บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 360 ร้ายกาจจนน่าโมโห
บทที่ 360 ร้ายกาจจนน่าโมโห
หงยิงเปลี่ยนมือเป็นการหยิกคางของหยุนหนี นางลงแรงอย่างหนักที่ปลายนิ้วทำให้หยุนหนีเจ็บจนต้องขมวดคิ้ว นัยน์ตามีน้ำคลอเบ้า แต่ก็ไม่กล้วอ้าปากร้องว่าเจ็บ
ผ่านไปชั่วครู่ หงยิงสะบัดมือปล่อยหยุนหนีออก แววตานางนึ่งขรึมน่ากลัว เปิดปากพูดว่า “มู่จิ่งหยวนไปปกป้องนางได้อย่างไร ทั้งสองไม่มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย อีกอย่างก็ไม่ได้รู้จักกันด้วย หรือว่ามู่จิ่งหยวนจะพบอะไรเข้า ”
“ไม่ใช่”หยุนหนีรีบอธิบาย “ข้ากับท่านปู่เคารพกฎตลอดมา ไม่เคยทำให้ความลับรั่วไหลเลยสักนิดเดียว ศิษย์พี่มู่ไม่มีทางรู้แน่ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงคอยปกป้องจูนจิ่ว อีกอย่างงานล่าสัตว์ทิพย์ในครั้งนี้มู่จิ่งหยวนก็อยู่ข้างกายจูนจิ่วด้วย”
สีหน้าหงยิงไม่น่าดู นางพูดว่า “เจ้าเล่ามาให้ละเอียดสิ”
หยุนหนีได้ฟังดังนี้ ก็เรียบเรียงคำพูดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดออกมา เล่าตั้งแต่ต้นให้หงยิงฟัง ได้ยินที่หยุนหนีเล่ามาทั้งหมด หงยิงก็ขมวดคิ้วสายตายิ่งเย็นชาชั่วร้ายน่ากลัว
หงยิงยกมือขึ้นลูบแส้หนังที่อยู่บนเอว หยุนหนีเห็นท่าทางนี้ก็ตกใจจนหน้าขาวซีด ฉายาเพชฌฆาต หยุนหนีทั้งขนลุกทั้งหวาดกลัว นางได้ยินหงยิงเอ่ยเสียงต่ำ“ต้องเป็นพวกฝู้หลินจ้านบอกกับมู่จิ่งหยวน ต้องเป็นพวกเขาสองคนแน่ เป็นปรปักษ์กับข้าเสียจริง น่าโมโหนัก”
จัดงานล่าสัตว์ทิพย์ล่วงหน้า เพราะหงยิงเป็นคนเสนอขึ้น
นางไม่มีความอดทนมากพอจะรอผลสรุปจากหยุนหนีและผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชู ของล้ำค่าสิ่งนั้นสำคัญต่อเทียงฉิวของพวกเขามาก
นางต้องแย่งชิงมาให้ได้ อีกอย่างนางเคยให้สัญญาไว้ จะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวัง แต่ว่าตอนนี้มู่จิ่งหยวนกลับไปอยู่กับจูนจิ่วคนต่ำช้านั่น นางจะลงมือได้อย่างไร
ยังไม่ต้องพูดถึงฝีมือประหลาดของจูนจิ่ว ในเมื่อสามารถทำร้ายนางได้ และยังฆ่าผางชิงเยว่กับหน่วนกล้าตายที่นางพาไปด้วย บวกกับมู่จิ่งหยวนที่เป็นถึงนักจิตใหญ่ระดับสอง หงยิงคำนวณแล้วหากตัวเองลงมือคงไม่มีทางเอาชนะได้
ผ่านไปสักครู่หยุนหนีค่อยๆเหลือบมองหงยิงอย่างระวัง เอ่ยเสียงเบาว่า “ศิษย์พี่หงยิง ข้าได้ส่งคนสะกดรอยตามพวกเขา”
“ทำได้ไม่เลว ”ก้มหน้ามองหยุนหนี หงยิงน้ำเสียงเย็นชาแฝงแววหยิ่งยโส “สะกดรอยตามต่อไป ตั้งต่อบัดนี้เป็นต้นไปต้องรายงานการเคลื่อนไหวของพวกเขาตลอดเวลา หยุนหนีหากเจ้าทำได้ดี ข้าจะตบรางวัลอย่างหนักให้ แต่ถ้าหากเจ้าทำให้ข้าผิดหวังแล้วละก็ เจ้าก็รู้จุดจบดี ”
“เจ้าค่ะ หยุนนีรับทราบ”
“อีกยังเจ้าเป็นถึงคนของเทียงฉิว ยังไงก็ต้องเข้าสู่วงกลมสีเลือดให้ได้ ”หงยิงพูดจบ ก้าวเท้าออกไป ฝีเท้าสง่างามดึงดูด แต่ก้าวเดียวไกลสิบเมตร แค่เพียงพริบตาก็หายวับไปต่อหน้าหยุนหนี
รอจนหงยิงไปไกลแล้ว หยุนหนีจึงผ่อนลมหายใจออกนั่งลงไปกับพื้น นางลูบคางที่แดงและรู้สึกเจ็บ รู้สึกเหมือนกับว่าเหงื่อเย็นไหลท่วมหลังจนเสื้อผ้าเปียกชุ่ม สายตาของหยุนหนีมีแววหวาดกลัวสั่นระริก ในเทียงฉิว นอกจากเจ้าสำนักเทียนซู ไม่มีใครไม่เกรงกลัวเพชฌฆาตหญิงหงยิงคนนี้
หยุนหนีกลัวหงยิง และชื่นชมหงยิงด้วย นางก็อยากจะมีวันที่เป็นเหมือนกันกับหงยิง หรือร้ายกาจกว่าหงยิง
กำหมัดแน่น หยุนหนีพึมพำราวกับจะสะกดตัวเอง“ไม่ช้าก็เร็วข้าต้องทำได้แน่ ตอนนี้ไปจับตัวจูนจิ่วก่อน ครั้งนี้อาศัยงานล่าสัตว์ทิพย์ต้องเอาวิชาจิตมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นหากพี่หงยิงฆ่าจูนจิ่ว เช่นนั้นก็หมดสิ้นทุกอย่างแล้ว ”
จากนั้นหลังจากที่หยุนหนีกลับไปรอข่าว ก็พบบางอย่างที่ทำให้ร้อนใจ คนที่นางส่งไปสะกดรอยตามไม่ส่งข่าวมาสักที พริบตาเดียวก็ผ่านไปสองวันแล้ว ยังไม่มีข่าวคราว
หยุนหนีกระวนกระวายใจมาก
……
ตั้งแต่งานล่าสัตว์ทิพย์เริ่มขึ้น ได้ผ่านไปเป็นเวลาหกวันแล้ว พวกจูนจิ่วได้เข้าสู่จุดที่ลึกที่สุดในป่าตงผิง แต่ว่าก็ยังห่างไกลจากเส้นสีเลือดเพื่อเข้าสู่วงกลมแห่งชัยชนะอีกกว่าครึ่งทาง ตอนที่ถึงตรงนี้ แผนที่ของมู่จิ่งหยวนค่อยๆหมดประโยชน์ลงแล้ว
เขานวดที่หัวคิ้ว มองไปรอบๆสี่ทิศสุดท้ายก็ละทิ้งความพยายาม หันกลับมามองจูนจิ่วกับชิงหยู่ เขาพูดว่า “ข้ายังไม่เคยมาถึงที่นี่ ทางข้างหน้าไม่มีในแผนที่ แต่ว่าพวกเราก็เดินทางอย่างราบรืนตลอดทาง และเร็วมาก เรื่องที่จะถึงวงกลมชัยชนะคงไม่ต้องกังวล พวกเราต้องเป็นกลุ่มแรกที่ไปถึงแน่”
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ทางที่เหลือก็มอบให้ข้าเถอะ ”จูนจิ่วพูด มู่จิ่งหยวนรู้สึกประหลาดใจระคนตกใจ
เขามองจูนจิ่วอย่างสงสัย มองอยู่หลายครั้งอย่างคาดไม่ถึงก่อนจะพูดขึ้นว่า “ศิษย์น้องจูนเจ้ารู้จักทางในป่าตงผิงหรือ เดี๋ยวก่อน นี่มันเป็นไปไม่ได้ เจ้าไม่เคยมาที่ป่าตงผิง นี่ยังเป็นครั้งแรกเจ้าจะรู้จักทางได้อย่างไร ”
มีใครที่ไหนกัน แค่มาครั้งแรกก็รู้เส้นทาง แต่หากจูนจิ่วไม่รู้ทาง แล้วจะมาบอกว่ามอบให้เป็นหน้าที่นางได้อย่างไร
มู่จิ่งหยวนมึนงง ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมองจูนจิ่วไม่ออก ตั้งแต่เข้าสู่ฝ่าตงผิง มู่จิ่งหยวนรู้สึกอยู่ตลอดว่าถูกจูนจิ่วล้างมุมมองของตน เหลือบมองชิงหยู่ที่ทำหน้าราวกับคุ้นเคยเรื่องพวกนี้แล้วเป็นอย่างดี มู่จิ่งหยวนจึงได้รู้สึกว่าตัวเองก็มีเพื่อนอยู่ รวมทั้งหมดหนึ่งคน จูนจิ่วร้ายกาจจริงๆ อายุน้อยๆ แต่ทำเหมือนกับว่าอะไรนางก็เป็นหมด
ร้ายกาจจนน่าโมโห
จูนจิ่วยกมือขึ้นมาจับยาม พลางอธิบายว่า “ข้านั้นไม่รู้เส้นทาง แต่นกที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่รู้จัก”
“นก”มู่จิ่งหยวนไม่เข้าใจ เขาหันไปมองชิงหยู่ราวกับจะได้เบาะแสเล็กน้อยจากเพื่อนของตน ชิงหยู่ยักไหล่ให้เขา “ศิษย์พี่มู่ ท่านรอดูก็พอ”
ไม่นาน มู่จิ่งหยวนก็มองเห็นนกตัวหนึ่งบินมาหยุดอยู่ตรงยอดไม้ตรงหน้าจูนจิ่ว ร้องจิ๊บๆให้นาง จากนั้นก็ค่อยๆ มีนกบินมามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแต่นกธรรมดา ยังมีสัตว์ทิพย์อีกไม่น้อย มู่จิ่งหยวนเห็นแม้กระทั่งสัตว์ทิพย์ระดับหกนกปีศาจสายฟ้า
นกพวกนี้เรียงกันเป็นแถวอย่างเชื่อฟัง ต่างก็กำลังร้องจ้อกแจ้กราวกับกำลังคุยกับจูนจิ่ว หากไม่ใช่เสี่ยวอู่ที่ครอบครองจูนจิ่ว ยืนอยู่ที่ไหล่นางขู่คำรามเหล่านก เกรงว่าคงจะมีนกเข้าใกล้จนมายืนอยู่บนตัวจูนจิ่วด้วยซ้ำไป
เห็นฉากนี้แล้ว เป็นนายกว่ามู่จิ่งหยวนจะได้สติคืนมา อ้าปากจะพูด จึงได้รู้ว่าน้ำเสียงของตัวเองนั้นไร้เรี่ยวแรงและตื่นตกใจมากแค่ไหน มู่จิ่งหยวน “ศิษย์น้องจูนเป็นภาษานกด้วยหรือ”
ชิงหยู่ตอบเขา “น่าจะประมาณนั้น ”
เห็นนกค่อยๆบินออกไป จูนจิ่วให้สัตว์ทิพย์ระดับหกนกปีศาจสายฟ้าตัวนั้นอยู่ก่อน นางเลิกคิ้วมองทั้งสองคน ยิ้มและพูดว่า นกปีศาจสายฟ้าไปเถอะ นกปีศาจสายฟ้ารู้ว่าเส้นเขตสีเลือดอยู่ที่ไหน มันสามารถพาเราไปถึงวงกลมแห่งชัยชนะได้ ”
“ดี ”
มู่จิ่งหยวนอยากจะบอกว่า ศิษย์น้องจูนร้ายกาจมาก นี่เหมือนกับการใช้ทางลัด ไม่ต้องพูดถึงสำนักศึกษาไท่ชูบวกกับเทียนซูและจื่อเซียว มีใครสามารถเทียบกลุ่มของพวกเขาได้ ที่หนึ่ง ชัยชนะอยู่ในมือแล้ว
มีนกปีศาจสายฟ้านำทาง พวกเขาไม่ต้องอ้อมทางไกล แล้วยังสามารถหลบหลีกสัตว์ทิพย์ได้ส่วนใหญ่ ไปถึงข้างเขตวงกลมแห่งชัยชนะอย่างสบายๆ ใต้ความมืดไม่สะดวกแก่การเดินทาง จูนจิ่วแยกแยะเทือกเขาที่อยู่ไกลๆสักครู่ พูดว่า “พรุ่งนี้ก่อนเที่ยง พวกเราก็จะถึงวงกลมแห่งชัยชนะ ”
ชิงหยู่กับมู่จิ่งหยวนพยักหน้า พวกเขาต้องรีบทำเวลาในการสำรวจสถานการณ์ เมื่อเข้าสู่วงกลมแห่งชัยชนะแล้วจึงจะถือว่าเข้าสู่การเข่นฆ่าอย่างดุเดือด หนึ่งในหมื่นนั้นมันไม่ง่าย จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ากะทันหัน “คืนนี้เป็นคืนจันทร์สีเลือด”
คืนจันทร์สีเลือดไม่มงคล พอปรากฏขึ้นก็เหมือนประกาศว่าหายนะจะมาเยือน และจูนจิ่วยังสังเกตว่าคืนนี้ไม่ได้ยินเสียงนกร้องเลยสักนิด และก็ไม่ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ทิพย์ คืนนี้ เงียบจนผิดปกติ หากแม้ว่าภูเขาจะถล่มหรือแผ่นดินจะแยก คิดว่าทุกคนต่างก็คงจะตอบสนองไม่ทัน พริบตาเดียว จู่ๆก็เกิดแผ่นดินไหวความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างผิดปกติจากความเงียบสงบ เสียงดังสั่นสะเทือนไปทั่ว