บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 410 เผชิญหน้า ฟ้าลงโทษคนชั่ว
“ผู้อาวุโสใหญ่ มู่จิ่งหยวนถูกเจ้าฆ่าตาย เจ้าเป็นศิษย์ทรยศของสำนักศึกษาไท่ชู เรื่องนี้เป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ”ซิงโล่เฉินยิ้มอย่างโหดเหี้ยมอันตราย จ้องมองจูนจิ่วเขม็ง ด้วยระยะประชิดเช่นนี้ จูนจิ่วสามารถมองเห็นดวงตาของเขาที่ไม่ใช่สีดำสนิททั้งหมด ยังมีสีเขียวปะปนอยู่บ้าง
จูนจิ่ว “หึ”
สามารถฟังออกว่าในเสียงหัวเราะนั้นมีความเยาะเย้ยปนเปอยู่ ซิงโล่เฉินหน้าดำคล้ำ เขายืดตัวตรง มองนางอย่างยโสและชั่วร้าย “เจ้าหนีความตายไม่พ้น แต่เจ้าจะตายคนเดียว หรือจะหาคนอีกจำนวนหนึ่งตายไปด้วย ก็เลือกเอาเองเถอะ”
ในสายตาของซิงโล่เฉิน ความสงบบนใบหน้าของจูนจิ่วนั้นล้วนเป็นการเสแสร้ง
ในใจนางต้องรู้สึกตื่นตกใจ และกลัวเป็นอย่างยิ่ง แม้กระทั่งตัวสั่นจนน้ำตาไหล แต่เพื่อรักษาหน้ากับศักดิ์ศรี จึงต้องแสร้งทำเป็นแข็งแกร่ง รอดูไปเถอะ ไปถึงตำหนักใหญ่แล้วดูสิว่าจูนจิ่วจะยังเสแสร้งได้อีกหรือไม่ ถึงตอนนั้นแม้ว่านางจะคุกเข่าขอร้องเขา เขาก็จะไม่ปล่อยนางไปเด็ดขาด
ยิ้มเย็น ซิงโล่เฉินหมุนตัวก้าวจากไป ชายเสื้อคลุมสะบัดเป็นคลื่น ท่าทีดุดันและหยิ่งยโส
ด้วยท่าทีที่จูนจิ่วเผชิญหน้ากับซิงโล่เฉินอย่างไม่หวาดกลัว ทำให้ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาจื่อเซียวประเมินนางสูงขึ้นมาก ด้วยเหตุนี้น้ำเสียงที่ใช้พูดคุยด้วยจึงเป็นมิตรขึ้นไม่น้อย “ไปเถอะ พวกเจ้าสำนักกำลังรอเจ้าอยู่ ”
จูนจิ่วพยักหน้า “ไปกันเถอะ”
ในตำหนัก พอจูนจิ่วเข้ามาทุกคนต่างมองมาที่นางเป็นตาเดียว ทุกคนต่างซุบซิบกัน บ้างก็อยากรู้ว่าจูนจิ่วฆ่าผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชูจริงหรือไม่ บ้างก็ก่นด่าว่าจูนจิ่วเป็นศิษย์ทรยศ บ้างก็สาปแช่งจูนจิ่วให้ได้รับโทษตาย เป็นต้น เต็มไปด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟัง ฟังไม่เข้าหูเอาซะเลย
สีหน้าของจูนจิ่วไม่ได้เปลี่ยนไปสักนิดเดียว นางเงยหน้าขึ้นมองไปบนตำหนัก เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูจ้องมองมาที่นาง สายตาแค้นเคือง ประหลาดใจ เสียฝจและก็มีความรู้สึกสงสัยอยู่ด้วย หยุนหนียืนอยู่ข้างหลังของเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู สายตาที่แหลมคมดุจมีดดุดันและแฝงไว้ด้วยแววตื่นเต้น
จากนั้นก็มองไปทางเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู ซิงโล่เฉินมาถึงที่นี่ก่อนนาง เจ้าสำนักศึกษาเทียนซู หงยิงแล้วก็ซิงโล่เฉิน ไม่มีใครไม่จ้องมองมาที่นาง ไอสังหารกำลังขู่คำราม
จูนจิ่ว ฝู้หลินจ้านเป็นห่วงมาก เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ การสอบสวนต่อหน้าทุกคนไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
กระทั่งเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวยกมือขึ้น ตำหนักใหญ่จึงเงียบลง มีดวงตาไม่น้อยที่จ้องจูนจิ่วด้วยเจตนาไม่ดี พวกเขากำลังรอให้เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวเอ่ยปาก แต่พอเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวพูดขึ้น ก็ทำเอาทุกคนในตำหนักใหญ่ต่างก็นิ่งอึ้งไป
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว “เอาเก้าอี้ให้จูนจิ่ว”
ทุกคน :??
จี้อีหมิงเกินไปอย่างกระตือรือร้น เขาเอาเก้าอี้ที่นั่งสบายที่สุดของตัวเองให้กับจูนจิ่ว ยังหันไปยักคิ้วหลิ่วตากับจูนจิ่ว “พี่สาว เก้าอี้นี้นั่งสบายมาก”
เสียงของจี้อีหมิงไม่เบานัก ได้ยินคำพูดของเขา เครื่องหมายคำถามบนหัวของพวกเขาก็ผุดขึ้นมากมายจนแทบจะทับพวกเขาตาย หงยิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“ในเมื่อเป็นการสอบสวน ก่อนจะมีข้อสรุป จูนจิ่วยังถือว่าไร้ความผิด ในเมื่อไม่ผิด ทำไมต้องใช้ไม้แข็งให้นางยืนด้วยเล่า”เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวลูบเครา พูดยิ้มๆ
หงยิงได้ยินตาแทบจะถลนออกมา นี่มันเหตุผลบ้าบออะไรกัน คนที่สามารถนั่งในตำหนักใหญ่ได้ไม่ใช่เจ้าสำนัก ก็เป็นผู้อาวุโสใหญ่ จี้อีหมิงมีที่นั่งเพราะมีสถานะพิเศษ ไม่เห็นหรือว่านางยังไม่มีเก้าอี้นั่งเลย ทำไมจูนจิ่วจึงมีสิทธิ์ได้นั่ง
นี่ยังเป็นนักโทษอยู่หรือ หงยิงแววตาชั่วร้าย เห็นได้ชัดว่าเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวกำลังปกป้องจูนจิ่ว นางกำลังจะเปิดปากพูด ซิงโล่เฉินกลับส่งสายตาเพื่อให้นางหยุด
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวไม่มองหงยิงด้วยซ้ำ รอจูนจิ่วนั่งลงแล้ว เขาจึงพูดต่อไปว่า “การสอบสวนอย่างเปิดเผยในครั้งนี้ ก็เพื่อหาข้อเท็จจริงในเรื่องที่ผู้อาวุโสใหญ่ และลูกศิษย์มู่จิ่งหยวนแห่งสำนักศึกษาไท่ชูถูกฆ่า หลังจากจื่อเซียวของข้าจับตัวจูนจิ่วได้ ก็พบว่าเรื่องนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงได้จัดการตัดสินอย่างเป็นธรรมขึ้น”
“หึหึ เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวท่านจะยุ่งไม่เข้าเรื่องทำไม จูนจิ่วเป็นลูกศิษย์ของสำนักศึกษาไท่ชู การสอบสวนลงโทษน่าจะมอบให้สำนักศึกษาไท่ชูเป็นคนจัดการ ”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูยุยงกลายๆ
มองไปทางเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องจูนจิ่วไม่ปล่อย
เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว “จูนจิ่วเจ้ามีอะไรจะอธิบายหรือไม่ ”
จูนจิ่วนั่งด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายหลังพิงพนักเก้าอี้ เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เยือกเย็นคู่นั้นแหลมคมทำให้ไม่อาจจ้องตากับนางโดยตรงได้ นางเอ่ยขึ้นว่า “อธิบาย ข้าไม่รู้ว่าข้าผิดอะไร จะให้อธิบายอะไร”
“จูนจิ่วเจ้าอย่างแสร้งทำเป็นไม่รู้เลย”หยุนหนียืนออกมาอย่างตื่นเต้น เสียงของนางไม่ได้อ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว มีเพียงเสียงแหบแห้งราวกับกลืนกินทรายเข้าไปไม่น่าฟังเอาเสียเลย
หยุนหนีดึงผ้าพันแผลที่คอของนางออก ดวงตาของนางแดงก่ำเต็มไปด้วยความชิงชัง นางชี้ไปที่จูนจิ่ว ตะโกนเสียงดัง “จูนจิ่ว เจ้าคงคิดไม่ถึงสินะ ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ เพราะข้ายังอยู่ จึงได้สามารถชี้ชัดได้ว่าเจ้าคือศิษย์ทรยศที่ทำเรื่องเลวทรามเอาไว้ ”
จูนจิ่วยกปากยิ้มเย็น “ข้าทำอะไร”
“หึ ทุกท่านโปรดฟังให้ดี จูนจิ่วศิษย์ทรยศคนนี้เลวทรามเรื่องที่ทำก็หนักหนาสุดจะบรรยายได้ ตั้งแต่สำนักศึกษาไท่ชูรับนางเข้ามา ก็อบรมสั่งสอนนางกับศิษย์พี่ของนางชิงหยู่เป็นอย่างดี กระทั่งให้พวกเขาไปที่น้ำพุหลิงซู เพื่อทำการถีหูก้วนติ่ง ”
“แต่พวกเขา ตอนที่ข้ากับปู่ข้าหรือก็คือผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชูไปรับตัวพวกเขากลับสำนักศึกษา จูนจิ่วรวมหัวกับพวกหัวขโมย ลงมือกับข้าปู่ของข้าและศิษย์พี่มู่ สุดท้ายก็ฆ่าพวกเขาตายอย่าอำมหิต ส่วนข้า รอยบนคอของข้าก็คือหลักฐาน หากไม่ใช่เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูช่วยข้าเอาไว้ ข้าก็คงตายไปแล้ว ก็คงไม่มีใครสามารถมายืนยันความผิดของนางได้”
แม้น้ำเสียงแหบแห้งของหยุนหนีจะไม่น่าฟัง แต่นางก็พูดได้น่าสงสารทุกคำ สุดท้ายยังกุมหน้าร้องไห้อีก
ทุกคนในตำหนักใหญ่ที่ได้ยิน ต่างก็ก่นด่าจูนจิ่ว โดยเฉพาะลูกศิษย์ของสำนักศึกษาไท่ชู แค้นจนอยากจะพุ่งเข้าไปสับจูนจิ่วให้เป็นหมื่นชิ้น แม้จะไม่สามารถเข้าไปได้ พวกเขาต่างจ้องด้วยสายตาดุร้าย คมยิ่งกว่าคมมีด คำด่าที่อบจากปากยิ่งไม่น่าฟัง
“เงียบ”น้ำเสียงบีบบังคับของเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวสิ้นสุดลง ตำหนักใหญ่เงียบลงอีกครั้ง รวมถึงหยุนหนี เสียงร้องไห้ก็ถูกทำให้ตกใจจนเสียงหาย
“จูนจิ่วเจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่ ”
“มี”จูนจิ่วยิ้มมุมปาก ตอนนี้นางเหมือนเรือลำเล็กที่อยู่ท่ามกลางลมฝนโหมกระหน่ำ แต่นางยังคงไม่ตระหนกตกใจ แม้แต่คิ้วก็ยังไม่ขมวดแม้แต่น้อย เห็นปฏิกิริยาของจูนจิ่ว หยุนหนีก็เกิดความตระหนกขึ้นในใจ
เป็นไปไม่ได้
เป็นไปไม่ได้ที่จูนจิ่วจะผลิกสถานการณ์ได้ เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัย เรื่องที่จูนจิ่วฆ่าผู้อาวุโสใหญ่นั้นเป็นความจริง ซิงโล่เฉินยังสอนนางพูดว่าจูนจิ่วมีพรรคพวก นางไม่เชื่อว่าจูนจิ่วจะมีทางแก้ไขได้
จูนจิ่วเปิดปากพูด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นไร้อารมณ์แต่ชัดเจนผ่านเข้าหูทุกคน นางพูดว่า “การตายของผู้อาวุโสใหญ่ ข้ายอมรับ หยุนหนี ข้าต้องการฆ่าเจ้าจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะดวงแข็ง บาดคอยังรอดมาได้”
“ทุกคนได้ยินหรือยัง จูนจิ่วยอมรับแล้ว ”หยุนหนีดีใจ ความตระหนกในใจสลายไปสิ้น
แต่ไม่มีใครตอบรับคำพูดของนาง พวกเขายังคงมองไปที่จูนจิ่ว นางยิ้มเย็น มองหยุนหนีเหมือนมองตัวตลกอย่างเยาะเย้ย จูนจิ่วพูดต่อไปว่า“แต่มู่จิ่งหยวน ข้าไม่ได้ฆ่า แต่เป็นผู้อาวุโสใหญ่ต้องการฆ่าเขา ”
เรื่องถูกเปิดเผยขึ้นมา
ทุกคนต่างนิ่งอึ้งไม่อยากเชื่อ ผู้อาวุโสใหญ่ต้องการฆ่ามู่จิ่งหยวน บนตำหนักใหญ่ สีหน้าของเจ้าสำนักไท่ชูเปลี่ยนไป
“เจ้าพูดเหลวไหล“หยุนหนีใช้เสียงกลบเกลื่อนความผิดในใจ นางโก่งคอตะโกนเสียงดัง“เป็นเจ้าที่ฆ่าศิษย์พี่มู่ชัดๆ ข้าสาบานได้ ที่ข้าพูดทุกคำเป็นเรื่องจริง หากเป็นเท็จของให้สวรรค์ลงโทษ ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น สะท้านไปทั้งฟ้าดิน