บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 378 จูนจิ่วเล่นโกง
บทที่ 378 จูนจิ่วเล่นโกง
ยังไม่ทันได้คิดให้ลึกซึ้ง หงยิงก็พุ่งเข้ามาอย่างไม่อยากเชื่อ จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมองหงยิงด้วยสายตาเย็นชา จูนจิ่วเชื่อโม่อู๋เยว่จึงได้ถ่ายพลังไปยังจุดบนระบบเส้นลมปราณใหม่ พลังของหินหยกทิพย์ที่อยู่ในตันเถียนยังดูดซับไม่หมด ตอนนี้ได้ไหลไปตามเส้นลมปราณออกไป
ฝ่ามือเกิดความร้อน จูนจิ่วรู้ได้เองโดยไม่ต้องมีครู นางยกฝ่ามือไปทางหงยิง สลายม่านกั้นปล่อยฝ่ามือออกไป
ปัง
พลังที่รุนแรงปะทุขึ้น หงยิงถูกกระแทกกระเด็นอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้อนาถกว่ามาก จูนจิ่วตบไปที่หน้าของนาง สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าว่าหน้าด้านขวาของหงยิงบวมขึ้น นางอ้าปากกระอักเลือดอีกครั้ง นี่เป็นไปไม่ได้
หงยินยืนขึ้นอย่างโซซัดโซเซ นางยกมือขึ้นกุมหน้าทั้งตกใจทั้งหวาดผวาจ้องจูนจิ่วอย่างเอาเป็นเอาตาย
นางคิดไม่ออก ม่านกั้นเมื่อครู่อาจเป็นของปลอมก็ได้ แต่ฝ่ามือของจูนจิ่วนั้นปลอมไม่ได้
นี่มันเรื่องอะไรกัน จูนจิ่วจะร้ายกาจขึ้นกะทันหันอย่างนี้ได้อย่างไร
ไม่กล้าพุ่งเข้าไปอย่างบุ่มบ่ามอีก หงยิงกำแส้ไว้แน่นมองจูนจิ่วด้วยสายตาโหดเหี้ยมอำมหิต หาโอกาสค่อยลงมืออีก ตอนนี้เองพวกมู่จิ่งหยวนที่กำลังกำจัดคนขวางทางก็เห็นฉากนั้นพอดี ต่างก็มองจูนจิ่วอย่างประหลาดใจเช่นกัน
จูนจิ่วถามโม่อู๋เยว่ในใจ “นี่เป็นพลังของหินหยกทิพย์หรือ”
“อืม แม้ว่าเจ้าจะดูดซับไปแค่หนึ่งส่วน ช่วยให้เจ้าบรรลุชั้นห้าแล้วยังเหลืออีกมาก เส้นลมปราณนี้จะช่วยให้มันปลดปล่อยพลังได้เต็มที่ ”โม่อู๋เยว่ตอบนาง
ได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้น จูนจิ่วก็สัมผัสพลังที่เหลือในตันเถียนอีกครั้ง จากนั้นนางก็มองไปที่หงยิง “เมื่อครู่ใช้ไปหนึ่งในสาม ที่เหลือสามารถต่อกรกับหงยิงได้อีกสองกระบวนท่า ”ใช้หมดไวขนาดนี้ ยังไม่ทันได้หายอยากเลย
ราวกับรู้ความคิดในใจจูนจิ่ว โม่อู๋เยว่ยิ้มอย่างชั่วร้ายเอ็นดู
น้ำเสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ดังขึ้นในหัวของจูนจิ่ว โม่อู๋เยว่พูดว่า “ยังมีเสี่ยวอู่ไม่ใช่หรือ มันกินเยอะขนาดนั้นไม่ได้ เจ้าช่วยมันใช้ซะ ยังจะช่วยให้มันตื่นเร็วขึ้นอีกด้วย ”
““เอ๋ ทำอย่างนี้ได้ด้วยหรือ ”จูนจิ่วก้มหน้ามองเสี่ยวอู่ที่นอนหลับอยู่ สายตาแวววาว ในเมื่อสามารถใช้พลังหินหยกทิพย์ในตัวเสี่ยวอู่ได้ แล้วนางยังต้องกังวลเรื่องหงยิงทำไม
ไป กำจัดนางซะ
จูนจิ่วแบะคอเสื้อออกยัดเสี่ยวอู่เข้าไปในอก โดยไม่รู้ตัวว่าการทำเช่นนี้ทำเอาพวกผู้ชายที่อยู่อีกฝั่งมองกันอย่างตื่นตะลึง ยิ่งทำให้โม่อู๋เยว่ที่อยู่นอกสุสานสายตาขรึมลง เหลิ่งยวนได้แต่กุมหน้าเงียบๆ
จากนั้นก็เห็นจูนจิ่วกวักนิ้วไปทางหงยิง มุมปากมีรอยยิ้มอวดดี ยโสโอหัง “เจ้ากลัวหรือ”
จูนจิ่วกล้าท้าทายนาง
หงยิงจะทนได้อย่างไร นางกุมมือที่กำเส้ไว้ใช้แรงกดจนเกิดเสียงดังกรอด สายตาดุร้ายโกรธแค้นมองไปยังจูนจิ่ว หงยิงยิ้มเย็น “จูนจิ่ว ข้ายังไม่เคยเห็นเจ้ารนหาที่ตายอย่างร้อนใจเช่นนี้มาก่อน ได้ วันนี้ข้าหงยิงจะส่งเจ้าไปเจอยมบาลเอง ใครก็อย่าคิดว่าจะช่วยเจ้าได้”
เสียงเพิ่งจะพูดจบลง หงยิงก็พุ่งเข้าหาจูนจิ่ว
เห็นอย่างนี้ ฝู้หลินจ้านก็ร้องเสียงหนึ่งรีบร้อนจะเข้าไปขวางหน้า แต่ถูกชิงหยู่ขวางเอาวไ ฝู้หลินจ้านขมวดคิ้ว “เจ้าทำอะไร ข้าจะไปช่วยศิษย์น้องเจ้า เจ้ายังจะขวางข้าอีก”
“ศิษย์น้องมีความคิดของตัวเอง นางไม่ชอบให้คนอื่นรบกวนนาง”แม้ว่าชิงหยู่จะพูดเช่นนี้ แต่ใบหน้าก็ไม่อาจปิดบังความกังวลได้ เขาไม่รู้ว่าเมื่อครู่จูนจิ่วค้นพบสิ่งใดเข้า แต่เขามองออกถึงความถือดีและมั่นใจบนใบหน้าของนาง
นางมีความมั่นใจที่จะต่อกรกับหงยิง
ความมั่นใจนี้ ทำให้อยากจะเชื่อได้ นางจะต่อกรกับหงยิงได้อย่างไร
ฝู้หลินจ้านก็พูดอย่างนี้เช่นกัน “หงยิงเป็นนักจิตใหญ่ระดับสอง แม้ว่าจูนจิ่วจะบรรลุนักจิตชั้นห้า แต่ก็ไม่ใช่คู่ปรับของหงยิงอยู่ดี เมื่อครู่นั่นน่าจะเป็นสิ่งล้ำค่าของจูนจิ่ว จึงโจมตีให้หงยิงถอยออกไปได้ สิ่งล้ำค่าคงไม่ได้มีผลตลอดไป”
“ข้าก็รู้ แต่ข้าเชื่อศิษย์น้อง”ชิงอยู่มองจูนจิ่วด้วยสายตานิ่งลึก
มู่จิ่งหยวนก็พูดขึ้นตอนนี้ว่า “นางฉลาดมาก คงไม่ไปตายหรอก พวกเราดูไปก่อน หากอันตรายค่อยยื่นมือเข้าไปช่วย”
“ข้าเห็นด้วย”ฝู้หลินจ้านหันหน้าไปอย่างประหลาดใจ มองไปยังฝู้หลินซวงที่พูดคำนี้ เขามองทั้งสามคนอย่างไม่เข้าใจ ถอนหายใจ เอาเถอะ เช่นนั้นเขาจะคอยดู ว่าอะไรกันที่ทำให้จูนจิ่วเชื่อมั่นในตัวเอง สามารถต่อกรกับหงยิงตัวคนเดียว
ที่ไม่เชื่อเหมือนกันก็คือหยุนหนี พวกเขาทุกคนต่างหันไปมอง
เห็นเพียงหงยิงที่สะบัดเส้อย่างดุเดือดไปยังจูนจิ่ว หนามแหลมคมบนเส้ที่กางออกดูโหดเหี้ยมจนน่าตกใจกลัว จูนจิ่วไม่หลบไม่หลีก มือที่กำป๋ายเย่สะบัดไปยังแส้ยาว
ปัง เส้ยาวกับป๋ายเย่ปะทะกัน เส้ยาวพันป๋ายเย่เอาไว้อย่างเจ้าเล่ห์ อีกทั้งยังขดตัวราวกับงูอยู่บนป๋ายเย่ ยังคงขู่ฟ่อไปยังจูนจิ่ว
หงยิงสายตาดุดัน “จูนจิ่ว ไปตายซะ”
“ฮึ”จูนจิ่วสีหน้าไม่เปลี่ยน ข้อมือพลิกกดไปด้านล่าง นางยกขาเหยียบเส้ยาวเอาไว้ พลังของหินหยกทิพย์เคลื่อนไปตามเส้นลมปราณ ถ่ายเทไปยังเท้าทำให้หงยิงต้องใช้พลังอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถดึงเส้ยาวกลับไปได้
เท้าที่เหยียบเส้ยาวทิ้งน้ำหนักเหยียบลงไป จูนจิ่วพุ่งตัวเข้าไปหาหงยิง
ป๋ายเย่ยังคงถูกเส้ยาวพันเอาไว้ แต่นางยังมีโยวยิ่ง โยวยิ่งไร้เงาไร้แสง เป็นมีสั้นที่แหลมคมที่สุดที่จมดิ่งอยู่ในความมืด เคลื่อนตัวเข้าใกล้หงยิง หงยิงใช้มือซ้ายคว้าตัวจูนจิ่วไว้ทันที
จูนจิ่วว่องไวราวกับปลาตัวหนึ่ง หลบหลีกกรงเล็บของหงยิงอย่างเจ้าเล่ห์ ยกมือกระดกและหมุนโยวยิ่ง จึ๊ก
เลือดสดพุ่งกระฉูด ความเจ็บทำให้หงยิงร้องเสียงดัง ฉวยโอกาสนี้ จูนจิ่วแอ่นตัวยกขาขึ้นเตะไปที่หน้าอกของหงยิง ลูกเตะเดียวเตะไปยังจุดที่เจ็บที่สุด หงยิงร้องอย่างเจ็บปวดยิ่งขึ้น รีบเอามือกุมอกทำให้ต้องคลายมือที่ควบคุมเส้ยาวออก จูนจิ่วใช้โอกาสนี้ดึงป๋ายเย่ออกมา
นี่เป็นการปะทะกันครั้งแรก โดยมีบทสรุปคือหงยิงได้รับบาดเจ็บ
“อ๊า”หงยิงร้องเสียงดังอย่างเจ็บปวด ความเจ็บบนใบหน้า การบาดเจ็บที่มือหรือจะสู้ความเจ็บที่หน้าอกราวกับอวัยวะภายในจะฉีกขาด หงยิงรู้สึกเพียงว่าบริเวณอกของตัวเองถูกเตะจนแหลกไปแล้ว
เงยหน้าขึ้น นางมองจูนจิ่วอย่างแค้นใจ “จูนจิ่ว คนชั้นต่ำข้าจะฆ่าเจ้าอ๊าๆๆ”
“เข้ามาเถอะ”
จูนจิ่วยิ้มเย็น ยื่นมือกวักเรียกอย่างท้าทายเต็มที่
หงยิงคลั่งแล้ว นางคว้าเส้ยาวพุ่งเข้าไป พลังของนักจิตใหญ่ชั้นสองปะทุถึงขีดสุด พอลงมือ ทุกกระบวนท่าล้วนเอาชีวิต
แต่ละกระบวนท่าดุดันยากจะประมือด้วย แค่เห็นก็ดูออกแล้วว่าหงยิงนั้นเป็นหญิงที่ดุร้ายดุจงูและแมงป่องพิษ ไม่เสียแรงที่นางมีชื่อเสียงเป็นถึงเพชฌฆาตหญิง แม้จะเป็นพวกมู่จิ่งหยวนต้องต่อสู้ด้วย ก็คงต้องปวดหัวไม่เบา
ฉะนั้น พวกเขาจึงมองจูนจิ่วที่ค่อยๆต้านรับและแก้ไขแต่ละกระบวนท่า กระทั่งไม่ยอมแพ้ให้หงยิงอย่างตกตะลึงอ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อ จูนจิ่วเล่นโกงหรือ
ปัง
เส้ยาวไม่โดนจูนจิ่ว หงยิงโกรธจนออกหมัด ทั้งสองมือ หมัดสองหมัดปะทะกันซึ่งหน้า รุนแรงดุเดือด
พลังของนักจิตใหญ่ชั้นสองหมุนวนพุ่งออกไป ชนเข้ากับหมัดของจูนจิ่วเกิดเสียงดังปัง คนที่ต้องถอยหลังกลับเป็นหงยิง แต่ไม่ใช่จูนจิ่ว ยิ้มเย็นเหลือบมองหงยิง จูนจิ่วกำหมัดเสียงดังกร๊อบ พลังหินหยกทิพย์ในร่างของนางได้ใช้หมดแล้ว ต้องดึงพลังกลับออกมาจากเสี่ยวอู่
เสี่ยวอู่นอนอยู่ในเสื้อนาง พวกเขามองไม่เห็นประกายบนตัวเสี่ยวอู่ที่เข้าสู่ตันเถียนของจูนจิ่ว นั่นเป็นแสงเดียวกับที่ดูดซับและย่อยพลังงานของหินหยกทิพย์ เสี่ยวอู่ตอนนี้ก็เป็นหินหยกทิพย์ในรูปร่างแมว
จูนจิ่วยิ้มเย็นเดินไปทางหงยิง “ต่อกันเถอะ”