บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 394 ลงมือเถอะจูนจิ่ว ฆ่านางเสีย
“อายหรือ ฮ่าฮ่าฮ่า ”หยุนหนีปิดปากหัวเราะเสียงเย็น “ข้าต้องเสียแรงไปเท่าไหร่เพื่อเข้าใกล้จูนจิ่ว เพื่อให้นางเชื่อใจข้า ยอมรับข้า ใช้ทุกวิถีทาง ล้มเหลวไปตั้งกี่ครั้งยังถูกทำให้ขายหน้าอีก ตอนนี้ เป็นเวลาที่จูนจิ่ว จะต้องชดใช้ให้กับข้าบ้างแล้ว ”
หยุนหนีจ้องจูนจิ่วเขม็ง สายตามีแววโกรธแค้นและอิจฉา นางสร้างปัญหาให้กับจูนจิ่วนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายก็ถูกจูนจิ่วเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี นางไม่มีโอกาสที่จะได้ออกโรงเลยสักครั้ง
แต่กลับกันทุกครั้งที่จูนจิ่วโชคดี เป็นนางที่ต้องซวย ไม่เพียงแต่ทำให้ท่านปู่ผิดหวัง ยังเสี่ยงที่จะถูกพี่หงยิงลงโทษอีก หยุนหนีนึกถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเกลียดจูนจิ่วจนอยากจะสับนางเป็นหมื่นๆชิ้นเพื่อระบาย
หยุนหนี “จูนจิ่ว เจ้าร้ายกาจมากมิใช่หรือ แม้แต่พี่หงยิงยังต้องเจ็บหนัก พี่หงยิงเป็นถึงนักจิตใหญ่ชั้นสอง กับข้ามี่เพิ่งจะบรรลุนักจิตใหญ่ชั้นที่หนึ่ง ตามหลักแล้วไม่ต้องให้ข้าอ่อนข้อให้เจ้าจึงจะถูก”
ยิ้มชั่วร้ายค่อยๆเดินเข้าไปใกล้จูนจิ่ว หยุนหนีพูดต่อไปว่า“ข้าจะทุ่มเทพลังทั้งหมด ให้เจ้าดูสิว่าพลังที่แท้จริงของนักจิตใหญ่เป็นอย่างไร”
จูนจิ่วมองหยุนหนีที่ใกล้เข้ามาอย่างเย็นชา นางเงยหน้ามองไปรอบๆ มู่จิ่งหยวนกับชิงหยู่ถูกผู้อาวุโสใหญ่จ้องอยู่ พลังของนักจิตใหญ่ชั้นห้ากดต่ำลงมา ทำให้มู่จิ่งหยวนกับชิงหยู่ขยับไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะช่วยจูนจิ่ว
นักจิตใหญ่ชั้นห้าปะทะนักจิตใหญ่ชั้นหนึ่ง
แววตาเยือกเย็นของจูนจิ่วขรึมลงหลายส่วน ไม่มีกลโกง นางแทบจะไม่มีทางเอาชนะได้ แต่ก็ดูเหมือนจะมีโอกาสรอดอยู่ริบหรี่ ก็ต้องดูว่านางจะสามารถคว้าโอกาสนั้นไว้ได้หรือไม่
เห็นใบหน้าที่สวยงามของจูนจิ่ว ยังคงสงบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเช่นเดิม หน้าตางดงามดุจภาพวาด ทุกลายเส้นบนภาพวาดนั้นล้วนงามกว่านางที่เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของสำนักศึกษาไท่ชู หยุนหนียากจะปิดบังความริษยาและไม่พอใจไว้ได้ จนถึงตอนนี้ จูนจิ่วน่าจะต้องคุกเข่าร้องขอชีวิตแล้วมิใช่หรือ
เสแสร้ง นางต้องเสแสร้งแน่ๆ
หยุนหนีจิตใจไม่สงบ ยิ้มเย็นและเอ่ยขึ้น “จูนจิ่ว เจ้าหยิ่งยโสอวดดีมาตลอดมิใช่หรือ ทำไม่ตอนนี้ไม่พูดไม่จาเล่า”
“ฮึ”จูนจิ่วยิ้ม สายตาเย็นชาของนางประสานเข้ากับสายตาของหยุนหนี คนที่ถอยร่นคือหยุนหนี จูนจิ่วพูดว่า “หงยิงยังไม่ใช่คู่ปรับข้า เจ้า ทำไมข้อต้องเสียน้ำลายกับคนที่อ่อนแอกว่า ”
“เจ้า”หยุนหนีเบิกตาโต
นางทั้งโมโหทั้งรู้สึกอับอาย ยังผสมปนเปกับความกลัวอีกเล็กน้อย อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างละเอียดอ่อนเช่นนี้ ล้วนถูกจูนจิ่วจับตามองอยู่
หยุนหนีเห็นกับตาว่าหงยิงถูกบูชาเลือด หงยิงสำหรับนางแล้วเป็นการมีอยู่ที่สูงส่งและน่ากลัวมาก แต่จูนจิ่วชนะหงยิงได้ แม้หยุนหนีจะนิ่งมากแค่ใน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะมีความกลัวและหวาดผวาอยู่บ้าง จูนจิ่วยังสามารถใช้พลังมหาศาลได้เท่ากับตอนปะทะกับหงยิงหรือไม่
นางกลัวซะแล้ว เห็นท่าทีของหยุนหนี มุมปากของจูนจิ่วก็ฉีกขึ้นอย่างเย็นชา
ตอนนี้ถึงเวลาที่นางจะควบคุมสถานการณ์แล้ว เทียบความทรงพลัง นางไม่แพ้ใครแน่นอน
ชิงหยู่กับมู่จิ่งหยวนที่ถูกผู้อาวุโสใหญ่กดเอาไว้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ต่างก็มองอย่างร้อนใจ จูนจิ่วก้าวเท้าออกไป นางเดินเข้าไปหาหยุนหนีเอง แต่หยุนหนีกลับตัวแข็งทื่อ เบิกตากว้างสีหน้ามีแววตื่นตระหนกวาบผ่าน
จูนจิ่วยิ้มเย็น ทุกก้าวยาวเสมอกัน แววตาเยือกเย็นมองจ้องอยู่ที่หยุนหนี เห็นหยุนหนีถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว จูนจิ่วหัวเราะเสียงเย็น “ทำไม นักจิตใหญ่กลัวหรือ ข้าก็แค่นักจิตชั้นห้า เจ้าจะกลัวอะไร ”
“จูนจิ่วเจ้าหยุดนะ ”หยุนหนีตื่นตกใจ
แน่นอนว่าจูนจิ่วไม่หยุด นางก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว หยุนหนีก็ถอยหนึ่งก้าว ในใจนางมีความหวาดผวา ตอนนี้ถูกจูนจิ่วควบคุมสถานการณ์ได้สำเร็จแล้ว ประสานเข้ากับสายตาของจูนจิ่ว ทำให้หยุนหนีควบคุมความคิดของตัวเองไม่ได้ มีความรู้สึกเหมือนว่านางต้องแพ้แน่แล้ว นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจูนจิ่ว
ผู้อาวุโสเห็นดังนี้ สายตาของเขามีแววผิดหวัง จูนจิ่วก็แค่นักจิตชั้นห้า แต่หยุนหนีกลับแพ้ให้กับออร่าของจูนจิ่ว
ผู้อาวุโสใหญ่เร่งเร้า “หยุนหนีเจ้ายังยืนนิ่งทำไม รีบจับตัวจูนจิ่วซะ”
“ท่านปู่ข้า”
“เจ้าไม่ลงมือ เช่นนั้นข้าขอลงมือก่อน”น้ำเสียงเยือกเย็นของจูนจิ่วส่งผ่านเข้าหู หยุนหนีสั่นอย่างไม่รู้ตัว นางเหมือนจะเห็นภาพที่จูนจิ่วบูชาเลือดหงยิงอยู่เลือนราง หัวใจเต้นโครมคราม หวาดกลัวอย่างที่สุด
ที่จริงสามารถโจมตีได้ แต่เพราะหยุนหนีกลัวจึงเปลี่ยนเป็นป้องกัน นี่เป็นสิ่งที่จูนจิ่วอยากได้
นักจิตชั้นห้าสู้กับนักจิตใหญ่ชั้นหนึ่ง นางไม่มีทางชนะได้เลย แต่ขอเพียงหยุนหนีเผยรอยรั่วและจุดอ่อน ภายใต้การกล่อมด้วยพลังจิตของนางเพื่อขยายจุดอ่อนให้มากขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด โอกาสมีเพียงหนึ่งครั้ง นางจะล้มเหลวไม่ได้
ก้าวเท้าพุ่งไปทางหยุนหนี ในมือจูนจิ่วถือโยวยิ่งไว้แน่น โอกาสของนางคือการสู้ประชิดตัว ต้องสำเร็จในการโจมตีเพียงครั้งเดียว จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้
หันหน้าเข้าหาหยุนหนี จูนจิ่วดึงพลังจิตออกมาถึงจุดสูงสุด
ชั่วพริบตา นางก็พุ่งไปอยู่ตรงหน้าหยุนหนีได้อย่างราบรื่นประชิดกับนาง หยุนหนีไม่ทันคิด ชักดาบออกมาและฟันไปที่จูนจิ่วอย่างตระหนกตกใจ จูนจิ่วเขย่งเท้าหมุนร่าง ก็หลบดาบนั้นไปได้อย่างง่ายดาย นางยกมือขึ้นคว้าข้อมือของหยุนหนีแล้วดึง ระยะห่างหดน้อยลงอีกครั้ง หยุนหนีฟาดมือไปที่นางอย่างตกใจ จูนจิ่วราวกับปลาที่แสนเจ้าเล่ห์ แนบลำตัวกับหยุนหนีหมุนตัวหลบไปอยู่ข้างหลังนาง
หยุนหนียังคงจะลงมือต่อ แววตาของจูนจิ่วเยือกเย็น โยวยิ่งที่คมกริบแทงเข้าไปในผิวของหยุนหนีครึ่งนิ้ว เลือดสดๆไหลออกมาจากบาดแผล ความเจ็บปวดส่งผ่านไปยังสมองตอนนี้หยุนนี้เพิ่งจะรู้ตัวว่าได้ยกอยู่ในกำมือของจูนจิ่วแล้ว
ดวงตาเบิกกว้าง หยุนหนีตื่นตกใจเป็นอย่างมาก อีกแล้ว จูนจิ่วทำให้หงยิงแพ้ด้วยการสู้เช่นนี้ นางเป็นแค่นักจิตชั้นห้าจริงหรือ
“อย่าขยับ ไม่เช่นนั้นโยวยิ่งของข้าอาจจะแทงเข้าที่คอของเจ้า”จูนจิ่วถือโยวยิ่งไว้ในมือแนบไปที่คอของหยุนหนี มืออีกข้างจับแขนของหยุนหนีหมุนหนึ่งรอบหันไปเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสใหญ่ เงยหน้าขึ้น เห็นเพียงผู้อาวุโสที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวังไม่ชอบใจ
คนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นมองไม่ออก แต่คนดูที่อยู่รอบๆกลับเห็นชัดเจน
หยุนหนียังคงคิดว่าจูนจิ่วใช้พลังเดียวกับที่ทำให้หงยิงแพ้ แต่กลับดูไม่ออกว่าจูนจิ่วนั้นก็แค่สร้างสถานการณ์เพื่อข่มขวัญ เพื่อจับจุดอ่อนของนาง โจมตีถูกจุด เห็นกับตา ขณะที่ผู้อาวุโสรู้สึกผิดหวังกับหยุนหนี ก็รู้สึกหวาดกลัวในตัวจูนจิ่วอย่างช่วยไม่ได้
จูนจิ่วเพิ่งจะอายุเท่านี้ ก็มีแผนการและพลังเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะเขารู้ดีว่าจูนจิ่วมีพลังแค่นักจิตชั้นห้าเท่านั้น เขาก็คงถูกจูนจิ่วทำเอาสะดุ้งตกใจได้เช่นกัน
เสียดายว่ากล้าพันธุ์ที่ดีเช่นนี้ไม่สามารถให้เขาได้ใช้ประโยชน์ มีเทียงฉิวอยู่ จูนจิ่วต้องตาย จูนจิ่วทำสำเร็จ นางจับตัวหยุนหนีได้ เผชิญหน้าผู้อาวุโสใหญ่และเอ่ยอย่างเลือดเย็น “ผู้อาวุโสใหญ่ พาคนของท่านไปจากที่นี่เสีย ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่านาง”
“ท่านปู่ ท่านปู่ช่วยข้าด้วย ”หยุนหนีเพิ่งจะได้สติ นางรีบขอความช่วยเหลืออย่างขวัญหนีดีฝ่อ
ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ตอบ เพียงแต่ยิ้มอย่างชั่วร้าย พร้อมทั้งโบกมือสลายการควบคุมชิงหยู่กับมู่จิ่งหยวน หลุดจากการพันธนาการ ชิงหยู่กับมู่จิ่งหยวนรีบก้าวใหญ่ๆไปข้างกายจูนจิ่ว
พวกเขาเพิ่งจะยืนมั่นคง ก็เห็นผู้อาวุโสใหญ่หยิบเอาพลุสัญญาณออกมาจากแขนเสื้อจุดขึ้นอย่างกะทันหัน เบิกตากว้างอย่างตกใจ ผู้อาวุโสใหญ่กำลังทำอะไร
พลุสัญญาณสามารถเรียกลูกศิษย์ของสำนักศึกษาไท่ชูที่อยู่ใกล้ๆได้ หากเป็นสำนักศึกษาเทียนซูหรือจื่อเซียวก็คงจะเร่งมาเช่นกัน หรือว่าเขาจะยอมแพ้ ไม่ คงไม่ง่ายเช่นนี้
สุดท้าย ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มชั่วร้าย “ลงมือเถอะจูนจิ่ว ฆ่านางเสีย”