บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 383 ค่ายกลแปลงกายจิ้งจอก
บทที่ 383 ค่ายกลแปลงกายจิ้งจอก
มองเห็นฝ่ามือของชิงหยู่แนบอยู่กับคมมีด ใช้แรงบาดลงไปเลือดสดไหลออกมา เลือดสดๆไม่ได้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์แม้แต่หยดเดียว ทั้งหมดถูกมีดเซ่หยิ่งดูดกลืนจนหมด ระหว่างที่แสงสีแดงส่องประกายมีดเซ่หยิ่งก็ค่อยๆเผยโฉมที่แท้จริงของมัน
เสียงของเสี่ยวหยิ่งส่งมาจากด้านหลัง “เหล็กอุกกาบาตดำ เซ่หยิ่งหนึ่งไม่มีสอง”
เหล็กอุกกาบาตดำเป็นหนึ่งในอุกกาบาตที่มาจากนอกโลกที่พบเห็นได้ยากชนิดหนึ่ง นักทำอาวุธสร้างขึ้นอย่างยากลำบาก จึงจะได้มีดโค้งที่ไร้เทียมทานขึ้นหนึ่งเล่ม ชื่อว่าเซ่หยิ่ง มีความหมายว่าดูดกลืนเลือดและวิญญาณ มันเคยอยู่ในมือของอ๋องเซ่หยิ่ง ฆ่าศัตรูไปแล้วนับหมื่น พอมีดเซ่หยิ่งปรากฏ ไม่มีศัตรูหน้าไหนไม่เกรงกลัว
“ยินดีด้วย ท่านทำการยอมรับเจ้านายสำเร็จแล้ว มีดเซ่หยิ่งเป็นของท่านแล้ว”เสี่ยวหยิ่งพูด
ใบหน้าของชิงหยู่เต็มไปด้วยรอยยิ้มดีใจ คิ้วเลิกขึ้นสูง เขาก้าวเท้าก้าวใหญ่ๆไปตรงหน้าจูนจิ่ว ราวกับประเคนของมีค่าใช้สองมือยกมีดเซ่หยิ่งขึ้นยื่นออกไป พูดว่า “ศิษย์น้องเจ้าดู เจ้าว่ามีดเซ่หยิ่งเป็นอย่างไรบ้าง”
เสี่ยวหยิ่ง:……
ราวกับว่าที่เขาพูดมาครึ่งค่อนวัน ยังไม่มีค่าเท่ากับสายตาของจูนจิ่ว มองไม่เห็นว่าชิงหยู่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ตอนนี้กำลังรอคำตอบของจูนจิ่วอย่างใจจดจ่อ
ริมฝีปากแดงเรื่อค่อยๆหยักขึ้น จูนจิ่วยื่นนิ้วมือออกไปลูบไล้ตัวมีด สัมผัสเย็นเข้ากระดูก แสงเย็นประกายจากคมมีดกระหายเลือด แสดงให้เห็นว่านี่เป็นอาวุธที่ร้ายกาจมาก มีดเซ่หยิ่งไม่ธรรมดา แต่จูนจิ่วก็ยังรักโยวยิ่งกับป๋ายเย่ของนางมากกว่า
พยักหน้า จูนจิ่วเอ่ยชม “ดีมาก ศิษย์พี่มีไว้ในมือย่อมเหมือนเสือติดปีก”
“อืม ศิษย์น้องทั้งมีดเซ่หยิ่งและมรดกของอ๋องเซ่หยิ่งเจ้าเป็นคนมอบให้ข้า ข้าจะจดจำวันนี้ตลอดไป มือข้าที่ถือดาบเซ่หยิ่ง ก็เพื่อจะเอาไว้ปกป้องเจ้า ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิต แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตข้าก็จะไม่ให้ใครรังแกเจ้าได้ ”ชิงหยู่มองจูนจิ่วด้วยสายตาที่มีไฟลุกโชน ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่สาบานในทำนองนี้
ตั้งแต่จูนจิ่วเข้าสู่สำนักเทียนอู่จง ชิงอยู่ก็ได้แต่สาบานตลอดมา แม้ตายก็จะปกป้องนาง ความสัมพันธ์เช่นนี้ห่างไกลจากความเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องนัก พวกเขาเป็นญาติสนิทเป็นครอบครัว
ความรู้สึกเช่นนี้ที่จูนจิ่วไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชาติที่แล้ว พอได้ยิน ในใจก็รู้สึกอบอุ่นผ่อนคลายขึ้นมา นางยิ้มให้กับชิงหยู่ “ข้าเองก็จะปกป้องศิษย์พี่ เอาล่ะ พวกเราเตรียมตัวออกไปกันเถอะ”
“อืม ”
ชิงหยู่พยัหหน้า พอเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นเสี่ยวหยิ่งก้าวเท้าตามพวกเขามา ขมวดคิ้วขึ้นกะทันหัน “ญาณสุสานก็จะตามเราออกไปด้วยหรือ“
“ใช่ ศิษย์พี่เรียกเขาเสี่ยวหยิ่งก็ได้ ข้าเพิ่งจะตั้งชื่อให้เขา”ด้วยความดีความชอบที่จูนจิ่วเป็นคนตั้งชื่อ จึงทำให้ชิงหยู่ไม่กล้าสบถออกมา เห็นได้ชัดว่าศิษย์น้องมีหน้าตาที่งดงามมาก ความรู้ในศาสตร์และศิลป์ก็ไม่เลว สายตาก็แหลมคมมากไม่มืดบอด แต่ทำไมจึงได้ตั้งชื่อง่ายๆเช่นนี้
เสี่ยวอู่ เสี่ยวหยิ่งชื่อพวกนี้ช่าง คิดแล้วชิงหยู่ก็ถอนหายใจ ช่างเถอะ แม้แต่ตัวศิษย์น้องเองยังชื่อจูนจิ่วที่แสนจะธรรมดา นางชอบก็พอแล้ว
ชิงหยู่มองไปที่เสี่ยวหยิ่ง “แต่ว่าถ้าพวกมู่จิ่งหยวนเห็นเขาออกไปด้วย พวกเราจะอธิบายอย่างไร หรือจะบอกไปว่าเขาเป็นญาณสุสาน”
“ไม่ได้ ข้าจะไม่ออกไปในนามของญาณสุสาน พวกเจ้าวางใจได้ ข้าไม่อยากให้พวกเขาเห็นข้ายิ่งกว่าพวกเจ้าซะอีก ”ไม่รอจูนจิ่วเปิดปากพูด เสี่ยวหยิ่งก็ชิงตอบไปก่อน
เขาเดินไปหลังป้ายหลุมศพ มือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากแขนเสื้อสีแดงกวักมือเรียกพวกเขา
“รีบมา อย่าลืมเอาของล้ำค่าของอ๋องเซ่หยิ่งไปด้วย”
เดิมที่เสี่ยวหยิ่งคิดว่าจะให้ชิงหยู่กับจูนจิ่วเลือกเอาติดตัวไปคนละชิ้น แต่ปรากฏว่าพอจูนจิ่วสะบัดแขนเสื้อเท่านั้น สมบัติล้ำค่ามากมายก่ายกองก็ถูกจูนจิ่วเก็บไปไว้ที่ช่องว่างระหว่างแหวน เห็นจูนจิ่วมีช่องว่างระหว่างแหวน เสี่ยวหยิ่งไม่ตะลึงหรือตกใจเลยสักนิด แต่ดวงตาที่มองจูนจิ่วกลับร้อนแรงขึ้น
แม้แต่แหวนแห่งช่องว่างก็ยังมี ยังต้องกังวลเรื่องระหว่างทางที่จะไปชั้นกลางสามชั้นอีกหรือ รีบตามจูนจิ่วไป เป้าหมายของเขาต้องสำเร็จแน่
หลังจากที่เห็นสมบัติทั้งหมดถูกเก็บไว้หมดแล้ว ไม่รู้ว่าเสี่ยวหยิ่งไปเอาสิ่งของบางอย่างซ่อนเอาไว้ในมือมาจากที่ไหน เขาเงยหน้าขึ้นมาจูนจิ่วกับชิงหยู่ “ข้าจะออกไปพวกเจ้า โดยซ่อนตัวอยู่ในนี้”
“อะไร”
แสงสีแดงสว่างวาบขึ้น เสี่ยวหยิ่งกลายเป็นแสงสีขาวสายหนึ่งลอยเข้าไปอยู่ในของสิ่งนั้นที่อยู่ในฝ่ามือ เกิดเสียงขึ้นเล็กน้อย ของสิ่งนั้นหล่นลงไปกับพื้นแล้วเคลื่อนไหวเล็กน้อย หางส่ายไปมา เงยหน้าขึ้นมองจูนจิ่วพวกเขาสองคน
ชิงหยู่มองอย่างนิ่งอึ้ง “เจ้ากลายเป็นจิ้งจอกไปแล้ว”
“ไม่ใช่จิ้งจอก นี่เป็นสุนัขจิ้งจอกสำริด เป็นสัตว์จักรกล ขอเพียงมีหินทิพย์มากพอ ข้าก็จะสามารถมีพลังที่ร้ายกาจได้ และยังเปลี่ยนเป็นตัวเล็กตัวใหญ่ได้”ระหว่างพูด เสี่ยวหยิ่งก็กินหินทิพย์ระดับสองเข้าไปชิ้นหนึ่ง พวกเขาเห็นกับตาว่าเสี่ยวหยิ่งจากจิ้งจอกจักรกลตัวน้อยขนาดสามนิ้ว กลายร่างจนตัวใหญ่เท่ากับพวกเขา
มองดูแล้วมีลักษณะภายนอกเหมือนกับมังกรสำริด แต่เป็นจิ้งจอกเท่านั้นเอง ด้านนอกมีขนและหนังสีทองแดง ดูแหลมคมจนทำให้คนดูรู้สึกกังวล หากลองลูบดูจะทำให้มือถูกแทงจนทะลุหรือไม่
เสี่ยวหยิ่ง “ดูสิ ข้าเปลี่ยนเป็นตัวเล็กก็จะสามารถออกไปกับพวกเจ้าได้อย่างสง่าผ่าเผย จูนจิ่วรับข้าที”
พูดแล้ว เสี่ยวหยิ่งก็โถมตัวกระโดดไปบนร่างของจูนจิ่ว ส่วนจูนจิ่วก็ปฏิกิริยาว่องไวถอยหลังไปครึ่งก้าว เสี่ยวหยิ่งตกลงมากลางอากาศ หูจิ้งจอกห้อยลงมา ดวงตาอัญมณีสีแดงทั้งคู่ของเสี่ยวหยิ่งจ้องจูนจิ่วอย่างข้องใจ “ทำไมเจ้าต้องหลบด้วย ”
จูนจิ่วมองเสี่ยวหยิ่งอย่างเฉยเมย นางยกมือขึ้นลูกขนของเสี่ยวอู่ที่อยู่บนอก จูนจิ่วพูดว่า “เสี่ยวอู่ของข้าชอบเอาชนะ ขี้หึง ถ้าเห็นเจ้าเข้าใกล้ข้า มันจะโมโหมาก”
เสี่ยวหยิ่ง……
รู้สึกอิจฉาแมวตัวนั้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เสี่ยวอู่ชอบอ้อนและขี้หึงมาก ใช่หรือไม่เสี่ยวหยิ่ง ถ้าอย่างนั้นเจ้ามากับข้า”
ชิงหยู่หรี่ตาลง มองเสี่ยวหยิ่งที่กลายเป็นจิ้งจอกจักรกลอย่างวิเคราะห์ เขายื่นมือออกไปข้างหนึ่ง เสี่ยวหยิ่งมองอย่างรังเกียจไม่ขยับตัว
จูนจิ่ว “พวกเราจะไปแล้ว เจ้าจะไปด้วยกัน หรือจะอยู่ที่นี่ต่อ”
“ไปด้วย”เสี่ยวหยิ่งกัดฟัน ทั้งรังเกียจทั้งจนหนทางปีนขึ้นไปในมือของชิงหยู่ ชิงหยู่วางเขาไว้ในแขนเสื้อ แขนเสื้อใหญ่พอที่เสี่ยวหยิ่งจะมองเห็นภายนอกได้ แต่ก็จะไม่ถูกคนอื่นสังเกตเห็น ก็เป็นเช่นนี้ พวกเขาพาญาณสุสานเสี่ยวหยิ่งออกไปด้วย เดินออกจากใจกลางของสุสานของอ๋องเซ่หยิ่ง
พอออกไป พวกมู่จิ่งหยวนต่างหันมามองอย่างพร้อมเพรียงกัน มู่จิ่งหยวนยิ้มอย่างสง่า
“ออกมาแล้ว ”
“อืม ”จูนจิ่วพยัหหน้า ยิ้มเย็นๆให้ทุกคนเพื่อแสดงความขอบคุณ
พวกมู่จิ่งหยวนนั้นเรื่องน้อยมาก ไม่เคยถามให้มากความ พวกเขาไม่มีใครถามจูนจิ่ว เกี่ยวกับเรื่องสำคัญอย่างมรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง และก็ไม่ถามด้วยว่าชิงหยู่เข้าไปทำไม เพียงแต่พูดอย่างเป็นห่วง “ทุกอย่างราบรื่นหรือไม่”
“ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ ไปเถอะ ญาณสุสานบอกว่ามีทางเส้นหนึ่งเดินตรงออกไปสู่ข้างนอกได้ ไม่ต้องกลับทางเดิมที่ต้องอ้อมไปมาให้เสียเวลา ”จูนจิ่วพูด
พอได้ยิน พวกมู่จิ่งหยวนต่างพยักหน้าพร้อมกัน ก็ดีสิ ทางเดิมที่เข้ามาเสียเวลาจริงๆ อีกอย่างมีบางเส้นทางถูกทำลายจนไม่มีความปลอดภัยแล้ว พวกเขาอยู่ภายใต้การนำทางของจูนจิ่ว ค้นพบเส้นทางที่เป็นอุโมงค์ค่อนข้างยาวเส้นหนึ่งที่ทะลุออกไปข้างนอกโดยตรง ตอนที่เห็นแสงสว่างรำไรอยู่ข้างหน้า พวกเขาก็เดินออกมาจากสุสานของอ๋องเซ่หยิ่งแล้ว
“พี่สาว ศิษย์พี่ฝู้พวกท่านออกมากันแล้ว”พอออกมาก็ได้ยินเสียงร้อยขึ้นอย่างยินดีของจี้อีหมิง เขาวิ่งไปทางพวกเขา บ่นพึมพำ “ข้ารอพวกท่านตั้งนาน ในที่สุดพวกท่านก็ออกมากันซะที”