บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 405 ตบหน้าฉาดใหญ่
หากไม่ใช่ซิงโล่เฉินมาทำให้เสียเรื่อง ตอนนี้นางคงคุยกับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูชัดเจนแล้ว นางคงได้รับความบริสุทธิ์กลับมาอย่างราบรื่น น่าเสียดาย แต่นางก็ไม่ได้ฝากความหวังทั้งหมดไว้ในเรื่องนี้ซะทีเดียว จึงไม่รู้สึกผิดหวัง
ฝู้หลินจ้านเงยหน้ามองไปทางนาง ถามขึ้นอย่างตื่นเต้นร้อนใจ “มู่จิ่งหยวนได้รับบาดเจ็บอะไร ทำไมข้างนอกถึงพูดกันว่าเจ้าเป็นคนฆ่ามู่จิ่งหยวน แล้วยังมีพวกผู้อาวุโสใหญ่อีก หลังจากพวกเจ้าออกจากน้ำพุหลิงซูแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ”
ฝู้หลินซวงก็หันไปมองจูนจิ่ว สายตาเย็นชาเคร่งขรึมก็แววตั้งคำถามกับนาง
จูนจิ่ว “พูดแล้วเรื่องมันยาว แต่ก่อนที่ข้าจะพูด ข้าอยากถามพวกเจ้าคำหนึ่ง พวกเจ้าเชื่อข้าหรือไม่ ที่ข้าพูดทุกคำ พวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ”
ข้างนอกมีข่าวลือสะพัด แล้วยังมีคำสั่งไล่ล่าจากเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูด้วย ราวกับเรื่องนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาทั้งสามต่างก็เข้าร่วมการไล่ล่านางในครั้งนี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกฝู้หลินจ้ายยังจะเชื่อนางหรือ
จูนจิ่วเพิ่งจะพูดจบ ฝู้หลินจ้านก็พยักหน้าอย่างไรข้อกังขา “ข้าเชื่อเจ้า เจ้าออกจะสวยขนาดนี้ ทำไมจะไม่เชื่อ”
“แค่กๆๆ ”ชิงหยู่สำลัก
แม้จะมองไม่เห็นโม่อู๋เยว่ที่ตามมาด้านหลัง แต่เท่าที่ผ่านมา โม่อู๋เยว่น่าจะได้ฟังอยู่ในที่ลับ ชายหนุ่ม หยอกเย้าจูนจิ่วต่อหน้าโม่อู๋เยว่ มีความกล้าไม่เบา ชิงหยู่กับเหลิ่งยวนแม้จะไม่ได้พบหน้ากัน แต่ทั้งสองมีความคิดที่เหมือนกัน
“ข้าเชื่อเจ้า ”ฝู้หลินซวงนั้นดูสงบและปกติกว่าฝู้หลินจ้าน
เขามองจูนจิ่วอย่างเรียบเฉย พูดต่อไปว่า “ว่าด้วยเรื่องพลังแล้วละก็ เจ้าคงฆ่าผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชูไม่ได้ ว่าด้วยเรื่องแรงจูงใจ แม้ข้าจะไม่แน่ใจว่าเจ้ามีเรื่องบาดหมางกับพวกเขาหรือไม่ แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องลงมือในเวลานั้น”
“อีกอย่าง แม้ว่าเจ้าจะฆ่าผู้อาวุโสใหญ่กับหยุนหนี แต่คงไม่ฆ่ามู่จิ่งหยวนแน่”ฝู้หลินจ้านรับช่วงพูดต่อ
ด้วยสติปัญญา พวกเขาสงสัยในข่าวลือ ด้วยความรู้สึก พวกเขาเชื่อจูนจิ่ว
ได้ยินคำพูดของพวกเขา มองปฏิกิริยาตอบสนองด้านอารมณ์ของพวกเขา จูนจิ่วก็ยิ้ม “ขอบคุณพวกเจ้าที่เชื่อข้า แต่เรื่องจริงก็ซับซ้อนอยู่มาก พวกเจ้ารู้แล้ว ก็จะตกอยู่ในวังวนแห่งอันตรายเช่นข้า พวกเจ้าแน่ใจหรือว่ายังอยากจะฟัง”
“ฟัง”
“เจ้าพูดเถอะ”
“ได้”ได้เตือนแล้ว จูนจิ่วก็ไม่อุบเอาไว้อีก นางเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่ได้ทรยศต่อสำนักศึกษาไท่ชู แต่ผู้อาวุโสใหญ่จะฆ่าพวกเรา พวกเราก็แค่โต้กลับ ฆ่าพวกเขาก่อน หยุนหนีนั้นข้าเป็นคนลงมือ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่านางจะโชคดีรอดไปได้”ฝู้หลินจ้านรีบถามต่อว่า “แล้วผู้อาวุโสใหญ่เล่า”
ผู้อาวุโสใหญ่เป็นนักจิตใหญ่ระดับห้า ไม่น่าจะใช่จูนจิ่วเป็นคนฆ่า นี่มันก็แหกกฎธรรมชาติเกินไป และก็คงเป็นไปไม่ได้ที่นักจิตชั้นห้าจะฆ่านักจิตใหญ่ชั้นห้า
ยิ้มมุมปาก จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมองไปยังนอกรอยแยกของหุบเขา นางเหมือนจะมองผ่านบางสิ่งจนเห็นใครบางคน น้ำเสียงแฝงเสียงหัวเราะ “บางทีถ้าครั้งหน้ามีโอกาส พวกเจ้าคงจะได้พบกับคนที่ฆ่าผู้อาวุโสใหญ่”
จากคำพูดของจูนจิ่ว พวกเขาฟังออกว่าจูนจิ่วไม่ได้อยากแนะนำ แต่เห็นได้ชัดว่า ความสัมพันธ์กับคนที่ฆ่าผู้อาวุโสใหญ่นั้นคุ้นเคยกันดี และไม่ใช่ความสัมพันธ์ธรรมดา
ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงไม่ได้ถามอีก รักษาระยะที่ดี ไม่ก้าวล่วง จึงจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะรักษามิตรภาพเอาไว้ได้นาน
“ตอนนี้พวกเจ้าก็รู้แล้ว ข้าขอถามบ้าง ศิษย์น้องเกิดเรื่องอะไรกับเจ้าในเมืองไท่ชู ทำไมจึงไปเจอกับพวกฝู้หลินจ้านได้ อีกอย่าง เจ้าได้เจอกับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูหรือไม่”ชิงหยู่ถามขึ้น
จูนจิ่วเล่าความเป็นมาทั้งหมดให้ชิงหยู่ฟัง ชิงหยู่ผ่อนลมหายใจ ขอแค่จูนจิ่วไม่เป็นอะไร เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญ
ฝู้หลินจ้านได้ยินก็ถามจูนจิ่ว แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรต่อไป
เมืองไท่ชูนั้นคงกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ซิงโล่เฉินยังคงตามหาจูนจิ่วไปทั่วเมือง อีกทั้งมีหน่วยกล้าตายของเทียงฉิวคอยจับตาและปิดล้อมเมืองเอาไว้ จูนจิ่วกลับไปก็คงไม่ได้เจอเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู อีกอย่างมู่จิ่งหยวนก็ยังไม่ฟื้น
ฝู้หลินซวง “ไม่สู้ จูนจิ่วพวกเจ้ากลับไปที่สำนักศึกษาจื่อเซียวกับพวกเรา”
“ไปสำนักศึกษาจื่อเซียวหรือ”
“ใช่ จูนจิ่วพวกเจ้าสามารถไปสำนักศึกษาของพวกเรานี่นา เพียงแค่เล่าเรื่องทั้งหมดให้อาจารย์ฟัง อาจารย์ต้องเชื่อเจ้าแน่ และยังจะช่วยเจ้าด้วย อย่างนี้พวกเจ้าก็จะมีหลักประกันความปลอดภัยด้วย”แววตาของฝู้หลินจ้านแวววาว หวังให้จูนจิ่วพยักหน้ารับ
จูนจิ่วทบทวนความจำเกี่ยวกับเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวในหัว อ่อนโยนมีเมตตา จากที่ได้สัมผัสตอนที่ส่งพวกนางไปยังน้ำพุหลิงซู ดูแล้วเป็นผู้อาวุโสที่มีความเที่ยงธรรม อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู
เหมือนจะเป็นตัวเรื่องที่ไม่เลวเลย
แต่จูนจิ่วไม่ได้ตอบตกลงในทันที เขามองทั้งสองคนอย่างเรียบๆ “ข้าจะทบทวนดูก่อน ”
หลบพวกเขาออกไป ชิงหยู่กำลังจะเปิดปากพูดแต่ถูกเสี่ยวหยิ่งแย่งพูดก่อน เสี่ยวหยิ่งพูดว่า “จูนจิ่ว อย่าเชื่อใครง่ายๆ สำนักศึกษาทั้งสามก่อตั้งมามากกว่าร้อยปี ต่างก็ติดต่อกันตลอด แม้ว่าเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวจะดูน่าเชื่อถือ แต่ในสำนักศึกษาจื่อเซียวก็คงจะมีสายลับของเทียนซูอยู่ด้วย ถ้าเจ้าไปก็จะถูกเปิดโปง”
“เรื่องนี้พวกเรารู้ดี”ชิงหยู่ขมวดคิ้ว
เสี่ยวหยิ่งยังพูดอีกว่า “ข้ามีความคิดหนึ่ง ขอเพียงจูนจิ่วเจ้าต้องการ ข้าสามารถตามติดตัวเจ้ายืมพลังของนักจิตใหญ่ให้เจ้า ถึงตอนนั้นเจ้าก็กลับไปที่เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูได้โดยตรง รับประกันว่าไม่มีใครกล้าขวางทางแน่ ถ้าใครกล้าก็สั่งสอนมัน ”
ไม่เหมือนกับชิงหยู่ที่พอได้ยินคำพูดนี้ ก็มีท่าทีตกใจจนอึ้งไป จูนจิ่วนั้นเรียบสงบไร้คลื่น นางถามเพียงคำเดียว “สามารถใช้ได้นานแค่ไหน”
“หนึ่งชั่วยาม มากกว่านั้นร่างกายเจ้าไม่สามารถย่อยได้ พลังปราณของเจ้าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส”
“ไม่พอ ”จูนจิ่วน้ำเสียงเย็น หนึ่งชั่วยามไม่พอ ทำได้เพียงแก้ไขปัญหาในสำนักศึกษาไท่ชูเท่านั้น ไม่พอจะต่อกรกับสำนักศึกษาเทียนซู และจูนจิ่วก็ไม่ได้รู้สึกว่า อาศัยแค่พลังทิพย์อย่างเดียวจะสามารถทำลายสำนักศึกษาเทียนซูได้ในคราเดียว
อย่างลืมวิชาลับหนีตาย หงยิงสามารถหนีไปได้ครั้งหนึ่ง เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกับซิงโล่เฉินก็สามารถหนีได้เหมือนกัน แต่ถ้าไม่สำเร็จในครั้งเดียว ก็จะต้องเผชิญกับความโหดเหี้ยมอำมหิตทวีคูณของเทียงฉิวที่โต้กลับมา นางจะบุ่มบ่ามไม่ได้ ทุกก้าวต้องทำอย่างรอบคอบระมัดระวัง
จูนจิ่วมองไปทางเสี่ยวหยิ่ง พูดว่า “ในเมื่อเจ้าอยากช่วย เช่นนั้นก็ไปที่เมืองไท่ชู หาคนที่ชื่อซิงโล่เฉิน จากนั้นก็ตามติดเขา แอบฟังแผนการของเขา ข้าต้องรู้ทุกอย่างโดยไม่ตกหล่นสักคำ ”
“ได้ ”เสี่ยวหยิ่งพยักหน้า จิ้งจอกจักรกลพุ่งตัวหายไปอย่างรวดเร็วจากรอยแยกของหุบเขา
ชิงหยู่เห็นแล้ว ก็พูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ศิษย์น้อง เสี่ยวหยิ่งเหมือนจะกระตือรือร้นขึ้นอย่างกะทันหันนะ”
จูนจิ่ว “บางครั้งต้องมีความรู้สึกถึงอันตราย จึงจะกระตุ้นขึ้นมาได้ รอเสี่ยวหยิ่งเอาข่าวกลับมา ข้าค่อยทบทวนดูว่าจะไปสำนักศึกษาจื่อเซียวหรือไม่ ”
“อืม ฟังเจ้าแล้วกัน ”ชิงหยู่พยักหน้า
……
อาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ซิงโล่เฉินยืนอยู่ที่ประตูเมือง สีหน้าดำคล้ำดุจก้นหม้อ รอบตัวเขามีกลิ่นอายอันตรายน่ากลัวรายล้อมอยู่ ทำให้ไม่กล้าเข้าใกล้แม้แต่ครึ่งก้าว หน่วยกล้าตายที่เข้ามารายงานข่าว ก็ถูกแรงกดดันกดทับจนหมอบไปกับพื้นตัวสั่นเทา
ซิงโล่เฉินกัดฟันเอ่ยขึ้นว่า “หาจูนจิ่วไม่พบ เป็นไปไม่ได้ ในเมืองไท่ชูมีแต่หน่วยกล้าตายของเทียงฉิว นางมีปีกก็บินหนีไม่ได้ ทำไม่จึงหาไม่พบ”
หน่วยกล้าตายของเทียงฉิวไม่ตอบ ซิงโล่เฉินได้แต่ด่าไปคำหนึ่งว่าสวะ
หน้าอกกระเพื่อมขึ้น ซิงโล่เฉินกำหมัดแน่นเสียงดังกรอด เขาไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนอย่างเขาจะแพ้ให้กับจูนจิ่วที่เป็นแค่นักจิตชั้นห้า ตบหน้าฉาดใหญ่ หาตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ ไม่มีเบาะแสแม้แต่น้อย ซ่อนกลิ่นที่เขาทิ้งไว้ก็ไม่เหลือร่องรอยเลย
จูนจิ่วหนีไปได้อย่างไรกัน