บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 397 จูนจิ่วศิษย์ทรยศ
หยุนหนียังไม่ตาย
ที่คอของนางมีรอยเลือดเป็นเส้นเล็กๆ เป็นเพราะความคมของดาบโยวยิ่ง ที่จริงบาดแผลแม้จะเล็ก แต่กลับบาดคอหยุนหนีไปเกือบครึ่ง เลือดนองเต็มพื้น ผิวหนังซีดขาวเพราะเสียเลือดไปมาก ร่างกายไม่มีความอบอุ่นเลย
แต่นางกลับดวงแข็ง แม้จะเหลือลมหายใจเฮือกเดียว หยุนหนีก็ยังคงอดทนรอจนเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูมาถึง
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกับชายคนนั้นมองหยุนหนีอย่างประหลาดใจที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขารีบสั่งการทันที ให้นักกลั่นยามารักษาหยุนหนี นางจะมีชีวิตรอดกี่วันนั้นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือข้อมูลจากปากของหยุนหนี มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
บาดแผลบนคอถูกเย็บเรียบร้อย ทิ้งไว้เพียงร่องรอยที่โหดร้าย หยุนหนีสีหน้าขาวซีดเหมือนผี นางนอนอยู่บนเตียงมองเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูอย่างหวาดกลัว ชายที่อยู่ข้างๆนั้นนางไม่รู้จัก แต่หยุนหนีก็ไม่กล้ามองเขาแม้สักแวบเดียว
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซู “เล่ามา เล่ามาให้หมด หากกล้าจะปิดบังหรือเล่าอะไรขาดไปสักนิดละก็ ข้าคิดว่าหงยิงคงยินดีมากที่จะมีของเล่นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชิ้น ”
หยุนหนีได้ยินก็ตัวสั่น เหมือนเข้าใกล้ความตายอย่างไม่สิ้นสุด หยุนหนีได้ประสบการณ์มาแล้ว นางไม่อยากตาย ฉะนั้นนางจึงกอดความหวังที่จะมีชีวิตรอดรอให้คนมาช่วยนาง ตอนนี้ก็รอดมาได้อย่างไม่ง่ายเลย หยุนหนีกลัวตายอย่างสุดขีด
นางเอ่ยขึ้น พูดอย่างยากลำบาก แต่ก็ยังอดทนต่อความเจ็บปวดที่เหมือนภายในจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เล่าออกไปต่อเนื่อง
หลอกเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู หยุนหนีไม่กล้าแม้แต่จะคิด ท่านปู่ยอมละทิ้งนาง เพื่อวิชาจิตของวิชาฝึกตน เช่นนั้นนางก็ต้องเล่าหมดเปลือกเพื่อมีชีวิตรอด ท่านปู่คงสามารถให้อภัยได้ ในแววตาของหยุนหนีมีความสะใจที่ได้แก้แค้น นางยังไม่รู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่ตายแล้ว
เล่าตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่รอให้เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูมีปฏิกิริยาอะไร ผู้ชายที่อยู่ข้างๆหัวเราะฮ่าฮ่า“ผู้เฒ่านะผู้เฒ่า สายลับที่ท่านวางไว้ในสำนักศึกษาไท่ชูมีใจโลภมากไม่เบาเลย ทำงานเพื่อท่านยังจะกล้าทรยศ”
“ซิงโล่เฉิน”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูตำหนิเสียงต่ำ
ชายคนนั้นหรือก็คือซิงโล่เฉินไม่ได้รู้สึกอะไร ยังคงยิ้มในความโชคร้ายของคนอื่น “ตอนนี้ท่านจะทำอย่างไร ตีหญ้าให้งูตื่นแล้ว จูนจิ่วน่าจะซ่อนตัวไปแล้วแน่”
“แม้ว่านางจะหลบไปอยู่สุดหล้าฟ้าเขียว ข้าก็จะลากตัวนางออกมา ”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูยิ้มอย่างอำมหิต เขาก้มหน้ามองไปทางหยุนหนี “หยุนหนี ข้าจะให้คนส่งเจ้ากลับไปที่สำนักศึกษาไท่ชู เจ้ากลับไปบอกเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูว่า จูนจิ่วทรยศ”
“นางฆ่ามู่จิ่งหยวน ผู้อาวุโสใหญ่ แล้วก็ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาไท่ชูที่ไปด้วยกัน ส่วนเจ้า โชคดีที่รอดมาได้ ตอนนี้ก็ต้องยืนยันว่านางเป็นศิษย์ทรยศของสำนักศึกษาไท่ชู เข้าใจหรือไม่ ”
หยุนหนีเบิกตากว้าง “อะไรนะ ท่านปู่ของข้าตายแล้ว ”
“ถูกต้อง ตายได้น่าอนาถนัก แขนขาถูกตัดขาด ยังถูกขึงไว้บนต้นไม้เพื่อเป็นตัวประดับ เห้อ ไม่รู้ว่าก่อนตายต้องทนรับความเจ็บปวดมากแค่ไหน ”ซิงโล่เฉินแสร้งทำเสียงน่าสงสาร แต่ถ้าฟังดีๆก็สามารถฟังออกถึงความสะใจในความโชคร้ายของผู้อื่นที่ซ่อนอยู่
แต่หยุนหนีไม่ได้ยิน นางจมดิ่งอยู่ในความตกใจและเศร้าใจที่ท่านปู่ถูกฆ่า แม้จะแค้นใจท่านปู่แค่ไหน แต่พอได้รับรู้ว่าท่านปู่ต้องทรมานก่อนตาย ความคิดทั้งหมดก็พังทลายเหลือเพียงความแค้น
“ใครฆ่าท่านปู่”
ซิงโล่เฉินยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย “คนที่อยู่ตรงนั้นนอกจากพวกเจ้าแล้วยังมีใคร ”
“จูนจิ่ว”
เดินออกไปนอกห้อง เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูสั่งการ “ให้คนในเทียงฉิวทั้งหมดออกปฏิบัติการ ค้นหาตัวจูนจิ่วทุกซอกทุกมุม”
เมื่อซิงโล่เฉินได้ยิน เขาก็หัวเราะฮ่าฮ่าทำให้เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูมองไปทางเขา ขมวดคิ้วไม่พอใจ
แต่เหมือนเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงได้อดทนเป็นพิเศษต่อลูกศิษย์ของเขาคนนี้
ได้แต่ถามอย่างไม่พอใจว่า เจ้าหัวเราะอะไร
ซิงโล่เฉินพูดว่า “ลำพังจูนจิ่วนั้นฆ่าผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้ ข้าดูศพแล้วคนที่ลงมือต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง จึงสามารถทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ไม่แม้แต่จะได้ตอบโต้ ฉะนั้นท่านสั่งการจับตัวแค่นี้ มันยังไม่พอ ”
“เจ้ามีความคิดอะไรก็บอกมา อย่ายึกยักเลย”
“ไปที่สองสำนักสิบแคว้น จับตัวคนที่เกี่ยวข้องกับจูนจิ่วมาให้หมด ปล่อยข่าวออกไป นางไม่ปรากฏตัว ก็ฆ่าเพื่อนพี่น้องนาง ค่อยๆฆ่าทีละคน ยังไงนางก็ต้องออกมา ”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูจะจับคน แต่เขาจะให้จูนจิ่วปรากฏตัวออกมาเอง
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูอึ้ง จากนั้นก็ยิ้ม เขาพยักหน้า “ดี ความคิดเจ้าดีมาก บวกกับมู่จิ่งหยวนที่ตายแล้ว แม้ว่าผู้อาวุโสใหญ่จะเป็นคนฆ่า แต่ตอนนี้พวกเราก็มีหยุนหนีเป็นพยาน ว่าคนทั้งหมดนั้นจูนจิ่วเป็นคนฆ่า อย่างนี้ แม้จูนจิ่วคิดอยากจะกลับไปอธิบายทั้งหมดที่สำนักศึกษาไท่ชู ก็คงไม่มีใครเชื่อ ”
เขาจะทำให้จูนจิ่วเป็นหนูที่น่ารังเกียจ ทุกคนต่างไล่ล่า ไม่มีที่ให้หลบซ่อน ยังจะบีบนางให้จนมุมบนปากเหว บีบให้นางปรากฏตัวให้ได้
ให้หงยิงไปจับนาง ผู้อาวุโสใหญ่ไปจับนาง มันเสียเวลานัก เจ้าสำนักเทียนซูไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว ยิ่งนานอุปสรรคยิ่งมาก เขาต้องได้ของล้ำค่ามาโดยเร็ว
ซิงโล่เฉินมองสีหน้าของเจ้าสำนักเทียนซู เขายิ้ม ยืดเส้นสายอย่างเกียจคร้าน ซิงโล่เฉินก้าวเท้าเดินออกไป เขาเปิดปากส่งเสียงกลับมา “ที่สำนักศึกษาไท่ชู ให้ข้าไปเฝ้าดูเอง ข้าอยากจะเห็นมาก ว่าจูนจิ่วคนนี้เป็นอย่างไรกันแน่ ”
“แต่เจ้าเพิ่งจะกลับมา ไม่ไปดูศิษย์น้องของเจ้าก่อนหรือ”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูถาม
ซิงโล่เฉินยิ้ม “หงยิง นางยังไม่ตาย มีอะไรให้ไปดู ไม่สู้ให้นางรีบดีขึ้น มาช่วยงานข้า ”
……
หยุนหนีถูกส่งกลับไปที่สำนักศึกษาไท่ชู ผู้อาวุโสใหญ่ถูกฆ่า หยุนหนียืนยันคำพูดออกไป ทั้งสามสำนักศึกษาต่างโกลาหลขึ้น
ผู้อาวุโสใหญ่ ตำแหน่งอยู่รองแค่เจ้าสำนักศึกษา สถานะสูงส่ง การฝึกฝนยิ่งไม่ธรรมดา แต่คนที่มีตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ในสามสำนักศึกษาทั้งสาม กลับถูกฆ่าอย่างอำมหิต เคลื่อนย้ายร่างของผู้อาวุโสใหญ่กลับมา คนที่พบเห็นต่างก็ตกใจ
บวกกับเดิมทีที่เหล่าลูกศิษย์ในสำนักศึกษาไท่ชูต่างก็ไม่พอใจจูนจิ่วเป็นทุนเดิม ตอนนี้ทุกคนต่างรวมตัวกันอย่างไม่ต้องสงสัย ไปเบียดเสียดอยู่หน้าประตูของเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู ขอร้องให้มีคำสั่งออกตามล่าตัวจูนจิ่วศิษย์ทรยศ
ได้ยินเสียงตะโกนโห่ร้องจากข้างนอกพูดว่า “ศิษย์ทรยศ ”“ฆ่าจูนจิ่ว”“แก้แค้นให้ผู้อาวุโสใหญ่”เป็นต้น เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูนั่งอยู่บนเบาะรองนั่งอย่างเหนื่อยใจ เขาเงยหน้ามองไปยังดวงไฟที่ส่องสว่างอยู่บนโต๊ะ นี่คือดวงไฟชีวิตของมู่จิ่งหยวน
ถ้าคนยังมีชีวิต ไฟก็ยังสว่างอยู่
ตอนนี้ ไฟได้กับลงไปแล้ว มีเพียงใส้ตะเกียงเท่านั้นที่ยังมีความร้อนอยู่ ทำให้เจ้าสำนักศึกษาไทชูรู้สึกประหลาดใจ ดวงไฟแห่งชีวิตยังไม่ดับสนิท บวกกับหาร่างของมู่จิ่งหยวนไม่พบ เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูอดไม่ได้ที่จะมีความหวังขึ้นมาบ้าง
ผู้อาวุโส “เจ้าสำนักท่านออกคำสั่งเถอะ จูนจิ่วคนนี้ทะเยอทะยานโฉดชั่ว แรกเริ่มอยู่ที่ห้าสำนักสิบแคว้นก็ก่อความวุ่นวาย ทำให้ห้าสำนักเหลือเพียงสองสำนัก ตอนนี้เพิ่งมาที่สำนักศึกษาไท่ชูได้ไม่นาน ก็ฆ่าผู้อาวุโสใหญ่ ศิษย์ทรยศคนนี้ ต้องสับนางให้เป็นหมื่นชิ้น ”
“เจ้าสำนักท่านยังลังเลอะไรอีก พวกเราต้องแก้แค้นให้กับนายน้อยแล้วก็ผู้อาวุโสใหญ่ด้วย”
เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูมองไปที่ดวงไฟแห่งชีวิตของมู่จิ่งหยวน ที่สุดก็พยักหน้า เห็นด้วยที่จะสั่งการไล่ล่า พอคำสั่งลงไป ไม่ว่าใครที่อยู่ในสำนักศึกษาทั้งสามที่พบเห็นจูนจิ่ว ก็สามารถฆ่านางได้
สถานการณ์เป็นอันตรายต่อจูนจิ่วอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้นางยังไม่รู้ นางหาที่หลบภัยเป็นถ้ำในป่าลึกเพื่อซ่อนตัว จูนจิ่วขมวดคิ้วแน่นมองไปที่มู่จิ่งหยวน “จะรอไปได้แล้ว มู่จิ่งหยวนใกล้จะตายแล้ว