บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 367 นางสามารถควบคุมงู กัดหงยิง
บทที่ 367 นางสามารถควบคุมงู กัดหงยิง
คลื่นร้อนม้วนตัวขึ้น ปัง
ฝ่ามือเดียวกระแทกลงไปในหลุมงูขนาดใหญ่ พลังของนักจิตใหญ่ทำเอาหลุมงูฉีกเป็นทางสีเลือด เลือดงูสาดกระจาย ร่างงูบ้างก็ถูกระเบิดเละเป็นเนื้อบด บ้างก็หักเป็นหลายท่อน ตรงพื้นที่ใกล้กับพวกจูนจิ่วมีรอยฝ่ามือหนักๆที่กระแทกลงไปหลงเหลืออยู่ พวกงูเกิดโกลาหลขึ้น จูนจิ่วขมวดคิ้วเอาขลุ่ยสั้นออก
ฝู้หลินจ้านเห็นดังนั้นก็ด่าขึ้น “หงยิงเจ้ามันแม่เฒ่าร้ายกาจ ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าแน่ ”
“หงยิงเจ้าทำเกินไปแล้ว”มู่จิ่งหยวนสีหน้าดำคร่ำเคร่ง ความสูงส่งสง่างามไม่เหลือแล้วเหลือแค่เพียงความรังเกียจและโมโห ตอนนี้พวกเขาเดินมาถึงกลางหลุมงูพอดี ตอนนี้พวกงูเกิดโกลาหล พวกเขาจะไปต่อหรือถอยก็ยากแล้ว
อีกทั้งทางก็แคบมาก เดินได้เพียงทีละคน มู่จิ่งหยวนจึงรีบสั่งการให้คนสองคนหันหลังชนกัน เตรียมพร้อมสู้กับงู
จูนจิ่วเงยหน้าขึ้น แววตาเย็นชาน่ากลัว นางมองไปทางหงยิง ตอนนี้หงยิงกำลังหัวเราะเสียงดังอย่างโหดเหี้ยมอวดดี นางเชิดอกยกคางขึ้น ดวงตาที่สวยงามเห็นเพียงแววเย็นยะเยือกที่ทำเอาเย็นสันหลัง
หงยิงยิ้มเย็น เอ่ยขึ้นด้วยวาจาอสรพิษ “ไม่จบไม่สิ้นกับข้า พวกเจ้าเอาตัวเองให้รอดจากหลุมงูก่อนค่อยว่ากัน ฮ่าๆๆๆ”
อยู่ในหลุมงูที่งูกำลังเกิดความโกลาหล อย่าว่าแต่งูพวกนี้จะเป็นแค่งูชั้นต่ำที่สุดคือสัตว์ทิพย์ชั้นหนึ่งเลย แต่ว่าทุกตัวต่างมีพิษ กัดสักทีสองทีพวกเขาก็ไม่รอดแล้ว หงยิงเสียดาย นางไม่ได้ลงมือฆ่าจูนจิ่วด้วยตัวเอง
เห็นนางอวดดี เจตนาร้ายเต็มๆ จูนจิ่วยิ้มบางๆ อย่างเย็นชา “อย่าขยับแม้แต่คนเดียว”
อะไรนะ
ทุกคนต่างมองไปทางจูนจิ่วอย่างมึนงง ฝูงงูจะเลื้อยมาถึงหน้าแล้ว บนเท้าของพวกเขาก็มีงูเลื้อยขึ้นมาแล้ว เหลือแค่กัดพวกเขาเท่านั้น ยังจะไม่ให้เคลื่อนไหวอีก
นอกหลุมงู หงยิงก็ได้ยินเสียงจูนจิ่ว นางนิ่งไปสักพักแววตาขรึมลง หรือว่าจูนจิ่วยังมีวิธีอื่น จะเป็นไปได้อย่างไร ไม่ จูนจิ่วต้องแสร้งทำให้นางดูแน่ แค่จงใจเล่นลูกไม้เท่านั้น ขณะที่หงยิงคิด ปากสีแดงก็หยักขึ้นอีกครั้ง นางอยากจะดู จูนจิ่วจะช่วยตัวเองอย่างไร
หางตามองเห็นความร้อนใจบนใบหน้าของหยุนหนี หงยิงยิ้มเย็น “ห่วงพวกเขาหรือ”
“ไม่ ไม่ใช่”หยุนหนีถูกหงยิงถามขึ้น ทำเอาตกใจรีบส่ายหน้า นางห่วงว่าหากจูนจิ่วตายไป แล้วจะเอาวิชาจิตมาจากไหน แต่พอเงยหน้ามองหงยิง หยุนหนีพูดว่า “ข้าเพียงแต่กำลังคิดว่า หากจูนจิ่วตาย ของล้ำค่าที่พี่หงยิงตามหาก็หาไม่เจอแล้ว”
ได้ยินดังนี้ หงยิงสีหน้าเปลี่ยนไป ทำไมนางจึงลืมเรื่องนี้ไปได้
น่าโมโหนัก ต้องโทษจูนจิ่วที่น่ารำคาญจริงๆ ทำให้นางอดไม่ได้ที่คิดจะฆ่านางอย่างเดียวเลย จึงทำให้ลืมเรื่องใหญ่ไป ล้วนเป็นความผิดของจูนจิ่ว ตอนนี้หงยิงใจหนึ่งก็อยากให้จูนจิ่วตาย อีกใจก็ไม่อยากให้ตาย อย่างน้อยก็เหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายเพื่อบอกที่อยู่ของสิ่งล้ำค่าค่อยตายก็ยังดี
เงยหน้าขึ้นมองไปยังหลุมงู ฝูงงูได้ล้อมพวกเขาไว้แล้ว
ชิงหยู่รูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อทรงพลังจากการฝึกฝนวิชาฝึกตน แต่พอผู้ชายอกสามศอกที่ต้องเจอกับงูที่คลานยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ก็หน้าขาวซีดจนน่าอนาถ เหงื่อเย็นเม็ดโตๆไหลลงมาจากหน้าผาก
เขาหันหน้าไปอย่างยากลำบาก เพราะเกรงว่าจะไปทำให้งูโจมตีเขา ชิงหยู่ถามจูนจิ่ว
“ศิษย์น้องตอนนี้เราจะทำอย่างไรดี”
“ใช่แล้ว จูนจิ่วเจ้าให้พวกข้าอย่าเคลื่อนไหว แต่พวกเราจะยืนนิ่งอยู่อย่างนี้ตลอดไปก็ไม่ได้นะ ข้าดูแล้วทางแคบๆนี้ก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงนัก คงไม่ถูกพวกงูที่มีมากขนาดนี้ทำหักซะก่อนนะ ”ฝู้หลินจ้านคิดสภาพ หากต้องตกลงไปในทะเลงู ความรู้สึกนั้น อี๋
เขาคิดได้ คนอื่นก็คิดเช่นกัน ชั่วพริบตาก็มีสายตาคบดุจมีดมองมาทางฝู้หลินจ้าน เจ้าหุบปากไปเถอะ
ฝู้หลินจ้านเอ่ยปากพูดกับจูนจิ่วครั้งแรกตั้งแต่เจอกัน “พวกเราต้องทำอย่างไร”
“ยืนนิ่งๆอย่าขยับ ข้าบอกให้วิ่งค่อยวิ่ง”จูนจิ่วยิ้มอย่างผ่อนคลายไม่ยี่หระ
นิ้วมือของนางหมุนขลุ่ยสั้นไปมา ดึงดูเหล่างูให้โยกหัวตามไปมาตามจังหวะของขลุ่ยสั้น
เห็นทุกคนยังคงสงสัย ไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของนาง จูนจิ่วก็ได้แต่อธิบายต่อว่า
“ผงไล่งูมีคุณสมบัติพิเศษ ขอเพียงพวกท่านไม่ขยับตัว งูจะไม่กัดพวกท่านเด็ดขาด อีกเดี๋ยวข้าจะล่องูออกไป พวกท่านก็วิ่งไปข้างหน้า อย่าลังเล ไม่ต้องหันกลับมาด้วย”
“ศิษย์น้อง ”ชิงหยู่พอได้ยินว่าจูนจิ่วจะล่อฝูงงู ก็เกิดร้อนใจขึ้นทันที
อ้าปากจะปฏิเสธ หรือจะโน้มน้าวให้จูนจิ่วเปลี่ยนความคิด แต่พอเจอเข้ากับสายตาเย็นสงบของจูนจิ่ว ชิงหยู่ก็ได้แต่นิ่งเงียบไป ความหมายของศิษย์น้องคือ เวลานี้ได้แต่เชื่อใจนางแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น
จูนจิ่วเอาขลุ่ยสั้นขึ้นมาจรดปากอีกครั้ง ปล่อยลมออกมา เสียงขลุ่ยดังขึ้นอีกครั้ง แต่นี่เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนกันกับเสียงไล่งูเมื่อสักครู่ แค่มองการเปลี่ยนแปลงจากงูก็ดูออกแล้ว งูที่จ้องพวกจูนจิ่วเขม็งเมื่อครู่เริ่มคลั่งแล้ว เอาแต่ขู่ฟ่อๆไม่หยุด เผยให้เห็นพลังในการโจมตีของงูที่มีทั้งหมด กระทั่งเริ่มโจมตีกัดกันเอง
เสียงขลุ่ยดังขึ้นเป็นจังหวะ จนเสียงขลุ่ยสั้นส่งเสียงขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด สำหรับหูของคนฟังแล้ว มีความบาดหูเล็กน้อย หอบหายใจแรงขึ้น
ฟ่อฟ่อ
งูในทะเลงูทั้งหลายต่างพร้อมใจกันหันหัวไปอย่างกะทันหัน ดวงตางูเยือกเย็นนับไม่ถ้วนต่างจ้องมองไปทางหงยิง ทำเอาหงยิงใจกระตุกไปชั่วครู่ ได้กลิ่นไม่ดีซะแล้ว เป็นไปไม่ได้
เสียงขลุ่ยหวีดหวิว ไป
จูนจิ่วออกคำสั่ง เหล่างูทั้งหลายโน้มตัวออกจากรัง พวกมันเลื้อยได้เร็วมาก ยั้วเยี้ยมากมายพุ่งตรงไปทางหงยิง งูที่อยู่ข้างหลังช้ากว่าก้าวหนึ่งก็เลื้อยอยู่บนตัวงูที่อยู่ข้างหน้า ค่อยๆซ้อนขึ้นทีละชั้นจนดูสยอง ข้างหลุมงู เหล่าลูกศิษย์ส่งเสียงร้องวิ่งถอยหลังไป
ในที่สุดหงยิงก็ได้สติ นางหมุนตัววิ่งไป เสียงขลุ่ยของจูนจิ่วก็เร่งจังหวะแหลมขึ้น ฝูงงูถาโถมกันขึ้นไปราวกับคลื่นทีทับถม
จากที่พวกจูนจิ่วมองเห็น หลุมงูฝั่งตรงข้ามพวกเขา บนกำแพงนั้นเต็มไปด้วยงู กลับเป็นหลุมงูที่เหลืองูไม่กี่ตัวเท่านั้น ต่างก็มองอย่างมึนงง
“อะแฮ่ม”เอาขลุ่ยสั้นลง ยกกำปั้นขึ้นข้างปากไอแห้งๆหนึ่งเสียง จูนจิ่วยิ้ม “ยิงยืนนิ่งทำไมกัน วิ่งสิ”
ตอนนี้ยังจะวิ่งทำไม งูไปไล่ตามหงยิงหมดแล้ว
ที่จริงจูนจิ่วก็รู้สึกคาดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าบทเพลงไล่งูจะมีพลังมากขนาดนี้ ชาติก่อนนางเคยไล่งูมากที่สุดก็แค่ครั้งละร้อยตัว จำนวนงูเมื่อครู่เรียกได้ว่าเป็นทะเลงู เห็นได้ชัดว่ามีระดับความน่ากลัวอย่างนับไม่ถ้วน พอคิดแล้ว ชาติก่อนกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน
ตอนนี้นางเป็นนักจิต พลังจิตก็เพิ่มขึ้น แน่นอนว่าต้องไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
“ไปเถอะ ฤทธิ์ของยาไล่งูจะหมดเวลาแล้ว ถ้ารอให้ฝูงงูกลับมา คิดจะควบคุมอีกก็คงยากแล้ว”น้ำเสียงของจูนจิ่วเย็นชา เรียกสติของทุกคนคืนมา จึงได้หันร่างไปทางจูนจิ่วอย่างเร่งรีบและตามหลังไป เดินออกไปจากหลุมงูที่ทำเอาขนหัวลุก หรือจะพูดว่าเป็นฝันร้ายก็ได้ หลังจากผ่านหลุมงูก็เป็นทางอุโมงค์สั้นๆ จากนั้นก็เป็นที่โล่งกว้าง
ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นหน้าผาแห่งหนึ่งที่ทั้งลึกทั้งใหญ่ มีสะพานเส้นหนึ่งที่รูปร่างคล้ายกระดูกสันหลังพาดผ่านหน้าผา คดเคี้ยวไปยังฝั่งตรงข้าม ชิงหยู่ยังคงพึมพำ “นี่เหมือนกระดูกสันหลังจริงๆ แล้วยังมีซี่โครงด้านข้างอีก”
“ศิษย์พี่พูดถูก นี่ก็คือส่วนกระดูกสันหลัง”จูนจิ่วยกนิ้วขึ้นเคาะ ยืนยันว่าเป็นกระดูกสันหลัง
ฟู่ ทุกคนต่างสูดลมหายใจ
นี่เป็นกระดูกสันหลังของจริง ใหญ่โตขนาดนี้ เจ้าของกระดูกสันหลังนี้ตอนมีชีวิตอยู่จะมีรูปร่างใหญ่โตแค่ไหนกัน แล้วเป็นสัตว์ทิพย์ชนิดไหน จึงได้มีกระดูกสันหลังใหญ่ขนาดนี้ จุดนี้จูนจิ่วเองก็อยากรู้เหมือนกัน