บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 398 อบรมสั่งสอนดีๆ
รอไม่ได้ มู่จิ่งหยวนจะตายแล้ว
ชิงหยู่เหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูด มองจูนจิ่วด้วยสายตาซับซ้อน เขาอยากจะเปิดปากเอ่ยกับศิษย์น้องของตัวเองว่า ก่อนหน้านี้มู่จิ่งหยวนยังหายใจอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ชีพจรก็จับไม่เจอ เหลือแค่รอให้ร่างกายเย็นลง นี่ยังเรียกว่าใกล้ตายหรือ ขาทั้งสองข้างของเขาได้ก้าวเข้าประตูยมโลกไปแล้วชัดๆ
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อยากช่วยเขาหรือ ”โม่อู๋เยว่พิงอยู่กับพนังถ้ำ ในที่ที่แสนจะเปล่าเปลี่ยวมีเขายืนอยู่ด้วย ทำให้สว่างสดใสขึ้นมา
จูนจิ่วเงยหน้ามองโม่อู๋เยว่ เปิดปากพูดว่า “ข้าต้องช่วยเขาให้ได้ ไม่ว่าเขาจะถูกข้าลากเข้ามาติดพัน หรือว่าข้าจะยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ก็ต้องช่วยชีวิตเขาให้ได้ ”
“ข้ารู้ความหมายของศิษย์น้อง ผู้อาวุโสใหญ่กับหยุนหนีตายแล้ว พวกเรากลับไปที่สำนักศึกษาไท่ชูจะถูกสงสัยเอาได้ ถ้าศิษย์พี่มู่ยังมีชีวิต พวกเราจึงจะอธิบายได้ ”ชิงหยู่นึกถึงท่าทีรังเกียจและอิจฉาของเหล่าลูกศิษย์ในสำนักศึกษาไท่ชู ก็รู้สึกปวดหัว
แต่ตอนนี้ มีเรื่องที่น่าปวดหัวยิ่งกว่า
ชิงหยู่ก้มหน้าลง สายตามองไปที่ร่างของมู่จิ่งหยวน เขาเอ่ยว่า “แต่ว่าศิษย์น้อง ยังช่วยศิษย์พี่มู่ทันหรือ เขา ไม่สู้พวกเราอย่ากลับไปที่สำนักศึกษาไท่ชูเลย พวกเรากลับสำนักเทียนอู่จงกัน ”
“กลับสำนักเทียนอู่จง ”
“ถูกต้อง พวกเราก็ไม่ต้องกลัวว่าสำนักศึกษาไท่ชูจะหาเรื่องเราได้ ตอนนี้สำนักเทียนอู่จงได้ย้ายไปที่ที่ปลอดภัยมากขึ้น สำนักศึกษาทั้งสามไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ”ชิงหยู่พูด
ขนตากะพริบเบาๆ จูนจิ่วเดินไปข้างร่างมู่จิ่งหยวน ดึงเข็มเงินเล่มที่หนึ่งออกจากร่างของเขา มุมปากโค้งขึ้นอย่างเยือกเย็นและกระหายเลือด จูนจิ่วพูดว่า “ข้าจูนจิ่วไม่เคยหลบๆซ่อนๆมาก่อน การตายของผู้อาวุโสใหญ่กับหยุนหนีไม่ใช่ปัญหา”
ดึงเข็มเล่มที่สองออก นิ้วมือของจูนจิ่วเกี่ยวที่คอของมู่จิ่งหยวน ปล่อยพลังทิพย์เข้าไป นางเงยหน้ามองไปทางชิงหยู่ สายตาเย็นชาแต่แน่วแน่ นางพูดว่า “ศิษย์พี่ ต้องจัดการเทียงฉิวให้ได้ ส่วนวิชาฝึกตนชั้นที่สี่พวกเราก็ต้องหากลับมา ”
ชิงหยู่อ้าปากค้าง เขาอยากจะบอกว่าตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่ก็ตายไปแล้ว พวกเขาจะไปหาที่ไหน แต่พอคำพูดมาถึงปาก ชิงหยู่ก็กลืนกลับเข้าไป เขารู้ดีว่าถ้าจูนจิ่วตัดสินใจแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลง
ที่เขาต้องทำ ก็คือยืนอยู่ข้างจูนจิ่วสนับสนุนนางอย่างไร้เงื่อนไข เหมือนที่ผ่านมา ชิงหยู่จึงพยักหน้ารับ
จูนจิ่ว “เสียดายที่มีดสั้นบนอกของมู่จิ่งหยวนไม่สามารถดึงออกมาได้ เขายังมีโอกาสรอด ข้าต้องผ่าตัดเพื่อเชื่อมหลอดเลือดหัวใจให้เขา ไม่เช่นนั้นเขาคงมีชีวิตได้อีกแค่หนึ่งก้านธูป ศิษย์พี่ท่านมาช่วยข้า ช่วยส่งของให้ข้า อู๋เยว่……”มือที่ดึงเข็มเงิน แล้วก็ปักเข็มเงินยังไม่หยุด จูนจิ่วมองไปทางโม่อู๋เยว่ “หากมีคนตามมา ก็มองให้ท่านแล้วอู๋เยว่”
“ได้”โม่อู๋เยว่ยิ้มบางๆพยักหน้า เขาไม่จำเป็นต้องพูดมาก ขอเพียงคำเดียวก็สามารถทำให้จูนจิ่ววางใจได้ เห็นโม่อู่เยว่เดินออกไปนอกถ้ำ จูนจิ่วทุ่มสมาธิทั้งหมดไปที่ร่างของมู่จิ่งหยวน
ชิงหยู่ไม่รู้วิชาแพทย์ ยิ่งไม่รู้ศัพท์เทคนิคที่นางพูด แต่นักจิตที่ผ่านการฝึกฝนด้วยวิชาฝึกตน และก็เคยเห็นการจัดการกับแผลมาก่อนด้วยตนเอง ฉะนั้นจึงช่วยเหลือจูนจิ่วได้บ้าง แต่มากกว่านั้น โดยเฉพาะจุดสำคัญ จูนจิ่วต้องช่วยตัวเองแล้ว
ขณะนี้ เสียงหนึ่งก็ลอยขึ้นมา “ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่”
จูนจิ่วดวงตาสว่างวาบขึ้น ไม่ต้องมองนางก็รู้ว่าเป็นใคร เป็นญาณสุสานเสี่ยวหยิ่ง ไม่เงยหน้า จูนจิ่วถาม “เจ้าช่วยอะไรได้”
“ข้าสามารถช่วยดูรอบๆ หากมีคนมาจะเตือนพวกเจ้าทันที ”น้ำเสียงของเสี่ยวหยิ่งอ่อนลงมาก เดิมทีตอนที่ผู้อาวุโสใหญ่ข่มขู่อยู่นั้น เขาสามารถช่วยเหลือได้ แต่เสี่ยวหยิ่งกลับไม่สนใจชิงหยู่กับมู่จิ่งหยวนเลยสักนิด แค่สุดท้ายสามารถปกป้องจูนจิ่วให้หนีไปได้ก็พอ
ขณะที่มองเห็นโม่อู๋เยว่ปรากฏตัวขึ้น จัดการกับผู้อาวุโสอย่างสบายๆ เสี่ยวหยิ่งก็ร้อนรนขึ้นมา
เขาต้องการให้จูนจิ่วพาเขาไปที่ชั้นกลางสามชั้น ตัวเองได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยน แล้วเขาก็สอนจูนจิ่วเรื่องค่ายกลบ้างเป็นบางครั้ง แล้วก็ช่วยเรื่องอื่นๆอีกนิดหน่อยก็ได้แล้ว แต่สุดท้ายข้างกายจูนจิ่วกลับมีผู้แข็งแกร่งขนาดนี้อยู่ด้วย แม้แต่เขายังมองการฝึกฝนของอีกฝ่ายไม่ออก ถ้าเขายังทำตัวเหลวไหล แอบอู้อีก จูนจิ่วจะเอาเขาไว้ทำไมกัน
ฉะนั้นเสี่ยวหยิ่งจึงออกมาตอนนี้ คิดอยากจะทำงานเพื่อลบล้างภาพที่ไม่ดีก่อนหน้านี้ ชิงหยู่ก็ได้ยิน เขายืนท่าทีเคร่งขรึมจริงจังอยู่ข้างๆ แต่ไม่ขัดขวางการทำงานของจูนจิ่ว และสามารถส่งของให้กับจูนจิ่วได้ทันทีที่นางสั่ง เขาชิงตอบเสี่ยวหยิ่งว่า
“ไม่ต้องแล้ว มีผู้อาวุโสโม่อยู่ สำนักศึกษาทั้งสามไม่เป็นปัญหา”
เสี่ยวหยิ่ง เขาผิดไปแล้วจริงๆ ให้โอกาสสักครั้งเถอะ
ไม่รู้ว่าเพราะมองออกถึงความคิดที่ละอายใจของเสี่ยวหยิ่งหรือเปล่า จูนจิ่วมองเขาแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “เจ้าสามารถไปช่วยสืบหาข่าวคราว เรื่องการตายของผู้อาวุโสใหญ่กับหยุนหนี ต้องสะเทือนไปทั้งสามสำนักศึกษาแน่ หลังจากข้ารักษามู่จิ่งหยวนแล้ว ต้องได้รู้ข่าวทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง”
“ได้ วางใจเถอะมอบให้ข้าจัดการเอง”เสี่ยวหยิ่งพูดจบก็กระโดดลงไปจากไหล่ของชิงหยู่ เงาร่างของจิ้งจอกจักรกลวิ่งหายลับไปทันที
ชิงหยู่มองจูนจิ่ว อยากจะพูดแต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร จูนจิ่วไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา น้ำเสียงเย็นๆส่งมา “ข้าจะอบรมสั่งสอนเสี่ยวหยิ่งดีๆ ตอนนี้ ศิษย์พี่ช่วยข้าเอาอุปกรณ์พวกนี้ไปลนไฟฆ่าเชื้อก่อน ”
จูนจิ่วดีดนิ้วหนึ่งครั้ง แล้วก็หยิบเอาอุปกรณ์ออกมากลางอากาศหนึ่งชุด ทั้งเล็กและบาง แต่แหลมคม นี่ล้วนเป็นอุปกรณ์ผ่าตัด ชิงหยู่ไม่รู้จักแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอยากรู้ในตอนนี้ เขาหมุนตัวเอาอุปกรณ์ไปฆ่าเชื้อ
ตอนที่ฆ่าเชื้อ ชิงหยู่ก็ได้สติ เขานิ่งอึ้ง อบรมสั่งสอน จะอบรมสั่งสอนอย่างไร
……
เสี่ยวหยิ่งพุ่งตัวออกไปราวกับพายุหมุน ตอนที่เขาแล่นผ่านตัวโม่อู๋เยว่ อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง ปรากฏว่าสบเข้ากับดวงตาขอโม่อู๋เยว่พอดี เสี่ยวหยิ่งชะงักไปทั้งร่างขาสะดุดจนล้มกลิ้งไปกับพื้น
เพราะชั่วขณะนั้น เขาคิดถึงคำพูดนั้น “เขาใหญ่กว่าเจ้า ”ยังมีไหล่กว้างเอวบางขายาว เส้นผมดวงตาก็ดีกว่าเขา เสี่ยวหยิ่งหมอบกับพื้นอย่างเหม่อลอย ดวงตามองกวาดไปที่โม่อู๋เยว่อย่างประเมิน
เหมือนว่า คนที่จูนจิ่วพูดถึงจะเป็นคนคนนี้ เขาชื่ออะไรนะ โม่อู๋เยว่
“เอาแต่จ้องข้า ไม่กลัวจะเป็นการทำลายศักดิ์ศรีตัวเองหรือ ”โม่อู๋เยว่ยิ้มอย่างชั่วร้าย น้ำเสียงหยอกเย้า เสี่ยวหยิ่งได้ยินก็ปะทุ ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นรูปคน ปีศาจจิ้งจอกชุดแดงแสนงดงามดูดวิญญาณ ทั้งสายตาและรอยยิ้มล้วนเป็นยาเสน่ห์ แม้แค่ขมวดคิ้วยังน่าดู ทำให้คนหวั่นไหวยากจะควบคุมได้ แต่เสี่ยวหยิ่งได้ค้นพบความจริงอันน่าเจ็บปวดข้อหนึ่ง เขาสู้โม่อู่เยว่ไม่ได้จริงๆ
ชายคนนี้เหมือนจะเปล่งแสงได้ รูปร่างก็ดูดีเหลือเกิน ไม่ว่าจะเลือกตรงส่วนไหนออกมาเปรียบเทียบก็สามารถทำให้หัวใจของเขาแตกสลายได้ ตัวสั่นเทา เสี่ยวหยิ่งกลับคืนสู่ร่างจิ้งจอกจักรกล
เขากัดฟัน หันหน้าแล้ววิ่งไป ไม่ลืมที่จะทิ้งคำพูดเพื่อกลบเกลื่อนการกระทำของตัวเอง“ข้าจะไปสืบข่าวให้เสี่ยวจิ่ว”
ปัง
พลังที่ไร้ตัวตนกระแทกไปที่หลังของเสี่ยวหยิ่ง กระแทกจนหน้าขอมันมุดลงไปในพื้น โม่อู่เยว่ยิ้มเย็น “เสี่ยวจิ่ว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มีแค่ข้าที่เรียกได้ เจ้าเรียกชื่อเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็พอ เข้าใจหรือไม่ ”
“เจ้า ……”พลังขมขู่เข้มข้นขึ้น เสี่ยวหยิ่งรีบแก้คำพูด “ข้าจะไปสืบข่าวให้จูนจิ่ว ”
โม่อู๋เยว่ยิ้ม “ยังมีอีกเรื่อง มีข้าอยู่ ทางที่ดีเจ้าอย่าหาเรื่องให้ตัวเองถูกเหยียดดีกว่า ”
นี่ชี้ชัดว่าเขากำลังหมายถึงเรื่องที่เสี่ยวหยิ่งถอดเสื้อผ้าเพื่อยั่วยวนจูนจิ่ว เสี่ยวหยิ่งหน้าชา สวมเสื้อผ้าถูกกดขี่เรื่องความงาม ถอดเสื้อผ้าถูกกดขี่เรื่องเรือนร่าง เจ้าปีศาจนี้ต้องไม่ใช่คนในชั้นต่ำสามชั้นแน่