันไว้ในช่องว่างของกำไลข้อมือ จากนั้นก็ใช้นิ้วมือแตะไปที่ใบไม้ของหยกทิพย์ เอ่ยยิ้มๆว่า “นี่มันมีประโยชน์มาก ไม่สามารถให้เจ้าได้นะ”
ชิ หยกทิพย์เปล่งเสียงอ่อนนุ่มออกมา สะบัดใบไม้แล้วกลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างน่าสงสาร
ดวงตายังคงยิ้ม จูนจิ่วกอดออกมองไปยังข้างโต๊ะ นางเปิดปากถามเหลิ่งยวน “อู๋เยว่ยังไม่กลับมาหรือ”
“เจ้านายยังมีเรื่องต้องสะสางอีกหลายวัน ขอแม่นางจูนรอก่อน เจ้านายต้องกลับมาแน่นอน”
ได้ยินเหลิ่นยวนพูดเช่นนี้ จูนจิ่วก็เลิกคิ้วขึ้น นางอยากจะบอกว่าโม่อู๋เยว่จะกลับมาเมื่อไหร่ก็ไม่เป็นไร นางไม่ได้ร้อนใจ
แต่จูนจิ่วก็ยกมือขึ้นลูบที่คางตัวเอง นางกำลังคิดว่ารอให้โม่อู๋เยว่กลับมาแล้วนางควรจะมอบอะไรเป็นการตอบแทนเขาดีนะ ตันจูเจ็ดเม็ดถือว่ามากโขอยู่ อีกทั้งยังสามารถแก้ปัญหาตรงหน้าของนางได้ด้วย ตันจูทั้งหมดแปดเม็ดนางสามารถกลั่นยาทิพย์ใหญ่ได้อย่างสบายใจแล้ว
มือซ้ายดีดกระดิ่ง จูนจิ่วพึมพำ นางยังคงคิดไม่ออกว่าจะมอบอะไรให้กับโม่อู๋เยว่ เช่นนั้นก็ค่อยๆคิดแล้วกัน
วันถัดมา จูนจิ่วเตรียมตัวกลั่นยาทิพย์ใหญ่ ปรากฏว่ามีความคืบหน้าเพียงนิดเดียวเท่านั้น หยุนหนีก็มาอย่างกะทันหัน เปิดประตูออก จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมองหยุนหนีและเอ่ยขึ้น “ศิษย์พี่หยุนหนี ”
“ศิษย์น้องจูน ”ใบหน้าของหยุนหนีเก็บซ่อนแววความโมโหและไม่พอใจเอาไว้ นางค่อยๆยกมุมปากขึ้นเผยยิ้มราวฤดูใบไม้ผลิอันสวยงาม ใบหน้าไม่เผยอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น หยูนหนียิ้มให้กับจูนจิ่วและพูดว่า “ศิษย์น้องจูนทำไมถึงเอาแต่อุดอู้อยู่แต่ในห้อง ไม่ไปเรียน และก็ไม่ไปที่ลานฝึกฝนด้วย คงไม่ใช่ไม่สบายหรอกนะ”
หยุนหนีย่อมรู้ว่าจูนจิ่วนั้นไม่ได้ไม่สบาย
แต่นางคิดไม่ออกว่า จูนจิ่วอุดอู้อยู่แต่ในเรือนมากกว่าสิบวันแล้ว นางไม่มีโอกาสจะหาเรื่องนางได้เลยแม้แต่น้อย หยุนหนีคิดแล้วก็เจ็บใจ จนจะกระอักเลือด
“ศิษย์พี่หยุนหนี ร่างกายของศิษย์น้องข้าสบายดี นางก็เพียงแค่เก็บตัวคร้านจะออกไปข้างนอกก็เท่านั้น ศิษย์พี่หยุนหนีมาหาพวกเรามีเรื่องอะไรหรือไม่ ”ชิงหยู่เดินเข้าไป มุมปากมีรอยยิ้มเสเพลประดับอยู่ แต่สายตาที่มองไปยังหยุนหนีนั้นเย็นชา
หยุนหนีแววตานิ่งขรึม นางครุ่นคิดอยู่สักครู่ก็เอ่ยขึ้นด้วยความไม่เต็มใจ “ข้ามาแจ้งพวกเจ้าล่วงหน้าว่า อีกสามวันให้หลังให้ไปที่จตุรัสฟู๋เหยา พวกเจ้าสองคนต้องไปเข้าร่วมงานล่าสัตว์ทิพย์”
“งานล่าสัตว์ทิพย์”จูนจิ่วขมวดคิ้ว
นางดูหนังสือในห้องหนังสือของสำนักศึกษาไท่ชูเกือบหมดแล้ว ย่อมต้องรู้ว่างานล่าสัตว์ทิพย์คืออะไร
แต่นางยังสงสัยไม่เข้าใจ งานล่าสัตว์ทิพย์จะจัดขึ้นในฤดูหนาวไม่ใช่หรือ
หยุนหนีคิดว่าจูนจิ่วคงกำลังสงสัยว่างานล่าสัตว์ทิพย์นั้นคืออะไร นางก็อธิบายอย่างอดทน “งานล่าสัตว์ทิพย์เป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นปีละครั้ง ศิษย์ทั้งภายในและภายนอกสำนักศึกษาไท่ชูต่างก็ต้องเข้าร่วม แต่ว่าก็มีจำนวนจำกัด ลูกศิษย์ที่สามารถเข้าร่วมได้ล้วนเป็นคนที่ทำคุณประโยชน์หรือเป็นผู้มีพรสวรรค์”
“ศิษย์น้องจูน และชิงหยู่ เจ้าทั้งสองเป็นท่านปู่ของข้าที่แนะนำต่อเจ้าสำนักด้วยตัวท่านเอง ไปงานล่าสัตว์ทิพย์ต้องพยายามเข้าล่ะ อย่าทำให้ท่านปู่และข้าผิดหวังรู้หรือไม่”หยุนหนีพูดต่อ พูดความดีทั้งหมดเข้าตัวพวกเขาเองจนหมด
จูนจิ่วพยักหน้าด้วยท่าทีเย็นชา ชิงหยู่ก็เอออออย่างขอไปที เห็นการตอบสนองของพวกเขา หยุนหนีก็ขมวดคิ้ว
หยุนหนียังพูดอีกว่า “ยังมีอีกเรื่อง งานล่าสัตว์ทิพย์จะจัดที่ป่าตงผิง ทั่วทั้งป่าตงผิงมีแต่ของล้ำค่า และก็มีสัตว์ทิพย์ นี่เป็นลานประลอง ถึงตอนนั้นจะมีลูกศิษย์ของเทียนซูกับจื่อเซียวเข้าร่วมด้วย”
ได้ยินดังนี้ สีหน้าของจูนจิ่วก็เปลี่ยนไป นางมองหยุนหนีด้วยสายตาเย็นชาและถามขึ้น “เทียนซูก็เข้าร่วมด้วยหรือ”
“ใช่ แต่ว่าเพื่อการจัดสรรทรัพยากรอย่างเท่าเทียม ทั้งสามสำนักจะเข้าร่วมในทิศทางที่ต่างกันไป ความเป็นไปได้ที่จะปะทะกันก็คงมีไม่มาก ใช่แล้ว พวกเจ้าสามารถเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้ หาคนจัดกลุ่มเพื่อเข้าร่วมงานล่าสัตว์ทิพย์ พอไปถึงจตุรัสฟู๋เหยา จะมีคนมาทำการบันทึกกลุ่มของพวกเจ้า”หยุดไปสักพัก หยุนหนีก็กดเสียงต่ำลง นางพูดว่า “หากถึงเวลาแล้วพวกเจ้าไม่มีกลุ่ม จะมีการยกเลิกสิทธิ์ในการแข่งขันของพวกเจ้า”
“ได้ รบกวนศิษย์พี่หยุนหนีที่มาแจ้งเรื่องพวกเราแล้ว”จูนจิ่วพูด
หยุนหนียิ้ม “เตรียมตัวดีๆเถอะ ข้าไปก่อนล่ะ หากพวกเจ้าต้องการความช่วยเหลือให้หาข้าได้ตลอดเวลา”
หยุนหนีพูด สายตาก็จ้องไปที่จูนจิ่วไม่วางตา เสียดายที่นางกำลังจะจากไปแล้ว จูนจิ่วก็ยังไม่เอ่ยปากขอให้นางอยู่ต่อ หยุนหนีได้แต่เพียงหมุนตัวจากไปด้วยความโมโห
พลางเดิน หยุนหนีก็พลางพึมพำ คอยดูเถอะ ตอนนี้จูนจิ่วกับชิงหยู่เป็นศัตรูกับคนทั้งสำนักศึกษาไท่ชูแล้ว ไม่มีใครเชิญชวนพวกเขาเข้ากลุ่มแน่ และก็คงไม่มีใครจะตอบรับคำเชิญของพวกเขาด้วย แน่นอนว่าพวกเขาสามารถไปหาศิษย์พี่มู่ได้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าช่วงนี้ศิษย์พี่มู่ออกไปทำธุระข้างนอก ไม่ได้อยู่ในสำนักศึกษาไท่ชู
พวกเขาทำได้เพียงมาขอร้องนาง เชื้อเชิญนางเท่านั้น
หยุนหนีสายตานิ่งขรึมอันตราย ครึ่งเดือนมานี้นางไม่มีโอกาสเลย แต่ถ้าหากต้องจัดตั้งกลุ่ม พวกเขาที่อยู่ตรงหน้านาง หยุนหนีไม่เชื่อว่าตนเองจะพังเส้นกำบังของจูนจิ่วไปไม่ได้
เมื่อถึงเวลาสำคัญ นางสามารถใช้แผนไม้ตาย นางขอสาบาน ต้องเอาวิชาจิตของวิชาฝึกร่างกายมาให้ได้
หลังจากหยุนหนีจากไปแล้ว จูนจิ่วกับชิงหยู่สบตากันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชิงหยู่เปิดปากพูดก่อน “ศิษย์น้องคิดอย่างไรกับงานล่าสัตว์ทิพย์ในครั้งนี้”
“แต่ไหนแต่ไรมางานล่าสัตว์ทิพย์จะจัดขึ้นในช่วงฤดูหนาว แทบจะไม่เคยจัดล่วงหน้าเลย ครั้งนี้กลับจัดล่วงหน้าอย่างกะทันหันต้องมีสาเหตุแน่ ”จูนจิ่วคิดถึงตัวนางเองกับชิงหยู่เป็นอันดับแรก นางไม่ได้เข้าข้างตัวเอง แต่เป็นสัญชาตญาณของนางที่แจ้งเตือน ทำให้จูนจิ่วต้องตรวจสอบสาเหตุของเรื่องนี้ก่อน
หากเป็นเพราะพวกเขา แล้วทำให้มีการจัดงานล่าสัตว์ทิพย์ล่วงหน้า แน่นอนว่าต้องเป็นหงยิง
เทียงฉิวอยากได้กุญแจเวลา นี่สามารถพูดได้ว่าเป็นของเสริมพลังที่ล้ำค่ามาก อย่าว่าแต่เทียงฉิวเลย เปลี่ยนเป็นคนกลุ่มอื่นๆก็คงจะแย่งชิงกันอย่างสุดชีวิต ไม่ตายไม่เลิกรา พวกเขาคงไม่ปล่อยนางให้อยู่อย่างสงบได้
จูนจิ่วพูดต่อว่า “ยังไม่ต้องสนใจสาเหตุ เทียนซูก็จะเข้าร่วมงานล่าสัตว์ทิพย์ด้วย พวกเราต้องระวังหงยิงจะแอบลอบวางแผนร้าย”
“ถูกต้อง ยังมีหงยิงอีกคน กับเทียงฉิว”ในน้ำเสียงของชิงหยู่มีไอสังหารแฝงอยู่
ยังหาเบาะแสของวิชาฝึกตนชั้นที่สี่ไม่เจอ หงยิงกับเทียงฉิวก็ออกมาขัดขวางไว้กลางทาง สายตาชิงหยู่เต็มไปด้วยความแค้น หงยิงจะมาก็มาเถอะ ครั้งนี้ไม่มีจุดอ่อนที่ชื่อเทียนอู๋จงแล้ว เขาไม่กลัวหงยิงกับเทียงฉิว
แล้วมองไปทางจูนจิ่ว ชิงหยู่เอ่ยขึ้น “ศิษย์น้อง ข้ากำลังฝึกถึงคอขวดแล้ว อีกนิดก็จะบรรลุนักจิตชั้นเก้าแล้ว”
จูนจิ่ว “ดี ยาทิพย์ใหญ่ของข้าก็ก้าวหน้าแล้ว ศิษย์พี่โปรดวางใจ รอให้ท่านใกล้จะบรรลุแล้ว ข้าจะเตรียมยาทิพย์ใหญ่ให้พร้อมเพื่อช่วยให้ท่านบรรลุนักจิตใหญ่”
“อืมอืม”ชิงหยู่พยักหน้า เขาคิดในใจ เขาต้องพยายามเพื่อบรรลุนักจิตใหญ่ให้ได้โดยเร็ว อย่างนี้แล้วเขาถึงจะปกป้องศิษย์น้องได้ ปกป้องเทียนอู๋จงด้วย
พริบตาเดียวสามวันก็ผ่านไปแล้ว
เป็นอย่างที่หยุนหนีคิดไว้จริงๆ ไม่มีคนมาหาพวกจูนจิ่วเพื่อตั้งกลุ่ม แต่พวกจูนจิ่วเองก็ไม่ได้ไปหาใครเพื่อเชื้อเชิญเข้าร่วมกลุ่ม แม้กระทั่งไม่ออกมาข้างนอกด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่
เห็นพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว หยูนหนีนั่งรออย่างมีชัยชนะอยู่ในเรือน คืนนี้ จูนจิ่วกับชิงหยู่ต้องมาขอร้องนางแน่ๆ
และหยุนหนีก็รอจนถึงรุ่งสาง ก็ไม่เห็นจูนจิ่วกับชิงหยู่ แล้วนางก็มองออกไปยังขอบฟ้าที่มีแสงแรกของอรุณกำลังสาดส่องขึ้นมา ใบหน้างดงามของหยุนหนีบิดเบี้ยวไปชั่วครู่ ยกมือขึ้นทุบโต๊ะจนแตกละเอียด น่าโมโหนัก ทำไมพวกเขาไม่มา หรือว่าพวกเขาอยากถูกยกเลิกสิทธิ์ในการเข้าร่วม
หยุนหนีลุกขึ้นอย่างโมโหจัด นางจะไปดูว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่