บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 423 ข้าจะตัดมือนาง
มีการจัดที่พักของสำนักศึกษาจื่อเซียวกับสำนักศึกษาไท่ชูไว้ในบริเวณเดียวกัน แต่ที่ทำให้คิดก็คือ ที่อยู่ไม่ได้อยู่บนเขา แต่อยู่บนทะเลสาบหลังภูเขาลูกใหญ่ มีห้องหับที่สร้างขึ้นสิบสองหลัง ทั้งหมดรายล้อมจนทำให้เกิดเป็นลานขนาดใหญ่
เดือนสิบเอ็ดอุณหภูมิลดลงอย่างน่ากลัว พื้นผิวทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็งบางๆ ทางเข้าก็มีเพียงสะพานที่เป็นทางเดินเท่านั้น
ตอนที่พวกเขาเดินขึ้นไปบนสะพาน ยังได้ยินผู้อาวุโสที่ดูแลสำนักศึกษาเทียนซูพูดอย่างมีเลศนัยว่า “อย่าได้ลงทะเลสาบสุ่มสี่สุ่มห้า ใต้ทะเลสาบมีค่ายกลนับร้อย แม้จะเป็นนักจิตใหญ่ก็ไม่มีใครกล้าทะเล่อทะล่าเข้าไป”
ขณะที่พูด ผู้อาวุโสก็จ้องมองไปที่จูนจิ่ว
พวกเขาไม่มีใครว่าอะไร พอไปถึงลานบ้านแล้ว ทราบว่าตนเองพักอยู่ตรงไหน จากนั้นก็รอผู้ดูแลจากไป ทุกคนก็รีบวิจารณ์กันทันที
ฝู้หลินจ้านสบถก่อนเป็นคนแรก “พวกเจ้าไม่รู้สึกหรือว่าที่นี่เหมือนคุกเลย ทางเข้าออกก็มีเพียงสะพานไม้ ใต้ทะเลสาบยังมีค่ายกล ถ้ามีคนมาปิดกั้นสะพานเอาไว้ พวกเราจะไม่ถูกขังอยู่ในนี้หรอกหรือ”
“อีกอย่างการเคลื่อนไหวของพวกเราต่างก็อยู่ในลานบ้านนี้ ”รอยยิ้มเอื่อยเฉื่อยที่มุมปากของชิงหยู่ก็หายไป เขาขมวดคิ้วมองจูนจิ่ว
จี้อีหมิง“พวกเราเปลี่ยนสถานที่ได้หรือไม่ ปรื๋อ อยู่ที่นี่แล้วรู้สึกหนาวจัง”
สำนักศึกษาเทียนซูไม่สามารถให้พวกเขาเปลี่ยนสถานที่ได้แน่ แม้สถานที่แห่งนี้จะใหญ่โต มีสิ่งก่อสร้างสิบสองหลังที่รายล้อม ภายในยังมีสวนดอกไม้และศาลานั่งพัก เดินหนึ่งรอบก็ต้องเสียเวลาไปกว่าครึ่งวัน แต่เห็นได้ชัดนี่คือกรงขังแห่งหนึ่ง
จูนจิ่วมองทุกคนอย่างสงบ นางรู้ดีแก่ใจ กรงขังนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเขา แต่ใช้เพื่อขังนางเอาไว้ ขอเพียงปิดกั้นสะพาน นางติดปีกก็หนีได้ยาก จูนจิ่วยิ้มเย็น เห็นทีเทียงฉิวจะเตรียมการไว้ดีพอสมควร ไม่รู้ว่าต่อไปจะวาดลวดลายอะไรอีก
เห็นทุกคนต่างก็มองมาที่นาง จูนจิ่วจึงเอ่ยปากพูดว่า “ในเมื่อเรียกเรามาก็ต้องจัดที่อยู่ให้ เดินทางมาเหนื่อยมากแล้ว ทุกคนไปพักเถอะ ”
ทุกคนต่างพยักหน้า ที่นี่ไม่มีคนอื่น พวกเขาวิจารณ์กันอยู่นานและก็ไม่ได้เข้าไปในเรือน แต่ยังไงก็เข้าไปพักผ่อนก่อนเพื่อเสริมพลังกายและสติสัมปชัญญะของสมอง จึงจะสามารถต่อกรกับเรื่องต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
ห้องของจูนจิ่วอยู่ติดกับขอบทะเลสาบ เปิดหน้าต่างออกสามารถมองเห็นทะเลสาบ ยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ภูเขาที่อยู่ไกลออกไป หากเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือว่าฤดูร้อน วิวทิวทัศน์ของที่นี่ต้องสวยงามมากแน่ๆ แต่ตอนนี้ ได้แต่ทำให้คนรู้สึกได้แต่ลมเย็นๆ เหน็บหนาวเข้ากระดูก
พอเข้าห้อง เสี่ยวอู่ก็รีบเร่งให้จูนจิ่วรีบก่อไฟ มันหนาวจนขดเป็นก้อนกลมยังไม่สามารถสกัดกั้นความหนาวได้
เมื่อก่อไฟเสร็จแล้ว เสี่ยวอู่ก็รีบวิ่งไปขดตัวอยู่ข้างเตาไฟทันที ไม่ขยับหนีแม้แต่ครึ่งก้าว
จูนจิ่วมองแล้วก็รู้สึกขัน กำลังจะพูดอะไรบางอย่างจู่ๆก็ต้องขมวดคิ้ว จูนจิ่วหันไปมองทางนอกหน้าต่าง ช่องว่างของหน้าต่าง สามารถมองเห็นเงาร่างของคนที่อยู่ข้างนอก คนคนนั้นยืนอยู่ตรงนั้น ไม่เดินและไม่ขยับ
“เหมียว ”ในเวลาที่มีคนอื่นอยู่ เสี่ยวอู่จะไม่พูดภาษาคน ในเมื่อภาษาเหมียวๆจูนจิ่วก็เข้าใจได้ เขาระแวงจนกางกรงเล็บออก พูดว่า เจ้านายจะให้ข้าไปไล่เขาหรือไม่
จูนจิ่วส่ายหน้า นางให้เสี่ยวอู่ผิงไฟไปก่อน แต่นางกลับผลักประตูเดินออกไป พอเงยหน้าขึ้น สายตาของจูนจิ่วก็มีแววประหลาดใจ คนคนนี้นางรู้จัก แต่คิดไม่ถึงว่านางจะมาอยู่ที่นี่
“ป้าฟาง ”จูนจิ่วเรียกหญิงคนนั้น
“ไปเดินเล่นกับข้าเถอะ”ป้าฟางไม่รอให้จูนจิ่วตอบ แต่ก้าวเท้าเดินไปทันที ราวกับว่านางต้องการให้จูนจิ่วเดินไปกับนางให้ได้
แววตาขรึมลงเล็กน้อย จูนจิ่วก้าวเท้าตามไป นางเห็นป้าฟางพานางไปในที่ลับตาคน อดไม่ได้ที่จะสอดนิ้วเข้าไปในแขนเสื้อจับด้ามของมีดโยวยิ่งเอาไว้ ตอนนี้เอง ป้าฟางหยุดลง
นางยืนอยู่ข้างทะเลสาบ ต้นหลิวข้างๆถูกแช่แข็งเป็นสาย ใต้แสงอาทิตย์ส่องแสงระยิบระยับ จูนจิ่วคลายมือเดินไปยืนอยู่หลังป้าฟางห่างกันประมาณสามก้าว ป้าฟางพูดว่า “เจ้าคงมีคำถามมากมายอยากจะถามข้า ”
เลิกคิ้ว จูนจิ่วตอบเสียงเย็นๆว่า “ไม่มี
ป้าฟางนิ่งอึ้ง นางมองสีหน้าของจูนจิ่วอย่างรู้สึกประหลาดใจและไม่อยากเชื่อ จูนจิ่วไม่มีคำถาม จะเป็นไปได้อย่างไรกัน
นางยังพูดอีกว่า “เจ้าจะไม่ถามหน่อยหรือว่าทำไมข้ามาอยู่ที่นี่ ทำไมจึงต้องการพบเจ้า”
“ถ้าท่านจะพูดข้าก็จะฟัง ”ใบหน้ารูปไข่ของจูนจิ่วสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก เป็นความเย็นชา ที่ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆทั้งสิ้นแม้แต่น้อย เมื่อมองสบตาคู่นั้นของจูนจิ่วที่ก็เย็นชาพอกัน ป้าฟางมีความรู้สึกผิดราวกับว่าถูกมองจนทะลุปรุโปร่ง
นางชิงลงมือก่อนแท้ๆ แต่ทำไมจึคงกลายเป็นว่านางถูกกระทำเสียนี่
นี่มันเกินคาดหมายจริงๆ
แต่พอคิดถึงพลังที่แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อของจูนจิ่วแล้ว ผ่านการตบหน้าสำนักศึกษาเทียนซูมาแล้ว ป้าฟางทั้งรู้สึกชื่นชมและอิจฉา จูนจิ่วนางยอดเยี่ยมและโดดเด่นมาก เสียดาย นางไม่ควรมาที่นี่ ถอนหายใจหนึ่งเฮือก ป้าฟางตั้งใจจะเล่าทุกอย่าง สายตานางมีแววกังวลอยู่หลายส่วน พูดกับจูนจิ่วว่า “จูนจิ่ว เจ้าไม่ควรมาที่นี่ เทียงฉิวไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ ยิ่งเจ้าอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ ก็เข้าใกล้ความตายมากขึ้นทุกที ”
จูนจิ่วเลิกคิ้ว ไม่พูดอะไร
ป้าฟางพูดต่อว่า “หนีไปซะ ตอนหนี้เจ้ายังหนีได้ ถ้าเจ้ากังวลว่าคนของเทียงฉิวที่แฝงตัวอยู่จะไล่ล่าเจ้า ข้าสามารถส่งเจ้าออกไปได้ ไปให้ไกลจากสำนักศึกษาเทียนซู จูนจิ่วเจ้าต้องเชื่อข้า ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อเจ้า ข้าแค่หวังดีกับเจ้าจริงๆ ”
จูนจิ่วยิ้ม แน่นอนว่าต้องเป็นยิ้มเย็นๆ แฝงแววเย้ยหยัน “หวังดีกับข้า ฉะนั้นจึงให้ข้าเป็นทหารหนีศึก”
“จูนจิ่วทำไมเจ้าจึงคิดเช่นนี้ หน้าตาสำคัญ หรือว่าชีวิตสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าไปจากที่นี่จึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ถ้าอยู่ต่อก็เท่ากับผิดซ้ำผิดซ้อน ”พูดถึงสุดท้าย น้ำเสียงของป้าฟางก็กลายเป็นร้อนใจบีบเข้าใกล้ทุกขณะ หรี่ตาลง จูนจิ่วมองป้าฟาง ตอนที่ป้าฟางพูดทุกคำพูด นางก็เริ่มวิเคราะห์ในสมอง สุดท้ายก็ได้ข้อสรุป
ป้าฟางเห็นจูนจิ่วไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จึงอยากจะเอ่ยปากขอร้องขึ้นอีก แต่ครั้งนี้ จูนจิ่วยกมือตัดบทนาง
จูนจิ่วพูดว่า “ท่านให้ข้าหนี เท่ากับแน่ใจว่าข้าต้องแพ้ ฮึ เช่นนั้นท่านก็คิดมากไปแล้ว ข้าไม่มีทางไปจากที่นี่ ”
“จูนจิ่วทำไมเจ้า……”
จูนจิ่วตัดบทป้าฟางอีกครั้ง นางใช้สายตาเย็นชาน่ากลัว มองจนป้าฟางหัวใจกระตุก จูนจิ่วพูดต่อว่า “ถ้าท่านคิดว่า แค่ท่านรู้จักพ่อแม่ข้าก็สามารถบงการข้าได้ เช่นนั้นท่านก็คิดผิดแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ตรงนี้ ก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องของข้า ”
ป้าฟางเบิกตากว้าง สูดหายใจนิ่งอึ้ง จูนจิ่วรู้ได้อย่างไรว่านางรู้จักจูนหมิงเย่กับม่านตง
นางไม่เคยพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่เคยเปิดเผยนี่นา
“ข้ารำคาญคนที่ยุ่งเรื่องคนอื่นมากเกินไป ยั่วให้ข้าโมโห ข้าจะตัดมือนางซะ”น้ำเสียงเลือดเย็นไร้ความรู้สึก ยืนยันว่านางพูดได้ก็ต้องทำได้ ไม่ได้เป็นการพูดเรื่อยเปื่อยหรือต้องการให้นางกลัว ป้าฟางร่างกายแข็งทื่อ
นางยืนนิ่งอยู่กับที่ มองจูนจิ่วที่หมุนตัวกลับไปอย่างเยือกเย็น ป้าฟางอ้าปากแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
นางยุ่งเรื่องคนอื่นมากเกินไปหรือ นางแค่เป็นห่วงและอยากปกป้องจูนจิ่ว
จูนจิ่วเดินไปถึงมุมหนึ่ง เงยหน้าก็เหลือบไปเห็นรองเท้าคู่หนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นเต็มที่มองไปบนร่างของฝู้หลินซวง แววตานิ่งขรึม “เจ้าได้ยินหมดแล้ว”
บังเอิญ เดิมทีคือเป็นห่วงจูนจิ่วจึงเดินตามมา คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดเมื่อครู่
ฝู้หลินซวง “ที่นางพูดก็ไม่ผิด”
“ฉะนั้นเจ้าก็คิดว่าข้าควรจะหนีหรือ”จูนจิ่วถามกลับ