บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 386 ศัตรูแค้นฝังใจเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง
บทที่ 386 ศัตรูแค้นฝังใจเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง
ภายนอกเหมือนหยุนหนีจะบอกกับเจ้าสำนักไท่ชู แต่ที่จริงพอนางเอ่ยปากขึ้นก็ไปยืนอยู่ข้างกายผู้อาวุโสใหญ่ พูดจบก็ไปยืนหลบอยู่ด้านหลังของผู้อาวุโสใหญ่ พวกมู่จิ่งหยวนเห็นเข้า ก็หน้าดำคร่ำเคร่ง ร้ายกาจนัก
นอกจากพวกเขาที่เข้าสู่ด่านสุดท้าย คนที่อยู่ข้างนอกไม่มีใครรู้เลยว่ามรดกตกเป็นของใคร มู่จิ่งหยวนเคยพูดกับจูนจิ่วเป็นการส่วนตัว พวกเขารู้นั้นไม่เป็นไร แต่อย่าให้คนของสำนักศึกษาเทียนซูรู้เด็ดขาด โดยเฉพาะเจ้าสำนักเทียนซู
เจ้าสำนักเทียนซูมักมากในลาภยศ เอาแต่ใจและกระด้าง
พอได้รู้ว่ามรดกของอ๋องเซ่หยิ่งปรากฏขึ้น ก็มั่นใจแล้วว่ามรดกต้องตกเป็นของลูกศิษย์เขาหงยิง หากได้รู้ว่ามรดกตกเป็นของจูนจิ่ว เช่นนั้นจูนจิ่วคงมีอันตราย จูนจิ่วกับชิงหยู่ไม่พูด ฉะนั้นพวกมู่จิ่งหยวนจึงคิดว่ามรดกเป็นของจูนจิ่ว
แม้ว่าความสัมพันธ์จะดีแค่ไหน จูนจิ่วจะยอมยกมรดกให้ชิงหยู่หรือ เป็นไปไม่ได้ และก็เห็นสีหน้าของเจ้าสำนักเทียนซูเปลี่ยนไปจริงๆ ชิงหยู่ขมวดคิ้ว อ้าปากเหมือนอยากจะพูดบางอย่างแต่พอเห็นสายตาของจูนจิ่ว ชิงหยู่ก็หุบปากไป
“เป็นไปไม่ได้”เสียงของเจ้าสำนักเทียนซูราวกับฟ้าผ่า แฝงแววกดขี่น่ากลัว เขามองจูนจิ่วด้วยสายตาดูถูก เปิดปากเอ่ยขึ้นว่า “มีลูกศิษย์ข้าหงยิงอยู่ด้วย ใครจะดีไปกว่านางได้อีก หงยิงเล่า หงยิงอยู่ที่ไหน ”เจ้าสำนักเทียนซูหันไปมองหาเงาร่างของหงยิงรอบๆตัว เขาหาหงยิงไม่เจอ แล้วก็มองจูนจิ่วอย่างดุดันอีกครั้ง จากนั้นก็ถามหยุนหนีออกไปตรงๆ “หยุนหนี เจ้าบอกสิว่าหงยิงไปไหน“
“ข้า”หยุนหนีตื่นตระหนกในใจ สีหน้าขาวซีดไร้เลือด
นางเกือบจะอดไม่ได้ที่จะพูดว่าหงยิงถูกจูนจิ่วทำร้าย แต่พอคิดว่านางยังไม่ได้วิชาจิตของวิชาฝึกตน หยุนหนีก็ไม่กล้าพูด นางเกรงว่าถ้าพูดออกไป แล้วเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูจะเกิดบันดาลโทสะแล้วฆ่าจูนจิ่วตาย
ตอนแรกนางรู้สึกอิจฉาชั่วขณะ จึงได้พูดออกมาเพื่อให้จูนจิ่วเพื่อหาเรื่องยุ่งยากให้นาง ตอนนี้พอได้สติ หยุนหนีได้แต่รู้สึกว่าตัวเองโง่เหลือเกิน จูนจิ่วตาย นางจะไปเอาวิชาจิตของวิชาฝึกตนมาจากไหน อีกอย่างที่นางเดินออกมา เกรงว่าทุกคนคงรู้แล้วว่านางเป็นคนของเทียงฉิว
น่าตายนัก ล้วนต้องโทษจูนจิ่ว หากไม่ใช่นาง นางก็คงไม่ทำเรื่องที่โง่เง่าเช่นนี้
ในใจของหยุนหนีทั้งอิจฉาทั้งแค้น
เจ้าสำนักเทียนซูเห็นหยุนหนีไม่ตอบ สีหน้าก็เคร่งขรึมลง เขาเอามือไขว้หลังเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูเบี่ยงตัวขวางเขาเอาไว้ “เจ้าสำนักเทียนซูไยจึงต้องโมโหเช่นนี้ หงยิงไม่ใช่ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาไท่ชู มาถามลูกศิษย์ไท่ชูของข้า ไม่สู้ถามลูกศิษย์ของท่านเองเถอะ”
เจ้าสำนักเทียนซูสะอึก สีหน้ายิ่งไม่น่าดูเข้าไปใหญ่ เขาหันหน้าไปทันที สายตาดุจดบดาบเยือกเย็นมองไปทางเหล่าลูกศิษย์ไม่กี่คนของสำนักศึกษาเทียนซู มองจนพวกเขาตัวสั่นด้วยความกลัว เปิดปากเอ่ยขึ้นอย่างกระท่อนกระแท่นด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าหงยิงอยู่ไหนกันแน่
ขณะที่เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกำลังจะบันดาลโทสะ ก็มีคนเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหูของเขา สีหน้าของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
แม้จะเป็นการกระซิบข้างหู แต่คนที่มีการฝึกฝนสูงที่อยู่ตรงนั้น หรือคนที่หูไวอย่างจูนจิ่วก็ได้ยินด้วย เขากำลังพูดว่า หงยิงใช้วิชาลับหนีตาย ตอนนี้กำลังบาดเจ็บหนักเกือบจะหมดลมล้มอยู่บริเวณขอบของวงกลมแห่งชัยชนะ เมื่อครู่ถูกหน่วยกล้าตายของเทียงฉิวพบเข้า
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูคิดไม่ถึง ลูกศิษย์ของตัวเองไม่เพียงแต่จะเอามรดกของอ๋องเซ่หยิ่งมาไม่ได้ ยังเจ็บหนักเกือบตาย
ทั้งอายทั้งโมโห สีหน้าของเจ้าสำนักเทียนซูดูไม่ได้เลย เขาหันมามองจูนจิ่วด้วยสายตาคลุมเครือ น้ำเสียงเข้มขรึมไม่พอใจ “ข้ามีงานต้องขอตัวก่อน ฮึ”
นี่เจ้าสำนักเทียนซูคงจดจำนางไว้แล้ว จูนจิ่วหรี่ตาลงเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็มองสายตาเป็นห่วงของพวกมู่จิ่งหยวนด้วย
ยิ้มมุมปาก รอยยิ้มของจูนจิ่วเย็นชา ภายนอกดูแล้ว ที่เจ้าสำนักเทียนซูจ้องนางเพราะมรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง แต่แท้จริงแล้วจูนจิ่วรู้ว่า นี่เป็นการเพิ่มปัจจัยเล็กน้อยขึ้มมาใหม่อีกหนึ่ง ที่สำคัญกว่านั้นคือ เป็นเทียงฉิวที่อยากจะแย่งชิงของล้ำค่า กุญแจเวลา
ศัตรูแค้นฝังใจ ก็แค่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
“จูนจิ่ว”ได้ยินก็เงยหน้าขึ้น เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูเดินมาทางนางด้วยสีหน้าสงบและเป็นมิตร เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูเอ่ยอย่างอบอุ่นว่า “มรดกของอ๋องเซ่หยิ่งอยู่ในมือเจ้าหรือ”
“ใช่”จูนจิ่วตอบกลับเสียงเย็น
เหล่าผู้อาวุโสที่ติดตามอยู่ข้างหลังของเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูกับเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว เมื่อได้ยินต่างก็สูดลมหายใจไม่อยากเชื่อ ที่ไปด้วยกันยังมีมู่จิ่งหยวน ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวง พวกเขาล้วนเป็นศิษย์เอกที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทั้งสามสำนักศึกษา ฐานะก็สูงส่ง แต่ก็ไม่มีใครเอามรดกของอ๋องเซ่หยิ่งมาได้ แต่กลับถูกจูนจิ่วเอาไปแทน
พวกเขาต่างก็รู้จักจูนจิ่วอยู่บางส่วน ที่รู้มากที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องที่อยู่ในอำนาจดูแลของสำนักศึกษาไท่ชูที่ห้าสำนักสิบแคว้นกลายเป็นสองสำนักสิบแคว้น และผู้ก่อเรื่องก็คือจูนจิ่ว เรื่องต่อไป คงเป็นเรื่องที่จูนจิ่วมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมระดับหกสีฟ้า
เห็นฉากนี้เข้า เสี่ยวหยิ่งที่หลบอยู่ในแขนเสื้อก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง เขาส่งเสียงให้ชิงหยู่
“ทำไมเสี่ยวจิ่วต้องบอกว่ามรดกอยู่กับนาง ไม่ใช่บอกว่าอยู่กับเจ้า”
“เสี่ยวจิ่ว”ขมวดคิ้วกับการเรียกขานนี้ ชิงหยู่รู้สึกว่าเสี่ยวหยิ่งเจ้าเล่ห์นัก
ไม่เหมือนคนดี ด้วยสัญชาตญาณ เขามีทีท่าห่างเหินเย็นชาขึ้นมา ชิงหยู่ปกป้องจูนจิ่วสุดใจ “นี่เป็นความลับระหว่างข้ากับศิษย์น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
เสี่ยวหยิ่งกระตุกมุมปาก ดวงตาจิ้งจอกหรี่ลง ความลับ
มรดกของอ๋องเซหยิ่งนั้นเอาไปจากมือเขา ต่อหน้าเขายังมีความลับอะไร แต่จากที่เขามอง สถานะในสามสำนักศึกษาทั้งสามของกจูนจิ่วกับชิงหยู่นั้นไม่ธรรมดา
เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูพยักหน้า ได้แต่ยิ้มชมจูนจิ่วว่าทำได้ดี เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวมองไปทางจูนจิ่ว สายตาเป็นมิตร “เห็นทีสำนักศึกษาไท่ชูของท่านก็มีอัจฉริยะเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งแล้ว”
“ฮ่าฮ่าใช่แล้ว ดีมาก จูนจิ่วเจ้าทำได้ดีมาก”เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูก็พอในและชื่นชม พวกเขามีท่าทีแตกต่างจากเจ้าสำนักเทียนซูอย่างสิ้นเชิง จูนจิ่วสังเกตเห็นทั้งหมด ในใจก็มีนิยามที่แตกต่างกันออกไป
เห็นเจ้าสำนักศึกษาทั้งสองคนพูดเช่นนี้ ทุกคนก็ได้แต่เอ่ยปากชมจูนจิ่ว หลังสิ้นสุดคำพูดตามมารยาท ก็เข้าเรื่องที่เป็นทางการ
สำนักศึกษาเทียนซู สำนักศึกษาจื่อเซียวกับสำนักศึกษาไท่ชู ดึงธงอันดับที่หนึ่งยืนเป็นแถวเรียงกันตรงหน้าเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวรับผิดชอบงานล่าสัตว์ทิพย์ในครั้งนี้ เขายิ้มและพูดกับทุกคน “ยินดีด้วยพวกเจ้าได้ที่หนึ่ง แม้ว่าการล่าสัตว์ทิพย์ครั้งนี้จะง่าย แต่ก็ไม่ง่าย พวกเจ้าสามารถผ่านประสบการณ์มรดกของอ๋องเซ่หยิ่ง ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็คู่ควรแก่การสรรเสริญ”
เขาพูดไม่ผิด สำนักศึกษาทั้งสามเคยมีมรดก แต่ว่ามรดกที่เหลืออยู่ก็มีน้อยเหลือเกิน โดยเฉพาะคนที่ร้ายกาจและเป็นวีรบุรุษอย่างอ๋องเซ่หยิ่ง ยิ่งมีไม่มาก
ฉะนั้นไม่ว่าจะได้หรือไม่ได้มรดกมา แค่สามารถเข้าไปเดินแล้วออกมาอย่างปลอดภัย ก็เป็นประสบการณ์ที่ทุกคนต้องอิจฉาแล้ว
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวพูดว่า “ข้าได้เตรียมของรางวัลให้กับทั้งสามสำนักศึกษาแล้ว พวกเจ้ากลับไปแล้วก็จะรู้เองว่าคืออะไร ตอนนี้ มีรางวัลพิเศษอย่างหนึ่งอยากจะมอบให้พวกเจ้า”
ป้ายหลิงซู
จูนจิ่วมองเจ้าสำนักจื่อเซียวที่โบกสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ป้ายหลิงซูหยกก็หล่นลงตรงหน้าของทุกคน คนละหนึ่งชิ้น หยุนหนีเห็นดังนี้ ก็อิจฉาจนจิกแขนเสื้อไว้แน่น ดวงตาแดงก่ำ นั่นมันป้ายหลิงซูเชียวนะ เดิมทีนางก็ควรจะได้รับหนึ่งชิ้น
“นี่คือป้ายหลิงซู จะมอบให้เฉพาะผู้ที่ได้รับอันดับหนึ่งในการแข่งขันล่าสัตว์ทิพย์เท่านั้น คนที่มีป้ายนี้จะได้รับโอกาสในการเข้าไปรับถีหูก้วนติ่งในน้ำพุหลิงซู ต่อไปข้าจะนำพวกเข้าไปยังน้ำพุหลิงซู”