บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 408 พลิกกลับ เป็นไปไม่ได้
เมื่อเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูรู้ข่าว ไม่พูดอะไรก็พาลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งมุ่งตรงไปสำนักศึกษาจื่อเซียวทันที สำหรับเรื่องที่ว่าทำไมไม่ส่งจูนจิ่วกลับมาสอบสวนที่สำนักศึกษาไท่ชูนั้น เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูก็ไม่ได้สนใจอีก เขาคิดเพียงจะแก้แค้นให้มู่จิ่งหยวนเท่านั้น
แต่กลุ่มคนของเทียงฉิว ทุกคนสีหน้าไม่น่าดู ในใจต่างก่นด่าคำหยาบ
พวกเขาวางคนซุ่มดูอยู่ในเมืองไท่ชูมากมาย สายลับที่อยู่ในสำนักศึกษาไท่ชูต่างก็ออกโรง เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ในสำนักศึกษา แต่ปรากฏว่า หันมาอีกทีจูนจิ่วกลับถูกสำนักศึกษาจื่อเซียวจิบไปแล้ว ตอนนี้อยากจะระดมสายลับในสำนักศึกษาจื่อเซียว ไม่เพียงจะไม่ทันการณ์ ยังง่ายต่อการถูกเปิดเผย โดยเฉพาะซิงโล่เฉิน ใบหน้าเขียวคล้ำ เขาจับจูนจิ่วไม่ได้ แต่กลับถูกสำนักศึกษาจื่อเซียวชิงตัวไปก่อน เป็นความน่าอับอายอย่างใหญ่หลวงนัก
แผนของพวกเขาถูกพังทลายหมด รีบสลายตัวรุดหน้าไปยังสำนักศึกษาจื่อเซียวอย่างรวดเร็ว ให้หน่วยกล้าตายของเทียงฉิวซ่อนตัวเฝ้าดูอยู่นอกสำนักศึกษาจื่อเซียวก่อน ซิงโล่เฉินเร่งไปพบกับเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู ที่มาด้วยกันยังมีหงยิงอีกคน
หงยิงบาดเจ็บสาหัสยังไม่หายดีทั้งหมด สีหน้ายังคงขาวซีด บวกกับสีหน้าที่ดูโหดเหี้ยมอำมหิต ทำให้ใบหน้าที่งดงามนั้นถูกทำลายจนสิ้น
คนที่เห็นนางตอนนี้ ไม่รู้สึกเลยว่านางจะเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในสำนักศึกษาเทียนซู คงได้แต่ผิดหวังในใจ นี่มันนางพญาอสูรชัดๆ พอซิงโล่เฉินเห็นเข้า ก็ขมวดคิ้ว “หงยิงเจ้ามาทำไม”
“แน่นอนว่าเพื่อมาฆ่าจูนจิ่ว ศิษย์พี่ซิง จูนจิ่วต้องตายเท่านั้น ”หงยิงกัดขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สายตามีแต่แววแห่งความแค้นชิงชังและไอสังหารหมุนวนอยู่
“ข้ารู้”ซิงโล่เฉินตอบอย่างขอไปที แล้วเงยหน้ามองไปทางเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู
มีข่าวคราวส่งมากะทันหัน ทำให้พวกเขารับมือไม่ทัน ใครก็คิดไม่ถึง ว่าจูนจิ่วจะตกอยู่ในมือของเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว
หงยิงพูดว่า “อาจารย์ ศิษย์พี่ซิงพวกเราไม่ต้องรีบร้อน ขอเพียงหยุนหนีกัดหลักฐานไม่ปล่อย จูนจิ่วจะพลิกกลับได้อย่างไร ไม่มีใครเชื่อคำพูดนาง เทียงฉิวก็คือนรก มัจจุราชจะเอาชีวิตยามสาม ไหนเลยจะไว้ชีวิตไว้จนถึงยามห้า ”
ซิงโล่เฉินเหลือบมองหงยิง ใบหน้ามีแววดูถูกรังเกียจ โง่เขลา
หากจูนจิ่วไม่มีหลักฐานมาลบล้างความผิดของตัวเอง แล้วเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวจะให้เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูมาสอบสวนด้วยตนเองได้อย่างไร ซิงโล่เฉินคิดถึงเรื่องที่จูนจิ่วไปเมืองไท่ชู เพราะอยากจะเจอกับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู ก็ยิ่งแน่ใจว่า จูนจิ่วต้องมีอะไรแน่ๆ
หยุนหนีก็ถูกพอมาด้วย ถึงตอนนั้นคงได้ปะทะกับจูนจิ่ว แต่หยุนหนีเป็นคนของพวกเขา แล้วยังกินพิษกู่ของนักกลั่นยาพิษเฟยชิงเข้าไปด้วย ไม่มีทางทรยศแน่
แต่เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน พวกเขาต้องทำอะไรสักอย่าง ซิงโล่เฉินพูดว่า “ผู้เฒ่า คนที่ส่งไปสองสำนักสิบแคว้นกลับมาหรือยัง”
“ยัง”
สำหรับเรื่องที่ซิงโล่เฉินเรียกเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูว่าผู้เฒ่า แต่ไม่ใช่อาจารย์นั้น หงยิงไม่ได้รู้สึกแปลกใจ ศิษย์พี่ของนางมีความเกี่ยวข้องกับตำหนักไท่หวงอย่างไม่ธรรมดา สถานะสูงกว่าเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู นางกับอาจารย์ควรรู้สึกภูมิใจด้วยซ้ำไป จะไปสนใจกับเรื่องเรียกขานทำไมกัน
หงยิงได้ยินสายตาก็มีแววดุร้าย นางพูดว่า “ความหมายของศิษย์พี่คือ จะใช้ลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จงมาข่มขู่หรือ เพื่อให้นางปิดปาก ยอมรับโทษที่ฆ่าผู้อาวุโสใหญ่กับมู่จิ่งหยวนโดยดี”
“ถูกต้อง ถ้านางกล้าแก้ตัว พวกเราจะฆ่าลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จง”
“แต่ว่าเรายังจับตัวลูกศิษย์ของสำนักเทียนอู่จงไม่ได้ แม้จะจับได้ ตอนนี้ก็ส่งไปข่มขู่จูนจิ่วไม่ทันอยู่ดี ”หงยิงขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ลูกศิษย์ที่ส่งไปทำงานช่างไร้ประโยชน์จริงๆ รอให้พวกเขากลับมาแล้วนางจะมอบรางวัลเป็นแส้หนึ่งร้อยทีสั่งสอนให้หลาบจำ
ซิงโล่เฉินยิ้ม “ใครว่าเราจับไม่ได้ ขอให้จูนจิ่วเห็นว่าพวกเราจับคนได้ก็พอแล้ว ส่วนจะจริงจะปลอม อยู่ที่คำพูดของพวกเรา”
“ศิษย์พี่วางแผนดีมาก”
“ความคิดเยี่ยม”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูพยักหน้าเห็นด้วย เขาเสริมขึ้นว่า “ยังมีวิชาฝึกตนชั้นที่สี่ ก่อนสอบสวนจูนจิ่วให้บอกนางก่อน หากกล้าหือก็เผาวิชาฝึกตนซะ ทำให้สำนักเทียนอู่จงต้องสูญเสียวิชาลับของสำนักตลอดกาล”
หงยิง “แล้วหลังจากยอมรับโทษเล่า เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูต้องจับตัวจูนจิ่วกลับไปแน่ ”
“แมวดาวสับเปลี่ยนองค์ชาย สลับตัวจูนจิ่วในสำนักศึกษาจื่อเซียว ”ซิงโล่เฉินพูด พวกเขาสามคนสบตากัน ต่างก็เผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย
นี่มันเป็นแผนที่สมบูรณ์แบบมาก
ก้าวทีละก้าว เหยียบจูนจิ่วให้จมดินไม่มีทางพลิกตัวหนีไปได้ สำนักศึกษาจื่อเซียวจับตัวนางได้แล้วอย่างไร ฝ่ายที่มีสิทธิ์ลงมือก็คือพวกเขา คิดถึงตรงนี้ พวกเขาก็รู้สึกอดใจรอไม่ได้ที่จะไปสำนักศึกษาจื่อเซียวเดี๋ยวนั้นเลย
……
วันแล้ววันเล่า เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูไปถึงสำนักศึกษาจื่อเซียว
จูนจิ่วยังอยู่ในเรือน ยังคงฝังเข็มให้กับมู่จิ่งหยวนอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็เก็บเข็มไว้ให้เรียบร้อย หลังจากทำทั้งหมดเสร็จแล้ว จูนจิ่วก็ยกมือขึ้นลูบตะกร้าที่วางอยู่ในเรือน เสี่ยวอู่ที่ขดตัวเป็นก้อนหลมนอนหลับอยู่ หนึ่งเดือนแล้ว มันยังไม่ตื่น ตอนอยู่ที่น้ำพุหลิงซูตื่นมาครั้งหนึ่ง เคลิบเคลิ้มราวกับความฝันที่ทำให้ดีใจเก้อ
“ศิษย์น้อง ”ชิงหยู่น้ำเสียงเป็นกังวล ฟังแล้วเหมือนเจ็บจะขาดใจ
เงยหน้ามองไป ที่นิ่งเรียงเป็นแถวเดียวกับชิงหยู่ยังมีพี่น้องฝู้หลินจ้านกับจี้อีหมิง ที่น่าขันคือ ทั้งสามคนต่างก็มีสีหน้าเหมือนกันกังวลจะตายแล้ว มีเพียงคนเดียวที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ ฝู้หลินซวงเกิดมาก็มีใบหน้าไร้อารมณ์ ฉะนั้นจึงทำหน้าแบบนั้นไม่ได้
เห็นพวกเขาเป็นเช่นนี้ จูนจิ่วก็มีความคิดชั่วร้ายขึ้น นางยิ้มมุมปาก แกล้งถามว่า “ทำไมกัน”
“จูนจิ่วเจ้ายังถามว่าทำไม มากสุดก็สามวัน เจ้าก็จะถูกสอบสวนต่อหน้าทุกคนแล้ว เจ้าคิดอย่างไรกันแน่ ทำไมจึงให้อาจารย์ข้าปล่อยข่าวว่าจับตัวเจ้าได้ ตอนนี้เจ้าสำนักศึกษาไท่ชู กับเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูต่างก็มาแล้ว นี่เจ้ากำลังส่งตัวเองไป……”หาที่ตายไม่ได้พูดออกไป ฝู้หลินจ้านถอนหายใจหนักๆ
จี้อีหมิงผู้น่าสงสาร “ข้าไปถามท่านปู่ แต่ท่านปู่บอกว่านี่คือการช่วยเจ้า ช่วยที่ไหนกัน นี่มันทำร้ายเจ้าชัดๆ”
ความโค้งของมุมปากยิ่งโค้งขึ้น จูนจิ่วหันไปเลิกคิ้วให้กับชิงหยู่ถามว่าเขามีอะไรจะพูดหรือไม่ ชิงหยู่ได้แต่ถอนหายใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าที่ว่าศิษย์น้องกำลังก่อเรื่อง ตัวเองมีสิทธิ์แค่เล่นตามบทไปเท่านั้น
“ฝู้หลินซวงเจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่ ”สีหน้าของทั้งสามคน ทำเอาจูนจิ่วเกือบจะกุมท้องหัวเราะ สุดท้ายนางมองไปทางฝู้หลินซวง
ฝู้หลินซวงขยับริมฝีปาก พูดว่า “ข้าไม่รู้แผนการของเจ้า แต่ข้าได้หาทางหนีทีไล่ที่เป็นประโยชน์กับเจ้าเอาไว้แล้ว”
“ฟู่”จูนจิ่วกลั้นไม่ไหว นางหัวเราะฮ่าๆ เห็นท่าทีของพวกเขายิ่งเป็นทุกข์ขึ้นไปอีก จึงได้กำหมัดขึ้นเอาไว้ข้างมุมปากไอแห้งๆสองเสียงเพื่ออดกลั้นเอาไว้
ไม่ใช่นางไม่อยากจะบอกพวกชิงหยู่ แต่ว่าการรักษาความลับจึงจะทำให้ประหลาดใจได้ แต่มองท่าทีเป็นกังวลของทั้งสี่คน เหมือนจะสลายตัวเป็นวิญญาณตามหลังนางไม่หยุด จูนจิ่วก็พูดขึ้นว่า “ขอบคุณความห่วงใยของพวกเจ้า แต่วางใจได้ พวกเจ้าเพียงต้องรักษารอยยิ้มเอาไว้ รอดูเทียงฉิวถูกตบหน้าซ้ำๆ”
“ก่อนจะตบหน้าเทียงฉิว เจ้ารักษาชีวิตตัวเองให้ได้ก่อน ”ฝู้หลินจ้านพูดอย่างจริงจัง
“ข้ารู้”จูนจิ่วยิ้มมุมปาก
มือเท้าคาง จูนจิ่วเกิดคิดถึงโม่อู๋เยว่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาเข้าใจนางที่สุด ไม่ถามและไม่พูด เพียงแต่ช่วยนางทำผิดอย่างเหิมเกริม ยังคอยยื่นมือช่วยนางอยู่เสมอ นี่จึงจะเป็นเพื่อนที่ดี
โม่อู๋เยว่ ไม่ได้อยากจะเป็นเพื่อนที่ดี
ตอนนี้ ก็มีลูกศิษย์เข้ามาส่งข่าว “เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูมาถึงแล้ว”
“อะไร”ชิงหยู่ลุกขึ้นอย่างเป็นห่วง เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูมาถึงก่อนเวลา นี่ก็แสดงว่าการสอบสวนจูนจิ่วจะเริ่มขึ้นก่อนเวลา ใจของพวกเขาเต้นราวกลองรัว กลับเห็นจูนจิ่วยิ้มและมองไปทางมู่จิ่งหยวน
นางพูดว่า “น่าจะตื่นแล้ว”