บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 393 อย่าให้พวกเขาหนีไปได้
แววตาของจูนจิ่วขรึมลง มองหยุนหนีกับผู้อาวุโสใหญ่ด้วยสายตาเย็นชา นางพูดว่า “วิชาจิตของวิชาฝึกตน ”
“พวกท่านจะเอาวิชาจิตไปทำไมกัน หรือว่า วิชาฝึกตนชั้นที่สี่อยู่กับพวกท่าน”ชิงหยู่เหมือนจะคิดถึงความเป็นไปได้ สีหน้าตกใจเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในทันที ที่พวกเขาเดากันไว้ก่อนหน้านี้เห็นทีจะเป็นเรื่องจริง
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ผู้อาวุโสก็คร้านจะปิดบังอีกต่อไปแล้ว เขาคิดเอาไว้แล้วว่าถ้าลงมือกับจูนจิ่วเมื่อไหร่ ก็เตรียมจะเปิดเผยทุกสิ่ง เขายิ้มอย่างชั่วร้าย จ้องจูนจิ่วกับชิงหยู่และพูดว่า “ถูกต้อง วิชาฝึกตนชั้นที่สี่อยู่ในมือข้าเอง”
“วิชาฝึกตนชั้นที่สี่อะไรกัน พวกเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่ ”มู่จิ่งหยวนงุนงง เขามองซ้ายทีขวาที ใบหน้าที่หล่อเหล่าสง่างาม มีความสับสนยากจะอธิบายออกมาได้
อยากจะถามจูนจิ่วกับชิงหยู่ แต่เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ค่อยเหมาะ ด้วยเหตุนี้มู่จิ่งหยวนจึงยืนอยู่ข้างกายพวกเขา เงยหน้ามองไปทางผู้อาวุโสใหญ่แล้วขมวดคิ้วพูดว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านกักพวกข้าไว้ที่นี่เพื่อข่มขู่ ไม่กลัวว่าอาจารย์รู้เข้าแล้วจะหาคำอธิบายไม่ได้หรือ ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า มู่จิ่งหยวนนะมู่จิ่งหยวน เจ้าสำนักเลี้ยงเจ้ามาให้ไร้เดียงสาเสียเหลือเกินนะ เจ้าคิดว่าหลังจากข้าลงมือแล้ว ยังจะปล่อยพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งมีชีวิตรอดกลับไปอีกหรือ ”ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มชั่วร้าย
สายตาเขาโหดเหี้ยมอำมหิต จ้องมองพวกเขาสามคนอย่างไม่วางตา
เขาลงมือโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาได้เตรียมวางแผนไว้อย่างรอบคอบแล้ว วิชาจิตของวิชาฝึกตนของสำนักเทียนอู่จง เขาต้องเอามาให้ได้ จากนั้นก็ส่งตัวจูนจิ่วกับชิงหยู่ให้กับเทียงฉิว เหลือมู่จิ่งหยวนก็ฆ่าปิดปากไปซะ
ผู้อาวุโสใหญ่มีความมั่นใจเป็นอย่างมาก เขาลงมือเอง ฆ่าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสามคน ง่ายดายมาก
ผู้อาวุโสใหญ่พูดต่อว่า “จูนจิ่ว ส่งวิชาจิตออกมาซะดีๆ แล้วก็ยังมีของล้ำค่าที่เทียงฉิวต้องการ เจ้ารู้ว่ามันคืออะไร ส่งมา ข้าจะให้พวกเจ้าได้ตายดีๆ ไม่ต้องทรมานมาก ”
“ได้ยินหรือยัง จูนจิ่วเจ้ายังยืนบื้ออยู่ทำไม”หยุนหนีชักดาบออกมาชี้ไปทางจูนจิ่วขู่เสียงต่ำ
จูนจิ่วไม่ตอบ นางกำลังวิเคราะห์พื้นที่ สถานการณ์และวิธีที่จะตอบโต้ สู้ ลำพังพวกเขาแค่สามคนสู้ไม่ไหว ผู้อาวุโสใหญ่เป็นนักจิตใหญ่ชั้นห้า เขาคนเดียวก็สามารถฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดาย หนี จำเป็นต้องเปิดช่องโหว่ให้ได้ก่อน
จูนจิ่วไม่ได้พูดอะไร ชิงหยู่เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเบี่ยงตัวบังจูนจิ่วเอาไว้ แววตาของเขาคมกริบ แววตากราดเกรี้ยวมองผู้อาวุโสใหญ่กับหยุนหนีอย่างเย็นชา“อยากจะได้วิชาจิต ได้ แต่พวกเจ้าต้องปล่อยศิษย์น้องข้ากับศิษย์พี่มู่ออกไปก่อน ”
“ข้าเป็นเจ้าสำนักเทียนอู่จง ไม่มีใครรู้จักวิชาจิตของวิชาฝึกตนได้ดีกว่าข้าแล้ว ส่วนศิษย์พี่มู่ เขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย ถ้าพวกเจ้าไม่ปล่อย สุดท้ายพวกเจ้าก็จะไม่ได้อะไรเลย”
ชิงหยู่รู้ดีว่าการเจรจานั้นไม่มีผล แต่เขาก็ต้องลองดู
เขาเป็นถึงศิษย์พี่ จะให้จูนจิ่วเผชิญอันตรายได้อย่างไร สถานการณ์ตอนนี้พวกเขาสู้ไม่ไหว คิดจะหนีก็ยากกว่าการขึ้นสวรรค์ ทางที่ดีที่สุด ให้เขาอยู่ที่นี่เพื่อถ่วงพวเขาเอาไว้ ให้จูนจิ่วกับมู่จิ่งหยวนที่ไม่เกี่ยวข้องจากไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไร้เดียงสา ข้าบอกแล้ว พวกเจ้าไม่ว่าใครก็อย่าคิดว่าจะหนีไปได้ จะต่อรองกับข้านั้นเป็นไปไม่ได้หรอก ไม่พูดใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นก็จับพวกเจ้าค่อยๆทรมานเพื่อเค้นถาม ยังไงก็ต้องพูด ”ผู้อาวุโสสั่งการลงไป บัญชาคนชุดดำกับลูกศิษย์
พวกเขาล้วนเป็นข้ารับใช้ที่จงรักภักดีที่เขาเลี้ยงดูไว้อย่างลับๆ ไม่กลัวว่าเทียงฉิวจะรู้ และไม่กลัวว่าจะถูกเจ้าสำนักรู้เข้า เขาต้องทำให้สำเร็จ
มองคนชุดดำกับลูกศิษย์ค่อยๆกระชับวงล้อมเข้ามาอย่างเย็นชา มีดดาบในมือชี้ไปที่พวกเขา จูนจิ่วยัดเสี่ยวอู่เข้าไปในอก ส่งเสียงให้ทั้งสองคน “ด้านขวาอ่อนแอที่สุด อีกเดี๋ยวข้าจะโรยหมอกยาพิษ จะสามารถขัดขวางผู้อาวุโสใหญ่กับหยุนหนีได้ชั่วครู่ ฉวยโอกาสนี้ หนีออกไปทางด้านขวา”
“ได้”มู่จิ่งหยวนได้ยิน ก็พยักหน้ารับ
ชิงหยู่สายตาลึกล้ำ พูดว่า “ประเดี๋ยวศิษย์น้องเจ้าไปก่อน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าหันกลับมา ”
กลุ่มคนได้พุ่งเข้ามาแล้ว พวกเขาขึ้นไปเผชิญหน้า
การฝึกฝนของจูนจิ่วต่ำที่สุด แต่มือนางมีโยวยิ่งและการเคลื่อนไหวที่รวเร็วดุจภูตผี ฝ่าเข้าไปกลางวงของเหล่าคนชุดดำและเหล่าลูกศิษย์อย่างคล่องแคล่วว่องไว เทียบพลังทิพย์ นางสู้คนพวกนี้ไม่ได้ แต่ถ้าสู้ระยะประชิด นางอาจจะไม่แพ้ก็ได้
ในบรรดาทั้งสามมู่จิ่งหยวนพลังแข็งแกร่งที่สุด เขาพุ่งตัวออกไปแบกรับคลื่นความแค้นลูกใหญ่ที่สุด ชิงหยู่ช่วยเขาอยู่ข้างๆ ทำให้กลุ่มคนชุดดำกับลูกศิษย์เข้าใกล้พวกเขาไม่ได้ สถานการณ์ยืดเยื้อ พลางก็รอสัญญาณจากจูนจิ่วอย่างสงบ
พวกเขาค่อยๆเข้าใกล้วงล้อมทางด้านขวา ผู้อาวุโสใหญ่กับหยุนหนีจ้องมองแต่ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร
เข้าใกล้แล้ว ยิ่งอยู่ก็ยิ่งใกล้
จูนจิ่วยังจำทางตอนที่มาได้ ทะลุจากทางด้านขวาออกไป พวกเขาตรงไปเรื่อยๆก็จะถึงน้ำพุหลิงซู ตอนนี้ทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขาคือการกลับไปที่น้ำพุหลิงซู ไปอยู่ข้างกายป้าฟาง ผู้อาวูโสจะโลภมากแค่ไหน ก็คงไม่กล้าลงมือที่นั่น
โยวยิ่งในมือหมุนไปมา จูนจิ่วฟันฉับลงไปที่คอของชายชุดดำคนหนึ่ง เลือดสาดกระจาย มือข้างซ้ายของนางวางอยู่บนขวดขา นับเวลาถอยหลัง และตอนนี้เอง
จูนจิ่วเอ่ยเสียงต่ำ “ไป”
เสียงสิ้นสุดลง นางยกมือขึ้นเปิดขวดยา ผงยาสีขาวสาดออกมา จูนจิ่วส่งพลังออกไปตบที่ผงยาทำให้เกิดเป็นม่านหมอกกระจายไปทั่ว
ยานี้มีมีส่วนผสมทำให้เป็นอัมพาตอยู่ด้วยอย่างเข้มข้น จูนจิ่วศึกษาจากประสบการณ์ในการต่อสู้เมื่อครั้งก่อน แต่นางก็ยังไม่รู้ว่ายานี้จะมีผลต่อนักจิตใหญ่มากน้อยแค่ไหน ตอนนี้ไม่มีเวลาสนใจแล้ว ได้เพียงแต่หวังว่าจะนานสักหน่อย
ยาผงสาดออกไป การเคลื่อนไหวของเหล่าคนชุดดำกับลูกศิษย์ก็แข็งทื่อเชื่องช้าลงไป ชั่วพริบตาก็ถูกพวกจูนจิ่วทั้งสามคนร่วมมือกันฆ่าไปเจ็ดแปดคน วงล้อมด้านขวามีรอยแยกออก เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว พวกจูนจิ่วพุ่งออกไปอย่างไม่หันหน้ากลับมา
หยุนหนีตกใจ “อย่าให้พวกเขาหนีไปได้”
ร้องตะโกนออกไป หยุนหนีเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าการเคลื่อนไหวของตนเองเชื่องช้าและยากลำบากมาก ขณะที่ตื่นตระหนก ยาเม็ดหนึ่งก็ยัดเข้ามาในปากของหยุนหนี ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบจากผงยา เขาเคลื่อนตัวหายไป วินาทีต่อมาก็ไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพวกจูนจิ่ว
ฝีเท้าที่หนีอย่างรวดเร็วชะงักกึก พวกจูนจิ่วสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วก็เห็นผู้อาวุโสใหญ่หมุนเวียนพลังไปที่ฝ่ามือแล้วตบออกไป จูนจิ่วตะโกนขึ้น “รีบหลบเร็ว ”
โครม
ฝ่ามือเดียวฟาดลงมาราวกับพายุลมคลั่ง พวกเขาใช้ความเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อหลบหลีก แต่ก็ถูกลมจากฝ่ามือฟาดเข้าให้ รู้สึกอึดอัดที่หน้าอก เกิดอาการเจ็บขึ้นเป็นระลอก
เงยหน้าขึ้น ผู้อาวุโสใหญ่หัวเราะฮ่าฮ่าจ้องมาทางพวกเขา เขาเอ่ยยิ้มๆ “จูนจิ่ว ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นหมอเทวดาจูนจิ่ว ในเมื่อจะจับเจ้าไหนเลยจะไม่เตรียมการป้องกันไว้ เห็นทียาแก้พิษของหมอกลั่นยาพิษก็ไม่เลว ไม่เสียแรงที่ข้าต้องเสียเงินไปมากในการซื้อหามา”
น่าตายนัก ผู้อาวุโสใหญ่เตรียมการป้องกันไว้ก่อนแล้ว
ขณะที่หยุนหนีกินยาแก้เข้าไปแล้ว ก็ฟื้นฟูพละกำลังกลับมาได้เดินก้าวใหญ่ๆเข้ามา นางจ้องจูนจิ่วอย่างเอาเป็นเอาตายพูดว่า “ท่านปู่ มอบจูนจิ่วให้ข้าเถอะ”
“ได้ พอดีเลยข้าเองก็อยากจะดูว่าหลังจากบรรลุเป็นนักจิตใหญ่แล้ว เจ้าก้าวหน้าขึ้นแค่ไหน ”ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้า ยิ้มมองไปทางหยุนหนีแล้วก็ถอยเพื่อหลีกทาง หยุนหนีเดินออกมาอย่างตื่นเต้นได้ใจ แต่กลับปะทะเข้ากับสองคนที่ยืนบังจูนจิ่วเอาไว้
มู่จิ่งหยวนกับชิงหยู่จ้องมองนางเขม็ง มู่จิ่งหยวนพูดว่า “หยุนหนีเจ้าฝันไปเถอะ เจ้าเป็นถึงนักจิตใหญ่คนหนึ่ง จะรังแกนักจิตระดับห้า ยังรู้จักอายหรือไม่ ”