บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 414 นางวิปริตหรือ
เปิดฉากอย่างฮือฮา ปิดฉากอย่างสั่นสะเทือน
ขั้นตอนในการสอบสวนอย่างเปิดเผยใน และผลสรุปในวันนี้ คนที่เห็นกับตาที่นี่ อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถเป็นหัวข้อสนทนาที่น่ายกย่องได้สามปี ชื่อของจูนจิ่ว เมื่อก่อนพวกเขาไม่รู้จัก ตอนนี้ และต่อไปทุกคนจะจดจำนาง
เพราะจูนจิ่วเป็นคนแรกที่ทำให้สำนักศึกษาทั้งสามใช้คำสั่งไล่ล่า และนางยังสามารถตบหน้าสำนักศึกษาเทียนซูฉาดใหญ่ นางจะเป็นตำนานในเรื่องเล่าของเหล่าลูกศิษย์ในสำนักศึกษาทั้งสาม
ชื่อเสียงขจรไปไกลในชั่วพริบตา ชื่อเสียงนี้โด่งดังยิ่งกว่าพวกฝู้หลินจ้านกับมู่จิ่งหยวน เมื่อก่อนเคยผลักจูนจิ่วไปยังหุบเหวที่ทั้งสูงและอันตรายแค่ไหน ตอนนี้จูนจิ่วก็ยืนได้สูวตระหง่านเท่านั้น แต่เหล่านี้ ไม่กระทบต่อนางเลยสักนิดเดียว
แม้มู่จิ่งหยวนจะตื่นแล้ว แต่ร่างกายยังเอื้ออำนวยให้เริ่งเดินทางได้ ยังต้องพักผ่อนอยู่ที่สำนักศึกษาจื่อเซียวอีกหลายวัน
จูนจิ่วออกจากตำหนักใหญ่ ระหว่างทางกลับเรือนก็ถามฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวง “สำนักศึกษาจื่อเซียวพอจะมีห้องกลั่นยาให้ข้ายืมใช้หรือไม่”
“ทำไม เจ้าจะกลั่นยาหรือ”ดวงตาของฝู้หลินจ้านมีความประหลาดใจสว่างขึ้น เขาได้แต่ยินชื่อเสียงความร้ายกาจของหมอเทวดาจูนจิ่ว แต่ยังไม่เคยเห็นจูนจิ่วกลั่นยามาก่อน ตอนนี้ในใจรู้สึกอยากรู้ขึ้นมาชั่วขณะ
จูนจิ่วพยักหน้า นางต้องการกลั่นยาจริงๆ
เวลาไม่มาก ยิ่งเร็วยิ่งดี นางต้องนำหน้าเทียงฉิวก่อน ต้องจัดการวางแผนของนางอย่างรวดเร็ว
ฝู้หลินซวง “มากับข้าเถอะ มีห้องกลั่นยาอยู่ห้องหนึ่งเหมาะสมกับเจ้าพอดี ที่นั่นไม่มีคน เจ้าอยากจะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ ”ฝู้หลินซวงเดินนำทาง นำจูนจิ่วไปยังอาคารหลังหนึ่งที่สร้างอยู่โดดเดี่ยว
ตลอดทางที่เดินมาที่นี่สิ่งแวดล้อมสงบและสวยงาม อีกทั้งยังอุดมสมบูรณ์ พลังปราณวิ่งพล่านเต็มไปหมด
เปิดประตูออก ข้างในมีสิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ในการกลั่นยาครบครันเต็มไปหมด ต้องการอะไรล้วนมีหมด ที่นี่ไม่เลวเลย
จูนจิ่วได้ข้อสรุปแล้ว หางตาเหลือบไปเห็นสีหน้าประหลาดใจจนนิ่งอึ้งของฝู้หลินจ้าน นางเลิกคิ้วถาม “ศิษย์พี่ฝู้เป็นอะไรไป”
“หลิงซวงทำไมเจ้าจึงมีกุญแจห้องกลั่นยาของศิษย์พี่ปี้เยว่”
ปี้เยว่ สายตาของจูนจิ่วมีแสงแห้งความรู้แจ้งวาบผ่าน นางเคยได้ยินมาว่า หญิงงามที่หนึ่งในสำนักศึกษาจื่อเซียวปี้เยว่ แต่ว่าหลังจากมาที่สำนักศึกษาจื่อเซียวแล้วก็ไม่เคยเห็นนางเลย
“ข้ามีกุญแจห้องกลั่นยาอยู่กับตัวตลอด”ฝู้หลินซวงเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา เขามองไปทางจูนจิ่วและพูดว่า “เจ้าไม่ต้องสนใจ ห้องกลั่นยานี้ข้าเป็นคนตัดสินใจเอง”
“ได้ ขอบคุณมาก”จูนจิ่วยิ้มบางๆ
จากนั้นฝู้หลินจ้านก็ถามนางว่าต้องการวัตถุดิบยาอะไรหรือไม่ จูนจิ่วบอกเขาไปว่ามีแล้ว ไม่ต้องหาเพิ่มอีก ฝู้หลินจ้านสงสัยมาตลอดว่าสองมือของจูนจิ่วว่างเปล่า แล้วจะเอาวัตถุดิบมาจากที่ไหน แต่ก็รู้ว่านี่คือความลับของผู้อื่น เขาก็ไม่ได้ถามให้มากความ
จากนั้นก็ขอตัวลาไปก่อน ไกลออกไปมากแล้วจูนจิ่วยังได้ยินเสียงฝู้หลินจ้านยังคงถามเรื่องที่ฝู้หลินซวงทำไมจึงมีกุญแจห้องกลั่นยา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางแล้ว
จูนจิ่วปิดประตูหน้าต่าง เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนก็สะบัดแขนเสื้อเอาวัตถุดิบที่ต้องใช้ทั้งหมดออกมา ก่อเตากลั่นยา จุดไฟ จูนจิ่วจดจ่อเริ่มทำการกลั่นยาทิพย์ใหญ่
ยาทิพย์ใหญ่เดิมทีนางได้ทำการกลั่นไปครึ่งหนึ่งแล้ว ตอนนี้ทำต่ออีกครึ่งที่เหลือ ขั้นตอนได้ถูกเรียบเรียงในสมองเป็นหมื่นครั้งแล้ว ด้วยเหตุนี้แม้จะเป็นการกลั่นยาทิพย์ใหญ่ครั้งแรก แต่ก็เป็นขั้นเป็นตอน ไม่วุ่นวายเลยสักนิด
นางไม่เพียงต้องทำให้สำเร็จ ยังต้องรักษาคุณภาพของยาทิพย์ใหญ่ไว้ด้วย นางต้องการยาทิพย์ใหญ่จำนวนมาก ยิ่งมากยิ่งดี
จูนจิ่วหมกตัวอยู่ในห้องกลั่นยาทั้งหมดห้าวันจึงออกมา ขั้นตอนการกลั่นยาทิพย์ใหญ่นั้นซับซ้อน ไม่สามารถให้ผิดพลาดได้แม้แต่นิดเดียว จูนจิ่วจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ไม่เช่นนั้นนางคงกลั่นสำเร็จภายในสามวันแล้ว
ลานน้อยๆหลังห้องกลั่นยามีน้ำพุร้อน จูนจิ่วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วผลักประตูออกมา พอออกมา ก็เห็นชิงหยู่อุ้มเสี่ยวอู่มองมาทางนางด้วยสีหน้าคับข้องใจ “ศิษย์น้องเจ้าออกมาได้ซะที ระหว่างที่เจ้าอยู่ในห้องกลั่นยาเสี่ยวอู่ตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่ง เกือบจะฉีกอกเสี่ยวหยิ่งแล้ว”
“จูนจิ่วนี่คือแมวจริงหรือ คงเป็นเสือกระมัง”เสี่ยวหยิ่งนั่งอยู่บนไหล่ของชิงหยู่ น้ำเสียงยิ่งคับข้องใจน่าสงสาร
จูนจิ่วอุ้มเสี่ยวอู่ไป ถามพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ที่แท้เสี่ยวอู่ตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่งเมื่อสามวันก่อน หลังจากรู้ว่าจูนจิ่วอยู่ที่ห้องกลั่นยา เสี่ยวอู่ก็เชื่อฟังรู้เรื่องไม่มารบกวนนาง แต่พอได้รับรู้จากปากชิงหยู่ว่าจูนจิ่วได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนกับเสี่ยวหยิ่ง
จากนั้นก็อย่างที่รู้กัน เสี่ยวอู่ที่ขี้หวงก็ไล่ล่าเสี่ยวหยิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย โชคดีที่เสี่ยวหยิ่งแปลงเป็นจิ้งจอกจักรกล วัสดุที่ใช้แข็งแกร่งเหมือนกันกับมังกรสำริด ไม่เช่นนั้นคงถูกเสี่ยวอู่ทิ้งเป็นเศษขยะไปแล้ว
กำหมัดขึ้นไปที่มุมปากและไอแห้งๆ จูนจิ่วยิ้ม “เสี่ยวอู่ตื่นแล้วข้าจะสั่งสอนมันเอง”
“ใช่ ไม่เลว ต้องสั่งสอนมันดีๆซะหน่อย ”เสี่ยวหยุ่งโบกอุ้งเท้าไปมาอย่างแค้นเคือง เขาเป็นถึง ไหนเลยจะเคยถูกแมวตัวหนึ่งรังแกมาก่อน หากไม่ใช่เพราะแมวตัวนี้เป็นแมวสุดรักของจูนจิ่ว เขาคงตีมันจนร้องไห้
จากนั้นจูนจิ่วก็เหลือบมองเขาเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม เปิดปากเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย จูนจิ่ว “ข้าจะสอนมันว่าครั้งหน้าหากลงมืออย่าได้ปรานี ส่วนเสี่ยวหยิ่งเจ้า ก็ลงมือให้พอเหมาะ เป็นคู่ซ้อมให้กับเสี่ยวอู่”
เสี่ยวหยิ่ง ??
ชิงหยู่ ฟู่
บนใบหน้าของจิ้งจอกจักรกล มีแต่ความแวววาว ทำไม่เสี่ยวอู่สามารถลงมืออย่างไร้ปรานีได้ แต่พอเป็นเขาให้ลงมืออย่างพอเหมาะพอดี จะลำเอียงก็ไม่ต้องทำให้โจ่งแจ้งขนาดนี้ก็ได้
“ หึหึ ”ชิงหยู่จับเสี่ยวหยิ่งยัดกลับไปในแขนเสื้อ เขากลั้นยิ้มมองไปทางจูนจิ่ว “ศิษย์น้อง พวกเรากลับกันเถอะ เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวกับเจ้าสำนักไท่ชูบอกว่า หลังจากตื่นแล้วอยากจะเจอกับเจ้า ”
“ได้ ”จูนจิ่วพยักหน้า ไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมาย
พวกเขาเพิ่งไปถึง เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวกับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูก็มาถึง ที่ตามมาด้วยยังมีสองพี่น้องฝู้หลินจ้านกับมู่จิ่งหยวน ในเรื่อนทั้งเจ็ดคนนั่งล้อมวงกัน ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองให้มาก จูนจิ่วเอากล่องยาออกมาวางไว้ตรงหน้าของเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว
พอเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวเห็นก็ประหลาดใจ “นี่คืออะไร”
“ขอบคุณเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวที่ช่วยข้าล้างมลทิน คืนความบริสุทธิ์แก่ข้า นี่คือของขวัญขอบคุณจากข้า หวังว่าเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวจะรับไว้”จูนจิ่วพูด
ได้ยินที่จูนจิ่วพูด เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวก็หัวเราะฮ่าฮ่า ยิ่งอยู่เขาก็ยิ่งรู้สึกชอบเด็กสาวคนนี้มากขึ้นทุกที ฉลาด เจ้าเล่ห์ มีเลศนัย จูนจิ่วคนเดียว มีความสามารถยอดเยี่ยมมากกว่าศิษย์รักสองคนของเขารวมกันเสียอีก เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวแค่เสียดาย ที่จูนจิ่วไม่ใช่ลูกศิษย์ในสำนักศึกษาของเขา เขาหยิบเอากล่องยาขึ้นมา “ไหนให้ข้าดูสิ นังหนูหากของขวัญของคุณที่ให้มันง่ายดายไปละก็ ข้าไม่รับนะ”
ใครก็รู้ว่าเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวพูดล้อเล่นกับจูนจิ่ว แต่ทุกคนต่างก็ยื่นคอยาว จ้อมมองกล่องนั้นอย่างอยากรู้ อยากจะรู้ว่าจูนจิ่วมอบยาอะไรให้ มีเพียงชิงหยู่ที่รู้ดีแก่ใจ สีหน้าภูมิอกภูมิใจ
ยาที่ศิษย์น้องกลั่นขึ้น รอดูให้ตะลึงเถอะ
เปิดกล่องออก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวพอเห็นยาทั้งห้าเม็ดในกล่องนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป เลิกคิ้วตาเบิกกว้างขึ้น เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวประหลาดใจอย่างยิ่ง “นี่คือยาทิพย์ใหญ่”
เฮือก
เสียงสูดลมหายใจเข้า ทุกคนต่างประหลาดใจหันไปมองจูนจิ่วพร้อมกัน ฝู้หลินจ้านกลืนน้ำลาย “จูนจิ่ว นี่คงไม่ใช่ที่เจ้ากลั่นได้ในห้าวันนี่หรอกนะ ยาทิพย์ใหญ่ เจ้าสามารถกลั่นยาทิพย์ใหญ่ได้หรือ”
ยาทิพย์ใหญ่ มีเพียงนักกลั่นยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดจึงจะกลั่นออกมาได้ แม้จะเป็นสำนักศึกษาทั้งสาม ที่ได้ให้การสนับสนุนนักกลั่นยาอยู่หลายคน ก็ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่สามารถกลั่นยาทิพย์ใหญ่ได้
เห็นจูนจิ่วพยักหน้า สีหน้าของทุกคนต่างอึ้งตะลึง จูนจิ่วสามารถกลั่นยาทิพย์ใหญ่ได้
นางวิปริตไปแล้วกระมัง