บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ - บทที่ 425 เตะเข้าที่ใบหน้า
ยุติธรรม จูนจิ่วยิ้มเย็น นางได้ยินคำพูดที่น่าขันที่สุด
พวกชิงหยู่ที่พลางจ้องซิงโล่เฉินอย่างโมโห พลางก็รอคำตอบของจูนจิ่วอย่างใจเย็น พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าจูนจิ่วมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาขอร้องหรือยื่นมือเข้าไปยุ่ง แต่ในใจ พวกเขาล้วนไม่อยากให้จูนจิ่วตอบรับ
จูนจิ่ว “ได้”
“เช่นนั้นก็มาประลองกันที่นี่ ออ ข้ายังไม่ได้ยินดีกับเจ้าที่บรรลุนักจิตชั้นแปด หวังว่ายาที่เจ้ากินไปมากมายจะเห็นผลนะ เพราะข้าเองก็จะสะกดพลังเอาไว้ให้อยู่ในระดับนักจิตชั้นแปดเช่นกัน ”ซิงโล่เฉินพูดจาเยาะเย้ยดูถูกซิงโล่เฉิน
ในสายตาของเขา จูนจิ่วก็แค่พึ่งยาต่างๆเพื่อสะสมพลังการฝึกฝน
นางรู้ว่านางต้องมาที่สำนักศึกษาเทียนซู รู้ว่าตนเองคงหลบมือปีศาจของเทียนฉิวไม่พ้น ฉะนั้นจึงใช้ยาในการเสริมพลัง คิดว่าทำเช่นนี้จะทำให้พวกเขากลัวได้หรือ ฮึฮึ จูนจิ่วฝันกลางวันกระมัง
จูนจิ่วส่งเสี่ยวอู่ให้กับชิงหยู่ เสี่ยวอู่มองและกวักอุ้งเท้าให้กับนาง ในใจร้องเหมียวเหมียวให้สู้ๆ สั่งสอนซิงโล่เฉินดีๆสักตั้ง
จูนจิ่วยิ้มลูบหัวของเสี่ยวอู่ หมุนตัวเดินไปทางซิงโล่เฉินหนึ่งก้าว เกินไปยังใจกลางลานฝึกยุทธ
ป้าฟางเห็นดังนั้นก็ก้าวเข้ามาตะโกนว่า “ข้าจะเป็นกรรมการ พวกเจ้าสู้กันพอประมาณ อย่าได้ลงมือทำร้ายอีกฝ่ายให้ได้รับบาดเจ็บ”
“ชิ ”ซิงโล่เฉินยิ้มเย็น หันหลังให้ป้าฟางสายตามีแววดูถูกเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มองป้าฟางอยู่ในสายตา เขารอจะตีแขนขาของจูนจิ่วให้หัก ทรมานนาง จะให้มายั้งมือให้พอประมาณได้อย่างไร
ซิงโล่เฉินสะกดพลังของตัวเองให้อยู่ในชั้นนักจิตชั้นแปด เขากวักนิ้วท้าทายอย่างดูถูกไปทางจูนจิ่ว “เพื่อไม่ให้คนอื่นพูดกันได้ว่าข้ารังแกเจ้า พวกเราไม่ต้องใช้อาวุธ ใช้มือเปล่ามาประลองกัน”
“ศิษย์พี่ซิงสู้ๆ สั่งสอนนางให้ได้ ”หงยิงยิ้มอย่างดุร้าย
ได้เห็นสีหน้าของพวกเขาแล้ว ฝู้หลินซวงก็ขมวดคิ้ว มู่จิ่งหยวนกำหมัดไว้แน่นเอ่ยขึ้นว่า “ซวยล่ะ ไม่ใช้อาวุธอะไรเลย เห็นได้ชัดว่าซิงโล่เฉินต้องการจะตีศิษย์น้องจูนโดยเจตนา สู้กันมือเปล่า แม้เขาจะกดทับพลังเอาไว้ แต่เขาก็มีร่างกายเป็ฯนักจิตใหญ่ระดับสาม จูนจิ่วไม่มีข้อได้เปรียบเลยสักนิดเดียว”
“น่าโมโหจริงๆ แล้วพี่สาวจะทำอย่างไร ”จี้อีหมิงร้อนใจ
ซิงโล่เฉินบอกยุติธรรม นั่นคือการพูดปด
จูนจิ่วเลิกคิ้ว นางค่อยๆคลายมือและร่างกาย จากนั้นค่อยกำหมัดเตรียมท่าทางเหมือนพร้อมรบ จูนจิ่วเอ่ยเสียงเย็น “อย่าเสียเวลาเลย เข้ามาเถอะ”
“ฮึ โง่จนหาเรื่องตาย ”ซิงโล่เฉินพุ่งตัวเข้าไป
เขากำหมัดไว้แน่น หมัดนั้นพุ่งตรงไปที่หน้าของจูนจิ่วอย่างเลือดเย็นจนเกิดเสียงแหวกอากาศดังขึ้น พอลงมือก็ออกอาวุธหนัก จนสามารถทำลายโฉมคนอื่นได้ พูดได้ว่าจิตใจของซิงโล่เฉินนั้นโหดเหี้ยมยิ่งนัก ดูแล้วก็ทำให้ทุกคนหัวใจบีบแน่น มีเพียงหงยิงที่ดูยินดีปรีดา
เท้าขวาของจูนจิ่วหมุนทำให้ร่างกายพลิกไปอีกด้าน หมัดนั้นลอยผ่านหน้าของจูนจิ่วไป ซิงโล่เฉินมีปฏิกิริยาไวมาก เปลี่ยนจากหมัดเป็นฝ่ามือสับลงไปที่นาง
ใครจะรู้ว่าจูนจิ่วไม่ได้หลบหลีกอีก กลับใช้มือทั้งคู่เกี่ยวแขนของซิงโล่เฉินเอาไว้ ดึงไปข้างหน้า พลังของจูนจิ่วนั้นอ่อนโยนมาก สามารถแก้ไขฝ่ามือพิฆาตของซิงโล่เฉินได้อย่างชาญฉลาด ดึงจนร่างของเขาไม่มั่นคง
พริบตาต่อมา จูนจิ่วหายไปแล้ว
หากบอกว่าเมื่อครู่ถูกดึงจนทำให้ร่างกายไม่มั่นคง นั่นถือว่าเล็กน้อยมาก เพราะพริบตาต่อมา จูนจิ่วใช้ความเร็วดุจผีปีศาจไปยืนอยู่ด้านหลังซิงโล่เฉินเตะออกไปหนึ่งที โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ซิงโล่เฉินไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ ถูกเตะจนเซไป เกือบจะเอาหน้าทิ่มลงไปกับพื้น
รอยยิ้มบนใบหน้าของหงยิงหายไป เป็นไปไม่ได้ เพิ่งจะประมือกัน ทำไมจึงเป็นซิงโล่เฉินที่เผยท่าทีอ่อนแอออกมาได้
“จูนจิ่ว”ซิงโล่เฉินรู้สึกโกรธที่ถูกทำให้อับอาย
เขาหมุนตัวซัดฝ่ามืออันดุดันไปที่กระหม่อมของจูนจิ่ว ไม่ฆ่านาง ก็จะให้นางเหมือนตายทั้งเป็น จูนจิ่วถอยร่างไปข้างหลัง กระบวนท่านี้ของซิงโล่เฉินไร้ผลอีกแล้ว เขารีบเปลี่ยนท่า ยกขาขึ้นข้างหนึ่งเตะไปยังจูนจิ่วอย่างโหดเหี้ยม ส่งพลังทิพย์ไปที่ขา ถ้าโดนเตะเข้าไป กระดูกบนร่างของจูนจิ่วคงหักหลายท่อน
และก็ไม่มีใครรู้ว่าจูนจิ่วทำได้อย่างไร นางเหมือนไม่ได้ออกแรงเลยสักนิด ร่างกายราวกับปลาที่พริ้มไหวอย่างเจ้าเล่ห์ เปลี่ยนท่าเพื่อหลบหลีกซิงโล่เฉิน
มือขวาตบไปบนพื้น เพื่อส่งแรงกระโดดขึ้นยกขา
ปัง
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ตกตะลึง ทุกคนต่างเบิกตากว้างมองอย่างนิ่งอึ้ง ซิงโล่เฉินก็มึนงงไปหมด ความเจ็บบนใบหน้าทำให้เขารู้สึกทนไม่ได้
เมื่อครู่ เขาถูกลูกเตะของจูนจิ่วเตะเข้าที่หน้าของเขา ด้วยพลังกายของนักจิตใหญ่ชั้นสาม จูนจิ่วไม่สามารถเตะจนกระดูกเขาหักได้ แต่ว่าภายใต้ความเจ็บ กระดูกไม่หักแต่ก็คงจะเกิดรอยร้าว
ใบหน้ามีรอยเท้าจางๆประทับอยู่ ซิงโล่เฉินหายใจแรง จ้องมองจูนจิ่วอย่างดุร้าย
ยืนมั่นคงแล้วตบไปที่ชายกระโปรง มุมปากของจูนจิ่วเผยรอยยิ้มเย็นชาอวดดี “ซิงโล่เฉิน ท่านออมมือแล้ว”
“ไม่ได้ ต้องชนะสองในสาม เจ้าคิดว่าแค่อาศัยวรยุทธมือเปล่าก็มีสิทธิ์มาถึงนี่หรืออย่างไร จูนจิ่ว หยิบอาวุธของเจ้ามา เมื่อครู่ข้ายอมออมมือให้เจ้า แต่ครั้งนี้ถ้าไม่มีความสามารถจริงก็รีบอาศัยโอกาสนี้ไสหัวไปซะ”ซิงโล่เฉินไม่คิดอะไร รีบพูดออกไปทันที
ทุกคนได้ยินต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ไร้ยางอาย ไม่เอาหน้า
ไม่คิดเลยว่าซิงโล่เฉินจะเป็นคนไร้ยางอายไม่ยอมรับความจริง ชนะสองในสามอะไรกัน เมื่อครู่ทำไมไม่พูด
สีหน้าของป้าฟางก็ไม่น่าดูนัก แม้นางอยากจะยืมมือซิงโล่เฉินเพื่อทำให้จูนจิ่วรู้ว่ายากและถอยไปเอง แต่พอเห็นซิงโล่เฉินลงมืออย่างโหดเหี้ยม จะให้ประลองต่อไปได้อย่างไร แต่ว่าก่อนที่นางจะเอ่ยปากหยุดการประลอง จูนจิ่วก็เห็นด้วยซะก่อน
นางพูดเสียงเย็นว่า “ได้”
เสี่ยวอู่ไม่เข้าใจ ถามนางในใจ “เจ้านาย ทำไมท่านยังต้องไปสู้กับคนเลวไร้ยางอายอย่างเขาอีก”
“รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ซิงโล่เฉินเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งมาก ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรก็ต้องปะทะกัน ตอนนี้เขาสะกดพลังเอาไว้ เป็นโอกาสที่หาได้ยาก”จุนจิ่วตอบเสี่ยวอู่ นี่เป็นโอกาสที่เขาจะทดสอบแนวทางการโจมตีของซิงโล่เฉิน
นางดูออกถึงแผนที่ชั่วร้ายที่อยากจะทรมานนางออกตั้งนานแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นการประลองเท่านั้น หากเป็นการพบกันโดยส่วนตัวแล้วละก็ ลงมืออีกครั้งก็คงเป็นกระบวนท่าที่เอาชีวิตอีกฝ่าย
ถ้าหากไม่ทำความเข้าใจซิงโล่เฉินเลยแม้แต่น้อย จะชนะได้อย่างไร
จูนจิ่วเห็นซิงโล่เฉินเอาดาบโค้งออกมา ดาบโค้งแหลมคม บนด้ามของดาบมีหินทิพย์ระดับสามประดับอยู่สามเม็ด ทำให้ดาบโค้งที่มีพลังน่ากลัว มีไอสังหารพวยพุ่งออกมา
นางได้รับรู้ถึงจุดอ่อนของซิงโล่เฉินแล้ว นั่นก็คือเขาทำศึกประชิดตัวไม่ได้
ไม่ได้ ถ้าพวกชิงหยู่รู้ถึงความคิดในใจของจูนจิ่ว คงต้องคลั่งแน่ วรยุทธของซิงโล่เฉินนั้นนับว่าร้ายกาจมากแล้ว แต่เจ้านั่นแหละที่ร้ายกาจวิปริต อายุน้อยๆ แต่ดูแล้วยังจะมีประสบการณ์มากกว่าซิงโล่เฉิน
“ฟู่ ฮ่าฮ่าฮ่า จูนจิ่วใครให้ความกล้ากับเจ้ามา เอามีดสั้นมาเล่มเดียวก็จะสู้กับข้า ”ซิงโล่เฉินหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เห็นเพียงในมือจูนจิ่ว เอามีดโยวยิ่งออกมาแต่ไม่ใช่ป๋ายเย่
ใช้นิ้วมือหมุนเล่นไปมา โยวยิ่งหมุนอย่างสวยงามอยู่หนึ่งรอบ จูนจิ่วยิ้มเย็นมองไปทางซิงโล่เฉิน “ไม่ต้องสนว่าข้าจะใช้มีดสั้นหรือดาบยาว แค่ชนะท่านได้ก็พอแล้ว ”
“ชนะข้า ฝันไปเถอะ”
ซิงโล่เฉินหน้าตาโหดเหี้ยม มือที่ถือดาบโค้งพุ่งเข้ามา อาวุธอยู่ในมือ อันตรายจากซิงโล่เฉินค่อยๆเพิ่มขึ้น ลงมือโจมตีจูนจิ่วไม่ยั้งมือ ทุกกระบวนท่าที่ออกมาล้วนอำมหิตอย่างมาก ทำให้พวกเขารู้สึกกลัว ถ้าไม่ระวังจูนจิ่วคงต้องถูกบาดคอแน่
มู่จิ่งหยวนขมวดคิ้วแน่น “เป็นเช่นนี้ต่อไป ศิษย์น้องจูนต้องได้รับอันตรายแน่”
“ศิษย์น้องใช้โยวยิ่ง ต้องมีจุดประสงค์ของนางแน่ ”ชิงหยู่แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ในใจกลับร้อนรุ่ม เป็นห่วงไม่ไหวแล้ว แต่เขายังคงยืนหยัด เชื่อใจจูนจิ่วก็พอ